เชาว์ เดือดซัด กล้าธรรม ดิ้นพล่านเหมือนไส้เดือนคลุกขี้เถ้า ป้อง อภิสิทธิ์ ไม่ขอเป็นนั่งร้านให้ ทุนเทา

เชาว์ เดือดซัด กล้าธรรม ดิ้นพล่านเหมือนไส้เดือนคลุกขี้เถ้า ป้อง อภิสิทธิ์ ไม่ขอเป็นนั่งร้านให้ ทุนเทา

วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 17.03 น.

‘เชาว์’ เดือดซัด ‘กล้าธรรม’ ดิ้นพล่านเหมือนไส้เดือนคลุกขี้เถ้า ป้อง ‘อภิสิทธิ์’ ไม่ขอเป็นนั่งร้านให้ ‘ทุนเทา’ ชี้ไม่เอา “กล้าธรรม” เพราะเรา “กล้าทำ”

วันที่ 24 ธันวาคม 2568 นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Chao Meekhuad หัวข้อ “หยุดบิดเบือน! การ ‘มีจุดยืน’ ไม่ใช่การสร้างความขัดแย้ง แต่การ ‘ไร้หลักการ’ ต่างหาก ที่พาประเทศสู่วิกฤตซ้ำซาก” เพื่อตอบโต้กรณีที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ แกนนำพรรคกล้าธรรม และโฆษกพรรค ออกมาโจมตีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยวาทกรรม “ดีแต่พูด” หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ประกาศจุดยืนไม่ร่วมรัฐบาลด้วย


นายเชาว์ ระบุว่า ตนไม่ขอลงไปคลุกโคลนสาดกันแบบการเมืองเก่า ที่กำลังดิ้นทุรนทุราย ไม่ต่างจาก “ไส้เดือนคลุกขี้เถ้า” แต่จำเป็นต้องชี้แจงเพื่อไม่ให้สังคมถูกเบี่ยงประเด็น โดยชี้ว่าพรรคกล้าธรรมอ้างว่าจะพาประเทศไปข้างหน้า แต่เนื้อในกลับเป็นการรวมตัวของกลุ่มการเมืองหน้าเดิม เพียงแค่เปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อหวังกลับเข้าสู่อำนาจ

“ใครเคยกราบเท้าใคร แล้วเนรคุณเขาในทางการเมือง คนพรรคนี้ก็น่าจะรู้กันดี” นายเชาว์ ระบุ

อดีตรองโฆษก ปชป. กล่าวต่อว่า การที่หัวหน้าอภิสิทธิ์ประกาศไม่ร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม คือการ “ติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก” เพราะหากยอมจับมือกับพรรคที่ถูกตั้งคำถามเรื่อง “ทุนเทา” เพียงเพื่อหวังเป็นรัฐบาล จะเป็นการพาประเทศกลับสู่วงจรอุบาทว์ของการทุจริตและความเสื่อมศรัทธา ซึ่งสังคมไทยเคยเจ็บปวดมาแล้ว ส่วนวาทกรรม “ดีแต่พูด” นั้น ถูกใช้เพื่อด้อยค่าการตรวจสอบ แต่บทเรียนพิสูจน์แล้วว่า การยืนหยัดในหลักการสำคัญกว่าการลงมือทำเพื่อพวกพ้อง

นายเชาว์ ยังยกผลงานของนายอภิสิทธิ์ในอดีต ที่สามารถฟื้นฟูบ้านเมืองจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ จนเศรษฐกิจไทยโตถึง 7.5% พร้อมย้ำว่านายอภิสิทธิ์เคารพกระบวนการยุติธรรม ไม่เคยหนีคดี ไม่เคยออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ตัวเอง และไม่เคยตระบัดสัตย์เพื่อรักษาเก้าอี้

“คนของพรรคกล้าธรรมพยายามใช้คำว่า ‘ความสามัคคี’ เพื่อปิดปากคำถามเรื่องจริยธรรม แต่ผมเชื่อว่าสังคมแยกออกระหว่าง ความสามัคคีของประชาชน กับ การฮั้วกันของนักการเมือง การขีดเส้นแบ่งไม่ใช่การแตกแยก แต่คือการแยก ‘การเมืองสีขาว’ ออกจาก ‘การเมืองสีเทา’”

ในช่วงท้าย นายเชาว์ ทิ้งท้ายอย่างเผ็ดร้อนถึงกรณีที่ถูกปรามาสว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีสิทธิ์กำหนดทิศทางการเมืองว่า สะท้อนทัศนคติที่มองการเมืองเป็นเพียงเกมตัวเลขและการต่อรองเก้าอี้ แต่สำหรับประชาธิปัตย์ในปี 2569 จำนวน ส.ส. ไม่สำคัญเท่าคุณภาพและความศรัทธา

“เราพร้อมเป็นรัฐบาล และพร้อมเป็นฝ่ายค้าน แต่เราไม่พร้อมเป็น ‘นั่งร้าน’ ให้ใครเข้าไปโกงบ้านกินเมือง... ขอบคุณพรรคกล้าธรรม ที่ช่วยทำให้ประชาชนเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า เราต่างกันอย่างไร พรรคหนึ่งพร้อมจับมือกับใครก็ได้เพื่อเป็นรัฐบาล อีกพรรคหนึ่งยอมยืนเดี่ยวไม่เอาทุนเทา โดยไม่หยุดแค่คำพูด แต่พิสูจน์ด้วยการกระทำ ประกาศไม่เอา ‘กล้าธรรม’ เพราะเรา ‘กล้าทำ’ การเลือกตั้งปี 2569 ให้ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินครับ” นายเชาว์ กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top