'ปึ้ง'บี้6องค์กรให้ทำงานซื่อตรง โละบังเกอร์หลังยุบพรก.ฉุกเฉิน
วันจันทร์ ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2557, 11.43 น.
Tag :
17 มี.ค. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.45 น.ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กล่าวถึงกรณีคนร้ายลอบวางระเบิดหน้าสำนักงานอัยการสูงสุด และหน้าสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษกว่า ได้รับรายงานแล้ว ตนวิเคราะห์ว่า มูลเหตุน่าจะมาจากการที่อัยการสูงสุดถอนตัวจากการร่วมแถลงโรดแม็พทางออกประเทศไทย ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ 6 องค์กร อย่างไรก็ตาม การออกมาแถลงครั้งนี้น่าจะเป็นผลดีในแก้ปัญหาประเทศชาติได้ หวังว่า จะช่วยสนับสนุนการเลือกตั้งภายใต้ระบอบประชาธิปไตยให้แล้วเสร็จ และอยากให้ 6 องค์กรออกมาปฏิญาณและสาบานตนว่า จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรม ซื่อตรง โปร่งใส ตรงไปตรงมา เพราะวันนี้เป็นที่ชัดแจ้งอยู่แล้วว่า 6 องค์กรไม่ได้ทำหน้าที่ปฏิบัติอย่างเที่ยงธรรม ส่วนเหตุการณ์คนร้ายยิงเอ็ม 79 ใส่บ้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ตนแปลกใจว่า ตกไปแล้วเหตุใดจึงไม่ระเบิด พบแต่หัวระเบิด ไม่ทราบว่า เกิดขึ้นได้อย่างไร และทำไมไม่ให้ตำรวจเข้าไป
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 18 มี.ค.นี้ จะมีการพิจารณายกเลิกประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อกลับมาใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยโครงสร้างจะเหมือนเดิม มีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) นอกจากนี้ ตนจะเสนอในที่ประชุมครม.ให้พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ประสานกับทางกองทัพให้ยกเลิกบังเกอร์ที่อยู่ตามท้องถนนในกทม. เพราะหลังจากใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงแล้ว บังเกอร์ตามท้องถนนคงไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากการนำบังเกอร์มาตั้งตามจุดต่างๆ ในช่วงระหว่างประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สังคมโลกและนักท่องเที่ยวเกิดความเกรงกลัว ไม่สบายใจที่จะมาท่องเที่ยวในกทม.เศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างมาก นักลงทุนต่างชาติมีความหวาดระแวงว่า การเมืองในประเทศไทยจะเกิดความรุนแรง ดังนั้น หากนำบังเกอร์ไปไว้ในสถานที่ราชการน่าจะเป็นประโยชน์กว่า ทั้งนี้ หลังจากครม.มีมติยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตนจะนำเรื่องดังกล่าวแจ้งให้ทูตประเทศต่างๆ ทราบเพื่อไปชี้แจงให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยวของประเทศตนเองกลับมาประเทศไทย
ประธานที่ปรึกษาศรส. กล่าวว่า สำหรับการแต่งตั้งนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตนประเมินว่า คนไทยด้วยกันเองไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนไม่ต้องการเห็นการเผชิญหน้ากัน คิดว่า คงไม่เกิดขึ้น นปช.ระมัดระวังไม่ต้องการให้เกิดเหตุรุนแรง แต่สำคัญที่สุดทุกฝ่ายจะต้องให้ความเป็นธรรม อย่าเลือกปฏิบัติ และสองมาตรฐาน วันนี้สังคมไทยอยู่ภายใต้การปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน เป็นปัญหาที่สร้างความแตกแยก เชื่อว่า การตั้งนายจตุพร เป็นประธานนปช. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นเลขาธิการนปช. เพราะต้องการให้ประเทศเข้าสู่สภาวะปกติ มีประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง