ยศชนัน-เพื่อไทย รับฟังวิกฤตสตาร์ทอัพ พร้อมรับข้อเสนอ กองทัพนวัตกรรม ไปผลักดันให้เกิดขึ้นจริง

ยศชนัน-เพื่อไทย รับฟังวิกฤตสตาร์ทอัพ พร้อมรับข้อเสนอ กองทัพนวัตกรรม ไปผลักดันให้เกิดขึ้นจริง

วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 19.07 น.

“ยศชนัน-เพื่อไทย” หารือสมาคมการค้าไทยสตาร์ทอัพ รับฟังพร้อมรับข้อเสนอ “กองทัพนวัตกรรม” ไปผลักดันให้เกิดขึ้นจริง กู้วิกฤตเงินไหลออกนอกประเทศ 

วันที่ 25 ธันวาคม 2568 ที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ เข้าร่วมหารือกับสมาคมการค้าไทยสตาร์ทอัพ เพื่อสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบ Startup ไทย และนำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายในการสร้าง “กองทัพนวัตกรรม” เพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ โดยมีนายธนวิชญ์ ต้นกันยา นายกสมาคมการค้าไทยสตาร์ทอัพ และคณะให้การต้อนรับ


ผู้แทนสมาคมฯ ได้นำเสนอภาพรวมความเจ็บปวดของเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ชี้ให้เห็นปัญหาสำคัญว่า รายได้ของคนไทยและผู้ประกอบการรายย่อยไม่หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่เม็ดเงินจำนวนมากกลับไหลออกไปยังแพลตฟอร์มต่างชาติ ธุรกิจขนาดใหญ่ และกิจกรรมเศรษฐกิจนอกระบบ ส่งผลให้ SME และ Startup ซึ่งเป็นฐานการจ้างงานหลักของประเทศ ขาดโอกาสในการเติบโตอย่างแท้จริง

ทางสมาคมฯ จึงยื่นข้อเสนอสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1. การแก้ไขกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นทางกลไกการเงินและหยุดเลือดที่ไหลออกนอกประเทศ 2. การสร้าง “กองทัพนวัตกรรม” ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ผ่านโครงการ Innovation Talent Accelerator, Risk Capital Sandbox และ National Platform เพื่อลดการผูกขาด และ 3. การเปิดเวทีนโยบายใหญ่ในวันที่ 20 มกราคม เพื่อระดมความเห็นจากทุกภาคส่วน

ด้าน ศ.ดร.ยศชนัน กล่าวว่า เมื่อวานตนได้ไปคุยกับทางสภาอุตสาหกรรมซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ แต่วันนี้ตั้งใจมาเน้นที่กลุ่ม Startup ซึ่งตนมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดีตั้งแต่สมัยดูแลงานบ่มเพาะธุรกิจ (Incubate) ที่มหาวิทยาลัยมหิดล และทำงานร่วมกับ NIA มาโดยตลอด  แม้ทางพรรคจะมีแพ็กเกจการสนับสนุนเตรียมไว้บ้างแล้ว แต่ในวงพูดคุยรอบแรกนี้ ตนอยากเปิดใจรับฟังทุกคนแบบสบายๆ เป็นกันเอง ไม่เน้นพิธีการ เพื่อให้เรามองเห็นภาพความเป็นจริงเดียวกันและก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน

“ผมมักถามตัวเองเสมอว่า เรามีความน่าเชื่อถือ (Authority) พอที่จะพูดเรื่องนี้ไหม ที่ผมมาวันนี้ ก็เพราะผมเคยลงมือทำเรื่องพวกนี้มาพอสมควร และตั้งใจจะมาผลักดันให้เกิดขึ้นจริง” ศ.ดร.ยศชนัน กล่าว

ศ.ดร.ยศชนัน ยังได้ระบุถึงแนวทางที่อยากพัฒนาคือการมองภาพรวมทั้ง “ระบบนิเวศ” (Ecosystem) ไม่ใช่การแก้ปัญหาเป็นรายกรณี โดยมองว่าสิ่งที่ Startup ต้องการเร่งด่วนในปัจจุบัน คือการที่ภาครัฐต้องเข้ามาช่วยวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี โดยสิ่งที่ Startup ต้องการคือการรวมศูนย์ข้อมูล (Data Pooling), การวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึงเทคโนโลยีหลัก (Core Technology) ซึ่งตนมองว่ารัฐควรเข้ามาช่วย License In หรือซื้อสิทธิ์การใช้งานเข้ามาเป็นฐานให้พวกเรา เพื่อลดข้อจำกัดเรื่องสิทธิบัตร (Freedom to Operate) เวลาขยายธุรกิจ ซึ่งตรงนี้ตนจะเข้ามาดูแลให้

นอกจากนี้ ศ.ดร.ยศชนัน ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของสภาพแวดล้อม (Environment) โดยเปรียบเทียบกับ Silicon Valley หรือ Kendall Square ที่บอสตัน ซึ่งความสำเร็จเกิดจากการที่คนในระบบนิเวศเดินไปมาหาสู่กันได้ เจอทั้ง Hackathon, Incubator และผู้เชี่ยวชาญ สำหรับประเทศไทย ย่านจุฬาฯ หรือเชียงใหม่ ถือว่ามีศักยภาพ แต่ยังขาดองค์ประกอบที่ครบทั้ง 5 ขาที่จะมารวมตัวกัน ได้แก่ Startup, มหาวิทยาลัย, VC, บริษัทใหญ่ (Big Corporate) และภาคการผลิต

“เราอยากเห็นพื้นที่ส่วนกลาง (Shared Space) ในเมืองที่ดึงดูดคนหลากหลายกลุ่มให้มาเจอกันได้ รวมถึงเรื่องระบบขนส่ง (Transportation) ที่เอื้อต่อการทำงานของ Startup ซึ่งรัฐบาลสามารถเข้ามาช่วยจัดการได้” ศ.ดร.ยศชนัน กล่าว

ทั้งนี้ ทางพรรคเพื่อไทย ได้รับข้อเสนอเรื่องกองทัพนวัตกรรมและการแก้กฎหมายไปพิจารณาเพื่อผลักดันต่อ โดยย้ำว่าเรื่องเงินทุน (Angel Fund/VC) และการเร่งการเติบโต (Accelerate) นั้นอยู่ในแผนงานที่พรรคเตรียมไว้อยู่แล้ว และพร้อมจะทำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top