วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568
‘ไทย-เขมร’ร่วมลงนามหยุดยิงทันที
พักรบ72ชั่วโมง
ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง/เสริมทหาร
ให้วางกำลังทหารในจุดปัจจุบัน
กองทัพฮึ่ม!ถ้าตุกติกโดนสวนแน่
ปิดดีลหยุดยิง รมว.กลาโหมไทย-กัมพูชา ที่บรรลุข้อตกลง 16 ข้อ สั่งหยุดยิงพร้อมกันเที่ยงวันที่27 ธันวาคม“บิ๊กเล็ก”ยื่นเงื่อนไขเหล็ก “ต้องหยุดจริง ห้ามขยับทัพ เปิดทางกู้ระเบิด” แลกส่งตัว 18 ทหารเชลยศึกคืนถิ่นภายใต้สายตาอาเซียน ย้ำเลือดเนื้อทหารไทยไม่สูญเปล่า ด้านนายกฯ “อนุทิน” ลั่นสถาปนาบูรณภาพดินแดนสำเร็จ เอาคืนทุกตารางนิ้วที่เคยเสียไป ขู่เขมรอย่าล้ำเส้น ด้าน ผบ.ทสส. ร่อนคำสั่งด่วนที่สุดถึง 3 เหล่าทัพสั่งปรับแผนพักรบแต่ห้ามประมาท ย้ำกฎเหล็ก “นิ้วต้องคาไก” หากฝั่งนู้นตุกติกใช้สิทธิ์ป้องกันตัวถล่มกลับได้ทันที
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ธ.ค.2568 ที่ด่านถาวรบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) นัดสำคัญโดย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ตัวแทนฝ่ายไทย และ พล.อ.เตีย เซยฮา รมว.กลาโหมกัมพูชา ตัวแทนฝ่ายรัฐบาลกัมพูชา พร้อมคณะทำงานระดับสูงของทั้งสองประเทศได้เข้าร่วมหารือท่ามกลางสถานการณ์ที่ทั่วโลกจับตามอง โดยใช้เวลาเพียง 30 นาที ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงและลงนามในถ้อยแถลงร่วมเพื่อหยุดยิงตามแนวทางข้อตกลงกัวลาลัมเปอร์ โดยมีไฮไลท์สำคัญคือฝ่ายกัมพูชายอมรับข้อเสนอที่จะหยุดยิงเป็นเวลา 72 ชั่วโมงเพื่อแลกกับการที่ฝ่ายไทยจะส่งตัวทหารกัมพูชาจำนวน 18 นายที่ถูกจับเป็นเชลยศึกกลับประเทศซึ่งเรื่องนี้ผ่านการกลั่นกรองจากฝ่ายเลขานุการฯ ของทั้งสองฝ่ายมาแล้วอย่างถี่ถ้วน
การเจรจาครั้งนี้ยังมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) นำโดย พลจัตวา ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซีย ในฐานะหัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์ฯ เข้าร่วมรับฟังเพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปตามมาตรฐานสากลและเกิดความโปร่งใสทั้งสองฝ่าย
เปิด16ข้อหลังลงนามหยุดยิง
สำหรับแถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปกัมพูชา-ไทย (GBC) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหมไทย พล.อ.เตีย เซยฮา รมว.กลาโหมกัมพูชา ร่วมลงนามในถ้อยแถลงร่วม Joint Statement ดังนี้
1.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะหยุดยิงทันทีหลังจากลงนามในแถลงการณ์ร่วมฉบับนี้โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 12.00 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 27 ธันวาคม2568 ครอบคลุมอาวุธทุกประเภท รวมถึงการโจมตีพลเรือน วัตถุพลเรือน และโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนเป้าหมายทางทหารของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ในทุกกรณีและทุกพื้นที่ ทั้งสองฝ่ายต้องหลีกเลี่ยงการยิงหรือการรุกคืบหรือการเคลื่อนกำลังทหารไปยังตำแหน่งหรือกองกำลังของอีกฝ่ายโดยไม่มีการยั่วยุ ข้อตกลงนี้จะต้องไม่ถูกละเมิดไม่ว่าในกรณีใดๆ
2.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะคงกำลังทหารที่ประจำการอยู่ ณ ปัจจุบันโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม จะไม่มีการเคลื่อนกำลังทหารใดๆ รวมถึงการลาดตระเวนไปยังตำแหน่งของอีกฝ่าย
3.ทั้งสองฝ่ายตกลงว่าข้อตกลงทั้งหมดภายใต้แถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ไม่กระทบต่อการกำหนดเขตแดนและพรมแดนระหว่างประเทศระหว่างสองประเทศ
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการเขตแดนร่วม เพื่อให้ดำเนินการสำรวจและปักธงเขตแดนอีกครั้งโดยเร็วที่สุด ตามข้อตกลงที่มีอยู่ระหว่างสองประเทศเพื่อบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืนตามแนวชายแดน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะใช้กลไกที่มีอยู่ของคณะกรรมการเขตแดนร่วม เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของทีมสำรวจร่วมในพื้นที่ รวมถึงความปลอดภัยจากทุ่นระเบิด ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าคณะกรรมการเขตแดนร่วมจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการสำรวจและปักธงเขตแดนในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบซึ่งมีพลเรือนอาศัยอยู่
4.ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะอนุญาตให้พลเรือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบกลับไปยังบ้านและประกอบอาชีพตามปกติในพื้นที่ภายในฝั่งของตนเองโดยเร็วที่สุด โดยปราศจากการขัดขวาง ปลอดภัย และมีศักดิ์ศรี
ไม่เพิ่มทหารแนวชายแดน
5.ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะไม่เพิ่มกำลังทหารตลอดแนวชายแดนกัมพูชา-ไทยการเสริมกำลังใดๆ จะยิ่งเพิ่มความตึงเครียดและส่งผลเสียต่อความพยายามในระยะยาวในการแก้ไขสถานการณ์
6.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่กระทำการยั่วยุใดๆ ที่อาจทำให้ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งรวมถึงกิจกรรมทางทหารในการรุกล้ำน่านฟ้าและดินแดนของอีกฝ่าย หรือตำแหน่งที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะงดเว้นจากการก่อสร้างหรือปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางทหารหรือป้อมปราการใดๆ นอกเหนือเขตแดนของตนเอง
7.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่ใช้กำลังใดๆ ต่อพลเรือนและสิ่งของพลเรือนในทุกกรณี การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่จะทำให้ชุมชนในพื้นที่ชายแดนตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น แต่ยังเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและทำให้ภาพลักษณ์ของฝ่ายที่ไม่ปฏิบัติตามเสื่อมเสียในระดับโลก
8.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะงดเว้นจากการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอม เพื่อลดความตึงเครียด บรรเทาความรู้สึกเชิงลบของสาธารณชน และส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจรจาอย่างสันติ
9.ทั้งสองฝ่ายยืนยันพันธกรณีภายใต้ อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ การสะสม การผลิต และการถ่ายโอนทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล และการทำลายทุ่นระเบิดดังกล่าว (อนุสัญญาออตตาวา) ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันผ่านคณะทำงานประสานงานร่วม(JCTF) ด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม โดยสอดคล้องกับขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐาน (SOP) ที่ตกลงกันไว้ เพื่อให้การเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนมีความคืบหน้าทันท่วงที
10.ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการเพื่อความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางไซเบอร์และการค้ามนุษย์ ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชาและสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย และยืนยันความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อป้องกันการหลอกลวงทางออนไลน์ แก้ไขปัญหาการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในทางที่ผิด และส่งเสริมข้อมูลที่รับผิดชอบและถูกต้องในลักษณะที่เอื้อต่อความไว้วางใจ ความมั่นคง และความสัมพันธ์ฉันมิตรที่ดี
11.ด้วยเจตนารมณ์ของปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 26ตุลาคม 2568ทหารกัมพูชา 18 นายจะถูกส่งตัวกลับกัมพูชาหลังจากที่การหยุดยิงได้รับการรักษาไว้อย่างสมบูรณ์เป็นเวลา 72 ชั่วโมง
ผู้สังเกตการอาเซียนมาด้วย
12.ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงบทบาทสำคัญของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) และเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างบทบาทของ AOT โดยปรึกษาหารือกับทั้งประธานอาเซียนและ AOT ในการตรวจสอบและรับรองการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพของมาตรการทั้งหมดในแถลงการณ์ร่วมนี้
13.เพื่อให้การดำเนินการมีประสิทธิผล ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะใช้หน่วยประสานงานชายแดนกัมพูชา-ไทย และ ไทย-กัมพูชา เพื่อให้มั่นใจว่าการหยุดยิงจะคงอยู่ จัดการสถานการณ์ในพื้นที่ แก้ไขเหตุการณ์อย่างทันท่วงที และป้องกันการคำนวณผิดพลาด ภายใต้การสังเกตและการตรวจสอบของทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน
14.ทั้งสองฝ่ายจะรักษาช่องทางการสื่อสารโดยตรงและสม่ำเสมอระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์เร่งด่วนที่ไม่สามารถแก้ไขได้ในระดับท้องถิ่น หากจำเป็น ผู้แทนระดับสูงจากทั้งสองฝ่ายจะพบปะกันเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
15.กองกำลังร่วมเฉพาะกิจ (JCTF)จะแจ้งหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องของฝ่ายตนเอง รวมถึง JCTF ของอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้รับทราบและอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ชายแดนที่มีความสำคัญตามแผนปฏิบัติการที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ เพื่อการดำเนินงานที่ราบรื่นโดยปราศจากอุปสรรคหรือความเข้าใจผิดใดๆ
16.ทีมสื่ออย่างเป็นทางการจากทั้งสองฝ่ายจะรักษาการสื่อสารโดยตรงและสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการป้องกันและจัดการข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนจะมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ พวกเขาจะรับประกันความโปร่งใสและความถูกต้องของข่าวสารและรายงานต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
‘บิ๊กเล็ก’ยันยึดถืออธิปไตย
ต่อมาเวลา11.30น.พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม เปิดตลอดช่วงเวลาการปะทะตามแนวชายแดนที่ผ่านมา รัฐบาลและกองทัพได้ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้หลักการที่ชัดเจนและไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือการปกป้องอธิปไตยความปลอดภัยของประชาชนและเกียรติภูมิของประเทศชาติ ตนขอบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าสถานการณ์ในครั้งนี้เริ่มต้นจากการใช้อาวุธของฝ่ายกัมพูชา ส่งผลให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต กองทัพจึงต้องตอบโต้ภายใต้สิทธิในการป้องกันตัวเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ และภายใต้ทหารสากลอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ การพิจารณาหยุดยิงนั้นไทยได้กำหนด 3 ประการ เพื่อให้เกิดความสงบที่แท้จริงอย่างยั่งยืนดังนี้
เปิด 3 เงื่อนไขเหล็ก
1.ต้องมีการประกาศหยุดยิงอย่างเป็นทางการและจริงใจ ซึ่งทางกัมพูชาได้ประกาศไว้ที่การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน โดยมีการหยุดยิงตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม เวลา 22.00น.โดยไม่มีเงื่อนไข แต่ฝ่ายไทยพิจารณาเห็นว่าความยุติที่จะยั่งยืนจะต้องเกิดจากสองฝ่ายต้องพูดคุยกันอย่างจริงใจ จึงเป็นที่มาของการประชุม GBC ในวันนี้ ในการจะทำแถลงร่วม หรือ Join Statement ระหว่างประเทศไทย-กัมพูชาขึ้นเพื่อใช้เป็นหลักการสำคัญในการแก้ไขปัญหาระหว่างสองประเทศอย่างทวิภาคีอย่างแท้จริง
2.การหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายกำหนดการสำคัญให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิงตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 27 ธ.ค.2568 และประเด็นที่สำคัญที่สุดต้องให้ทั้งสองฝ่ายยังคงกำลังทหารในพื้นที่ปัจจุบัน โดยต้องไม่มีการเคลื่อนย้ายหรือเสริมกำลังเพิ่มเติมเข้าหากัน และไม่มีการโจมตีหรือยั่วยุซ้ำ รวมถึงให้เฝ้าสังเกตการณ์การหยุดยิงเป็นเวลา 72 ชั่วโมง เพื่อให้แน่ใจว่าการหยุดยิ่งเกิดขึ้นจริงและมีความต่อเนื่องก็ต่อเมื่อสถานการณ์สงบลง ประชาชนจะสามารถกลับเข้าที่พักที่อาศัยได้อย่างปลอดภัย จากนั้นจะมีการปล่อยตัวทหารกัมพูชาทั้ง 18 นาย ทั้งนี้เป็นไปตามหลักสากลที่กำหนดให้ปล่อยตัวเมื่อสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์
3.ต้องมีเจตนาความตั้งใจอย่างสุจริตในการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นประเด็นด้านมนุษยธรรมที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอด ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงเห็นพ้องในแนวทางแก้ไขลดความตึงเครียด และกำหนดกลไกปฏิบัติที่ชัดเจนผ่านคณะทำงานร่วม ด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยชน เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีระบบ ปลอดภัย และโปร่งใส
ทั้งนี้ ขอย้ำว่าจะต้องมีการเก็บทุ่นระเบิดก่อนที่จะมีการจัดทำหลักเขตในระยะต่อไป และจากรายงานการปฏิบัติงานทางทหาร กองทัพสามารถควบคุมภูมิประเทศสำคัญที่มีผลต่อประชาชนตามที่กำหนดไว้แล้ว การสละเลือดเนื้อชีวิตของทหารไทยทั้งหลายในครั้งนี้จะต้องไม่สูญเปล่า แต่ในขณะเดียวกันเราต้องคำนึงถึงปัจจัยยุทธศาสตร์ อาทิ เศรษฐกิจ ภาพลักษณ์และความชอบธรรมในเวทีระหว่างประเทศ และที่สำคัญอย่างยิ่งในฐานะที่ตนเองเป็นผู้บังคับบัญชา สิ่งที่ตนเองตระหนักอยู่เสมอคือชีวิตและเลือดเนื้อของทหารที่จะต้องเสียสละ ต้องรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติ ในขณะที่ตนเองเคยเป็นทหารมาก่อนย่อมรู้ดีว่าทหารทุกนายรู้ว่าการปกป้องประเทศชาติเป็นหน้าที่และเป็นเกียรติสูงสุดแม้จะต้องเสียสละชีวิต
สำหรับกลไกที่จะนำไปสู่การปฏิบัติจริง ตาม Join Statement ในครั้งนี้ ได้แก่คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน ซึ่งเป็นกลไกความร่วมมือของอาเซียนในการรักษาความมั่นคงของภูมิภาค สำนักงานประสานงานชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเป็นกลไกในระดับพื้นที่ ขณะเดียวกันในระดับนโยบายจะมีการสื่อสารโดยตรงผ่านสายด่วนระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองฝ่าย ในกรณีจำเป็นผู้นำสูงสุดของทั้งสองฝ่ายจะต้องลงพื้นที่แก้ไขปัญหาทั้งสองฝ่ายร่วมกัน นอกจากนี้ยังกำหนดให้ทีมสื่อสารทั้งสองฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันข่าวบิดเบือนและให้ข่าวที่ถูกต้องแก่ประชาชน ต้องยอมรับว่าข่าวบิดเบือน ข่าวปลอมที่เกิดขึ้น ทำให้การแก้ไขปัญหาทุกระดับมีความยากขึ้น
สดุดีวีรบุรุษทหารกล้าเลือดทหาร
นอกจากเงื่อนไข 3 ประการที่จะทำให้การหยุดยิงเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง Join Statement นี้ยังรักษาไว้ซึ่งสาระสำคัญตามข้อตกลงระหว่างไทย-กัมพูชา และการปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมทางไซเบอร์ และการค้ามนุษย์ ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
สำหรับพี่น้องประชาชนชาวไทยตนเองเข้าใจดีถึงความโกรธและห่วงใยบ้านเมือง รัฐบาลไม่เคยมองข้ามสิ่งเหล่านี้และไม่เคยประมาทต่อความสูญเสียที่ผ่านมา ตนขอแสดงความเสียใจอย่างสูงสุดต่อกำลังพล รวมถึงของครอบครัวที่ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต การสูญเสียของท่านไม่ใช่ตัวเลขในรายงาน แต่เป็นการรับผิดชอบโดยตรงของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการเรื่องสิทธิสวัสดิการการเยียวยา การดูแลผู้บาดเจ็บและครอบครัวในระยะยาว รวมถึงจะพิจารณา
ดูแลกำลังพลหลังการงดการจริงจัง
ทั้งนี้ ขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชน กำลังพลทุกนาย การหยุดยิงในครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้แก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ในวิธีทางการทูต เพื่อกลับมาแก้ปัญหาร่วมกันอีกครั้ง รัฐบาลและกองทัพจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอนบนข้อเท็จจริง และยึดถืออธิปไตยศักดิ์ศรีของชาติ ความปลอดภัย และการใช้ชีวิตที่ผิดปกติสุขของประชาชน
พล.อ.ณัฐพลย้ำอีกว่า ภารกิจยึดคืนพื้นที่อธิปไตยทำสำเร็จแล้วร้อยละ 99 แต่การรักษาพื้นที่ยุทธศาสตร์ต่อจากนี้สำคัญยิ่งกว่า เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองประเทศ
ยันไทยยึดกฎหมายสากลป้องกันตัว
ด้าน พลอากาศเอกประภาส สอนใจดี ผู้อำนวยการศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงพื้นที่การรบหรือพื้นที่ชายแดนเท่านั้น แต่เป็นประเด็นที่เชื่อมโยงกับการสื่อสารข้อมูลข่าวสารในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งฝ่ายไทยย้ำมาโดยตลอดว่าการใช้กำลังทางทหารเป็นไปเพื่อการป้องกันตนเองตามสิทธิที่กฎหมายระหว่างประเทศรับรองและอยู่ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยไทยมีหลักฐานข้อเท็จจริงครบถ้วน สามารถชี้แจงต่อประชาคมโลกได้
พลอากาศเอกประภาส ยังกล่าวอีกว่า การออกแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาในครั้งนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความตึงเครียด ลดการยั่วยุ และป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายโดยทั้งสองฝ่ายยังคงมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ผ่านช่องทางการทูต สถานเอกอัครราชทูต และผู้ช่วยทูตทหาร เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและทำความเข้าใจในประเด็นที่อาจส่งผลต่อสถานการณ์ในพื้นที่
พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตย มีมุมมองที่หลากหลายจากภาคส่วนต่างๆ ซึ่งบางครั้งการนำเสนอข้อมูลอาจกระทบต่อบรรยากาศการสร้างความเชื่อมั่น ศูนย์แถลงข่าวฯจึงพยายามติดต่อ ชี้แจง และให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับทุกฝ่ายอย่างรอบด้าน ขณะเดียวกันฝ่ายกัมพูชาก็มีการประสานผ่านผู้ช่วยทูตทหารเพื่อขอข้อมูลในประเด็นที่อาจนำไปสู่การขยายความขัดแย้งเช่นกัน
ดังนั้น แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในเวทีนานาชาติโดยกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นหน่วยงานหลักในการชี้แจงต่อองค์กรระหว่างประเทศและประชาคมโลก เพื่อให้เห็นข้อเท็จจริงในทุกมิติ
เตรียมแจง 16 ภาษาทั่วโลก
พร้อมกันนี้ ศูนย์แถลงข่าวฯ ได้รวบรวมคำถาม-คำตอบจากประชาชนจำนวน 20 ประเด็น เพื่ออธิบายแนวทางการดำเนินการของไทยอย่างชัดเจน และจะจัดทำข้อมูลเผยแพร่ถึง 16 ภาษา ส่งไปยังต่างประเทศ รวมถึงเครือข่ายนักศึกษาไทยในต่างแดน เพื่อช่วยสื่อสารข้อมูลสู่สังคมโลกอย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการหยุดยิงชั่วคราวมีผลทันทีเวลา 12.00 น.วันที่27ธ.ค.2568 และทันทีเมื่อถึงเวลาเสียงปืนตามแนวรบตลอดแนวชายแดนได้สงบลงทันที แต่ยังมีทหารไทยโดนกับระเบิดอีก 1 นายที่ในพื้นที่เขาสัตตะโสม จ.ศรีสะเกษ ใกล้จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์
สั่ง3เหล่าทัพ‘นิ้วคาไก’พร้อมซัดกลับ
วันเดียวกันทางด้าน พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะประธานคณะผู้บัญชาการทางทหาร (คบท.) ได้ร่อนคำสั่งด่วนที่สุดถึงหน่วยปฏิบัติการภาคสนามของทั้ง 3 เหล่าทัพ โดยเนื้อหาในคำสั่งระบุให้ทุกหน่วยปรับรูปแบบการปฏิบัติการทางทหารให้สอดคล้องกับมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และถ้อยแถลงร่วมจากการประชุม GBC ที่ด่านบ้านผักกาด เพื่อให้การพักรบ 72 ชั่วโมงและการแลกตัวเชลย 18 นาย ดำเนินไปตามแผนการทูต
อย่างไรก็ตาม ผบ.ทหารสูงสุด ได้กำชับกฎเหล็ก ทิ้งท้ายว่า แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิง แต่หากตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชามีการเคลื่อนไหวในลักษณะที่เป็นภัยคุกคาม หรือมีการละเมิดข้อตกลงก่อน ทหารไทยมีสิทธิ์ขาดในการใช้ “กฎการใช้กำลัง” เพื่อตอบโต้และป้องกันตัวได้ทันทีตามสถานการณ์หน้างาน
‘อนุทิน’ขู่เขมรอย่าล้ำเส้น
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่าขณะนี้ได้รับรายงานจากกองทัพว่าสามารถยึดพื้นที่ยุทธศาสตร์คืนและสถาปนาอำนาจอธิปไตยได้ครบถ้วนตามแผนแล้ว พร้อมยืนยันว่าประเทศไทยไม่เคยคิดรุกรานใครก่อน แต่หากใครล้ำเส้นแม้แต่นิ้วเดียวก็ต้องเจอการตอบโต้ที่สมน้ำสมเนื้อ
นายกฯ เผยด้วยว่า ในที่ 28 ธันวาคม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ จะเดินทางไปยังนครคุนหมิง ประเทศจีน เพื่อหารือกับ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ตามคำเชิญ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและใช้กลไกการทูตช่วยคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนให้สงบอย่างยั่งยืน โดยไทยพร้อมโชว์หลักฐานให้ประชาคมโลกเห็นว่าเรามีสิทธิ์ในการป้องกันตนเองอย่างเต็มที่
ต่อข้อถามว่าประชาชนยังไม่ไว้ใจกัมพูชา นายอนุทินกล่าวว่า เข้าใจดี แต่ทุกอย่างมีขั้นตอน กองทัพมีแผนรองรับอยู่แล้ว หากฝ่ายกัมพูชาไม่ทำตามสัญญาหยุดยิง 72 ชั่วโมง หรือมีการตุกติกข้อตกลงทั้งหมดจะถือว่าเป็นโมฆะทันที และทหารไทยก็พร้อมปฏิบัติการต่อตาม “กฎการใช้กำลัง” เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
‘อันวาร์’โผล่ยินดีหลังสงบศึก
ภายหลังเวลา 12.00 น.ซึ่งเป็นเวลาเริ่มมีผลบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิง นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้ออกมากล่าวชื่นชมและแสดงความยินดีต่อข้อตกลงที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา โดยนายอันวาร์ ระบุว่า ตนขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งที่ทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงหยุดยิงได้สำเร็จ การตัดสินใจสั่งให้ทหารทั้งสองฝ่ายยุติการสู้รบและตรึงกำลังไว้ในจุดเดิม ถือเป็นการยอมรับร่วมกันว่า “ความยับยั้ง ชั่งใจ” คือสิ่งจำเป็นที่สุดในเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อรักษาชีวิตและผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนบริสุทธิ์ที่ไม่ควรต้องมารับผลกระทบจากความขัดแย้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี