วันจันทร์ ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2568
‘อนุทิน’ชัดเจน!ไทยเดินหน้าลุย
ไม่มีแผนหยุดยิง
เผย‘อันวาร์’แค่ขอให้ยุติยั่วยุ
‘ทรัมป์’ขู่เล่นงานผู้เกี่ยวข้อง
‘สีหศักดิ์’ตอกเขมรไม่จริงใจ
“ทรัมป์” ขู่เล่นงาน “ผู้เกี่ยวข้อง” หวัง “ไทย-กัมพูชา” เคารพข้อตกลง ยุติการเข่นฆ่า สร้างสันติภาพยั่งยืน ด้าน กต. ซัดกัมพูชา ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ห้ามต่างชาติ-คนไทย เดินทางทางบก พร้อมเปิดสมรภูมิโซเชียลมีเดีย โดยการชี้แจงข้อเท็จจริงชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ถูกบิดเบือน ผ่านทางเฟซบุ๊กสถานทูต 90 แห่งทั่วโลก ขณะที่‘อนุทิน’ เปิดคำแถลง‘อันวาร์’ ชัดเจน รัฐบาลไทยไม่มีแผน-ข้อตกลง‘หยุดยิง’ แต่เป็นข้อเสนอให้ยุติการยั่วยุ และไม่ได้ระบุว่าทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงร่วมกันแล้ว ด้าน‘สีหศักดิ์’ซัดเขมรไม่เคยจริงใจ ปากบอกพร้อมหยุดยิงแต่ก็ยิงใส่ไทยซ้ำๆ เสนอประชุม‘รมว.กต.อาเซียน’ ที่จาการ์ตา อินโตนีเซีย
หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้โทรศัพท์หารือกับ นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรีไทย และ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อค่ำวันที่ 12 ธันวาคม 2568 และโพสต์บนโซเชียลมีเดียของตนเองว่า ผู้นำไทย-กัมพูชาตกลงที่จะหยุดยิงและกลับสู่ข้อตกลงสันติภาพ ทั้งบอกด้วยว่าเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดเป็นอุบัติเหตุ แต่ไทยตอบโต้กลับอย่างรุนแรง ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างมากในสังคมไทย ขณะที่ นายอนุทินและนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ยืนยันว่า ระหว่างการหารือกับทรัมป์ ไม่ได้มีการพูดถึงการหยุดยิง แต่ได้มอบให้รัฐมนตรีต่างประเทศไปหารือกันต่อไป
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า โฆษกทำเนียบขาวร ะบุในแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์คาดหวังว่าทุกฝ่ายจะเคารพและปฎิบัติตามพันธกรณีที่ได้ให้ไว้ในการลงนามข้อตกลงอย่างครบถ้วน และประธานาธิบดีจะดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามความจำเป็น เพื่อหยุดยั้งการสังหารและสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน นายอนุทิน ให้คำมั่นเมื่อวันเสาร์ว่า จะเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารต่อไป จนกว่าเราจะมั่นใจว่าไม่มีอันตรายและภัยคุกคามใดๆ ต่อแผ่นดินและประชาชนไทยอีก“ผมขอชี้แจงให้ชัดเจน การกระทำของเราในเช้าวันนี้ได้พูดแทนทุกอย่างแล้ว” อนุทินโพสต์บนเฟซบุ๊กหลังจากที่ทรัมป์โพสต์ว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะหยุดยิงทั้งหมด
นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยับยั้งชั่งใจสูงสุด ยุติการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ทุกรูปแบบ และงดเว้นการปฏิบัติการทางทหารเพิ่มเติมใดๆ รวมถึงการใช้กำลังหรือการเคลื่อนกำลังของหน่วยติดอาวุธไปข้างหน้า โดยให้มีผลตั้งแต่เวลา 22.00 น. ของวันที่ 13 ธันวาคม พร้อมกับระบุว่า ได้ร้องขอให้มีการส่งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ซึ่งนำโดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดของมาเลเซีย ลงพื้นที่ชายแดน และรัฐบาลสหรัฐจะสนับสนุนเพิ่มเติมด้วยขีดความสามารถในการติดตามสถานการณ์ผ่านดาวเทียม เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในวันที่ 16 ธันวาคมนี้
ด้าน นายฮุน มาเนต ระบุบนเฟซบุ๊กเมื่อวันเสาร์ว่า เขายินดีต้อนรับข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเจรจาสันติภาพ ให้มีการยุติการสู้รบตั้งแต่เย็นวันเสาร์เป็นต้นไป
รอยเตอร์ รายงานว่า เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอของมาเลเซีย อนุทินตอบว่า “ยังไม่มีข้อตกลงใดๆ เกี่ยวกับการหยุดยั้งสิ่งใดทั้งสิ้น” ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยกล่าวระหว่างแถลงข่าวว่า ไทยจะให้ความร่วมมือกับ AOT แต่การหยุดยิงใดๆ จำเป็นต้องมีการเจรจากันก่อน เพราะเราไม่สามารถประกาศหยุดยิงได้ ในขณะที่การสู้รบยังคงดำเนินอยู่
กัมพูชาและไทยได้แลกเปลี่ยนการยิงอาวุธหนักในหลายจุดตลอดแนวชายแดนยาว 817 กิโลเมตร ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา นับเป็นการสู้รบที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่การปะทะกันนาน 5 วันเมื่อเดือนกรกฎาคม โดยการสู้รบยังคงดำเนินต่อไปในวันที่ 14 ธันวาคม แม้ผู้นำทั้งสองประเทศจะได้หารือกับทรัมป์ และแม้ว่า ฮุน มาเนต ผู้นำกัมพูชาจะบอกว่ายินดียุติการสู้รบในวันที่ 13 ธันวาคม ตามคำร้องขอของนายอันวาร์ก็ตาม
ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ในส่วนของภาพรวมการดูแลคนไทยที่ติดค้างในกัมพูชา ที่ต้องการเดินทางกลับประเทศไทยโดยยังติดขัดอยู่ที่ปอยเปต เนื่องจาก ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสนอแนะให้รัฐบาลกัมพูชาระงับการเดินทางทางบก ของคนต่างชาติรวมถึงคนไทย ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศชัดเจน
“ขอยืนยันว่า ประเทศไทยปฏิบัติตามหลักสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ ให้ความร่วมมือและดําเนินการทุกสิ่งทุกอย่างสําหรับคนต่างชาติในประเทศไทย โดยเฉพาะคนกัมพูชาที่มีความชัดเจน ถึงแม้การเดินทางทางบกมีส่วนที่ติดขัดจากประกาศดังกล่าว ทางสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่พร้อมที่จะช่วยอํานวยความสะดวกให้คนไทยเดินทางออกทางอากาศ โดยจะออกเอกสารฉุกเฉิน เที่ยวบินวันละ 1,000 ที่นั่ง จากเสียมราฐ” นางมาระตี กล่าว
ในส่วนของข้อมูลข่าวสารที่มีการบิดเบือนนั้น นางมาระตี ระบุว่า ทางสถานเอกอัครราชทูตทั่วโลกของไทยได้ใช้ประโยชน์จากเอกสารที่ออกจากศูนย์แถลงข่าว ขึ้นเว็บไซต์เฟซบุ๊ก สถานทูต 90 แห่งทั่วโลก เพื่อชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนกับชาวต่างชาติและสื่อต่างประเทศ ถือเป็นอีกสมรภูมิหนึ่งในโซเชียลมีเดีย ที่มีความจําเป็นที่จะต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง
ทางด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเป็นภาษาอังกฤษ ระบุว่า Dear PM Anutin My statement #DID #NOT mention ceasefire I merely said – my suggestion to cease any provocations from 10 pm. I didn’t say that both parties have agreed.
The above statement was sent to me from Prime Minister Anwar Ibrahim yesterday. This clearly proves that there was no plan nor agreement by Thai Government to ceasefire with our enemy as of 10 pm last night. Thailand stands firm with our determination to preserve, protect and defend integrity of our land and our people at all cost
โดยข้อความดังกล่าวแปลเป็นไทยได้ว่า “เรียน นายกรัฐมนตรี อนุทิน คำแถลงของผม #ไม่ได้ #กล่าวถึงการหยุดยิง ผมเพียงแต่กล่าวว่า - ผมเสนอให้ยุติการยั่วยุใดๆ ตั้งแต่เวลา 22.00 น. เป็นต้นไป ผมไม่ได้บอกว่าทั้งสองฝ่ายตกลงกันแล้ว”
คำแถลงข้างต้นถูกส่งมาถึงผมจากนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม เมื่อวานนี้ ซึ่งพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่ารัฐบาลไทยไม่มีแผนหรือข้อตกลงใดๆ ที่จะหยุดยิงกับศัตรูของเราตั้งแต่เวลา 22.00 น. ของเมื่อคืนนี้ ประเทศไทยยืนหยัดอย่างมั่นคงในความมุ่งมั่นที่จะรักษา ปกป้อง และพิทักษ์บูรณภาพของแผ่นดินและประชาชนของเราอย่างสุดกำลัง”
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์หลังพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กับ รมว.การต่างประเทศเวียดนามว่า ทางเวียดนามก็รับทราบว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร เขาเห็นการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี การคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งตนก็ได้บอกไปว่าขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชา ที่เขาแสดงความพร้อมเมื่อไหร่ เพราะเมื่อวานก็เห็นได้ชัดว่ายังพูดถึงการหยุดยิง แล้ววันนี้เขาทำอะไร เขาก็ยิง BM-21 ข้ามมาฝั่งไทย ถูกพลเรือนของเราเสียชีวิต และบาดเจ็บหลายคน แบบนี้กัมพูชาพร้อมจะหยุดยิงหรือไม่
“เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะพูดเรื่องการหยุดยิง ต้องพูดกันแบบจริงจังด้วยความจริงใจ และเราอยากจะให้ฝ่ายสหรัฐอเมริกาที่อยากจะเห็นการหยุดจริง อยากเห็นสันติภาพกลับมา ก็ต้องเข้าใจสถานการณ์อย่างแท้จริง เข้าใจความรู้สึกของคนไทย เข้าใจความรู้สึกของประเทศไทย อย่างที่ผมเรียนไปว่า ความกังวลนั้น เป็นความกังวลอย่างแท้จริง เหตุการณ์ทุ่นระเบิดก็เกิดขึ้นจริง ไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ เพราะฉะนั้นหากจะหยุดยิงต้องจริงใจต่อกัน พิสูจน์กันด้วยการกระทำ” นายสีหศักดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่วถามว่า ล่าสุด นายอันวาร์ ชี้แจงกับนายอนุทิน เกี่ยวกับการหยุดยิง นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ท่านพูดว่า อยากให้การยั่วยุทั้งหลายมีการยุติลง ท่านชี้แจงว่าไม่ได้พูดถึงเรื่องการหยุดยิง
ถามต่อว่า หลังจากนี้ ที่กัมพูชายกระดับตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ จะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบหรือไม่นั้น นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ตนเคยเรียนตลอดเวลาว่า ประเทศไทยก็อยากจะคุยอย่างจริงจัง ในประเด็นที่เป็นปัญหาระหว่างกันเพื่อหาทางออก แต่ถ้ากัมพูชาไม่พร้อมที่จะคุยสถานการณ์ก็ต้องเป็นแบบนี้ ตนเคยพูดหลายครั้งแล้วว่ามีสองเส้นทาง เส้นทางหนึ่ง คือ มีความขัดแย้งมากขึ้น มีความสูญเสียมากขึ้นทั้งสองฝ่าย อีกเส้นทางหนึ่ง คือ สันติภาพ มีการพูดคุยกัน ตนก็ยังรู้สึกว่าฝ่ายกัมพูชา ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าไปเส้นทางไหน เพราะฉะนั้นถ้ากัมพูชายังไม่ตัดสินใจ ประเทศไทยจะไปคนเดียวได้อย่างไร
ต่อข้อถามว่าจุดไหนที่ทำให้เราเชื่อมั่นว่ากัมพูชาพร้อมที่จะพูดคุย นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดถึงเรื่องการหยุดยิงก็หยุดยิงได้เลย ถูกหรือไม่ ไม่ใช่พูดถึงการหยุดยิง แล้วก็ยังยิง ซ้ำแล้วซ้ำอีก
สำหรับเรื่องที่จะมีการช่วยเหลือคนไทยจากกัมพูชากลับมาวันละ 1,000 ที่นั่ง นั้น นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าออกทางชายแดนไม่ได้ ตามจุดผ่านแดน โดยเฉพาะที่ปอยเปต อาจจะต้องใช้วิธีการให้เดินทางกลับด้วยเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งเรามีเที่ยวบินที่ไปเสียมราฐ ตนเข้าใจว่าวันละ 3 เที่ยวบิน ก็จะทยอยพาคนไทยที่ประสงค์จะกลับประเทศไทยผ่านทางอากาศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายอันวาร์จะให้มีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน เราจะต้องมีการเตรียมตัวอย่างไร นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า อันดับแรกเราพร้อมที่จะไป ขึ้นอยู่กับว่าจะจัดได้หรือไม่ และขึ้นอยู่กับประเทศอื่นๆ ว่าพร้อมที่จะไปด้วยหรือไม่ คิดว่าเรื่องที่สำคัญแบบนี้ ต้องประชุมที่นั่นเลย การประชุมออนไลน์ไม่ทำให้สามารถคุยกันลงลึกอย่างแท้จริง ซึ่งเราก็มีความพร้อมที่จะไปพูดคุยในประเด็นที่เป็นปัญหาจริงๆ เบื้องต้นได้พูดคุยถึงวันที่ประเทศไทยสะดวก ซึ่งเร็วที่สุดจะเป็นวันที่ 16 ธันวาคมนี้ เราก็พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ และได้ให้วันไป แต่ตอนนี้ยังตกลงกันไม่ได้เรื่องวัน ยังต้องดูอีกที และอาจจะไม่ได้ไปประชุมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยเราได้เสนอให้ไปประชุมที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสำนักเลขาธิการอาเซียน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กองทัพต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยชี้แจงประชาคมโลก ภายหลังตรวจพบสมุดจดบันทึกพิกัดการวางทุ่นระเบิดของทหารกัมพูชานั้น นายสีหศักดิ์กล่าวว่า เราชี้แจงมาตลอดในทุกโอกาสและทุกเวทีก็นำประเด็นนี้ไปชี้แจง เช่น ในการประชุมรัฐสภาคีอนุสัญญาออตตาวา ที่นครเจนีวา ก็ได้พูดถึงกรณีที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดถึง 7 ครั้ง และได้เสนอในแง่ของถ้อยแถลง นำเสนอวิดีโอคลิปซึ่งทำมาในทุกเวที
เมื่อถามว่าการที่กัมพูชาเริ่มกลับมาโจมตีพื้นที่พลเรือน จะยกระดับการชี้แจงตอบโต้อะไรเพิ่มเติมมากกว่าการประณามหรือไม่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของฝ่ายทหารในการดำเนินการ ซึ่งฝ่ายทหารรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ในส่วนการปฏิบัติการทางการทูตก็พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติการทางทหาร การยกระดับอะไรต่าง ๆ คงเป็นเรื่องของฝ่ายทหาร
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายกังวล ว่าท่าทีที่แข็งกร้าวของไทยจะทำให้นานาชาติมองไทยเป็นผู้เล่นที่ก้าวร้าว นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า “ผมไม่คิดว่าเราก้าวร้าว เรามีท่าทีที่ปกป้องผลประโยชน์ และไม่ได้คิดว่าเราตั้งใจที่จะมามีท่าทีที่แข็งกร้าวเกินความจำเป็น ซึ่งเราต้องปกป้องผลประโยชน์ของเราอย่างเต็มที่อยู่แล้ว คงไม่ใช่ท่าทีที่ก้าวร้าว การที่ทหารไทยต้องสูญเสียขา แล้วเราออกมาแสดงท่าที่ที่เข้มแข็งในเวทีระหว่างประเทศ เป็นการก้าวร้าวหรือไม่ ซึ่งก็ไม่ได้ก้าวร้าว”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี