เลิกบำเพ็ญประโยชน์

“ศาล”งัดกำไลไฮเทค

คุมโจ๋ซิ่ง-เมาแล้วขับ

ห้ามร่อน“4ทุ่มถึงตี4”

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม นายสุรจิตร ศรีบุญมา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงพระนครเหนือเผยว่าตามที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ได้จัดโครงการสัมมนาวิชาการเรื่องแนวทางปฏิบัติการใช้กฎหมายเพื่อการพิจารณาคดีอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อต้นเดือนมีนาคม ที่ จ.ชลบุรี มี น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม และคณะผู้บริหารกรมคุมประพฤติเข้าร่วมสัมนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการนำ เครื่องมือควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์(EM)หรือกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์มาใช้กับผู้กระทำความผิดซึ่งขณะนี้ศาลแขวงพระนครเหนือ มีความพร้อมจะนำอุปกรณ์มาใช้กับผู้กระทำผิด เป็นศาลนำร่องแห่งแรกโดยเริ่มจากคดีเมาแล้วขับกับคดีแข่งรถบนถนนสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำหรับคดีลักษณะเช่นนี้ เดิมศาลจะมีคำพิพากษาจำคุก แต่ให้รอลงอาญาไว้และให้คุมประพฤติด้วยการบำเพ็ญประโยชน์ หรือบริการสังคม24ชั่วโมง เมื่อศึกษาพฤติกรรม อุปนิสัย สิ่งแวดล้อมผู้กระทำผิดเหล่านี้เห็นว่าไม่ค่อยอยู่บ้านกับครอบครัวช่วงกลางคืนแต่ไปกินเที่ยวตามสถานบันเทิงจนเกิดคดีเมาแล้วขับ หรือไม่ก็ไปจับกลุ่มแข่งรถบนท้องถนนในยามวิกาลกระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อคำนึงถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัวแล้วเห็นว่าควรแก้ไขผู้กระทำผิดเหล่านี้ด้วยการจำกัดเวลาออกจากบ้านตั้งแต่ช่วง22.00-04.00น.โดยใช้อุปกรณ์อีเอ็มกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์

นายสุรจิตรกล่าวว่าเมื่อจำเลยถูกฟ้องต่อศาลแล้วศาลจะมีคำพิพากษาจำคุกโดยให้รอลงอาญาแต่จะไม่ให้จำเลยที่กระทำผิดไปบำเพ็ญประโยชน์หรือบริการสังคมเหมือนเคย แต่ศาลจะกำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติใหม่ด้วยการให้จำเลย หรือผู้กระทำผิด สวมใส่อุปกรณ์อีเอ็มที่ข้อเท้าแทนและห้ามออกนอกเคหะสถาน ช่วงเวลา22.00-04.00น.เป็นเวลา7วัน

โดยอุปกรณ์นี้จะมีลักษณะคล้ายกำไลข้อเท้า มีเครื่องรับส่งสัญญาณขนาดเท่าเครื่องเพจเจอร์ ส่งไปที่กรมคุมประพฤติ ถ้าจำเลยที่สวมอุปกรณ์นี้ ฝ่าฝืนเงื่อนไข อาทิ ออกนอกบ้านในเวลาห้าม ก็จะมีเสียงเตือนให้หยุดการกระทำ หรือถ้าจำเลย หรือมีผู้ใดทำลายอุปกรณ์ด้วยการตัดสายรัดข้อเท้า ก็ไม่สามารถนำมาประกอบได้ตามเดิมทำให้รู้ว่ามีการฝ่าฝืนคำสั่ง จำเลยคนนั้นจะต้องรับโทษตามคำพิพากษาของศาลที่รอลงอาญาไว้ เบื้องต้น ศาลแขวงพระนครเหนือได้นำอุปกรณ์มาใช้แล้ว200เครื่อง คาดว่าจะเริ่มใช้เร็วๆนี้โดยจะเป็นผลดีต่อการควบคุมพฤติกรรมผู้กระทำผิดต่อไป