ก็ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้วสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทนคณะรัฐบาลชุดเดิมที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 อันเป็นผลให้ต้องมีการจัดการเลือกตั้ง ภายใน 45 วันและก็ทำให้เกิดการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้
จนถึงวันนี้ ผลของการเลือกตั้งว่ามีใครบ้างที่ได้รับเลือกเข้ามาทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎรที่ต่างก็เป็นตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งในทางปฏิบัตินั้นพรรคที่ได้ที่นั่งของผู้แทนที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามามากที่สุด ก็จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งทั้งนี้หากได้รับเลือกตั้งโดยมีจำนวนของผู้ที่ได้รับเลือกเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีคือเกินกว่า 375 ที่นั่ง ก็สามารถจะจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองพรรคเดียวในการบริหารประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จ และก็แน่นอนว่านายกรัฐมนตรีก็จะมาจากผู้ที่มีรายชื่อซึ่งพรรคที่ได้คะแนนเสียงสูงสุดนั้นได้เสนอชื่อไว้ก่อนการเลือกตั้งแล้ว
แต่ในกรณีที่พรรคการเมืองที่ได้ที่นั่งมากที่สุด ไม่ได้ผู้แทนราษฎรเกินกว่าจำนวนตามที่กล่าวแล้วก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องร่วมกับพรรคการเมืองอื่น เพื่อให้ได้จำนวนที่นั่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อการจัดตั้งรัฐบาล ที่อาจจะต้องรวมกับเสียงของสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมีสิทธิ์ออกเสียงในการเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย ให้ได้เกินกว่า 375 เสียงเช่นเดียวกัน
ไม่มีข้อกฎหมายหรือข้อกำหนดใดๆ ที่กล่าวไว้ว่า พรรคที่มีคะแนนเสียงสูงสุด จะต้องเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล จึงทำให้ในอดีตที่ผ่านมาของประเทศไทยนั้นมีการจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างน้อย แต่สามารถจะรวบรวมเสียงจากพรรคการเมืองอื่นๆ ได้มากกว่าพรรคการเมืองที่มีเสียงมากที่สุด และทำให้สามารถ จัดตั้งรัฐบาลได้เช่นเดียวกัน
ก็เชื่อว่าขณะนี้กระบวนการเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ ในการที่จะรวบรวมให้เป็นกลุ่มที่มีเสียงข้างมากเพื่อขอจัดตั้งรัฐบาลได้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งโดยความเป็นจริงก็เชื่อได้ว่ามีการทาบทามหรือการติดต่อกันภายในไว้ก่อนหน้าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมนี้แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีบางพรรคออกมาประกาศ จุดยืนที่ชัดเจน ให้ประชาชนได้ทราบว่าจะไม่ร่วมหรือร่วมกับพรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะมีนโยบายที่แตกต่างกัน หรือมีจุดยืนในเรื่องของความเชื่อที่แตกต่างกันก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแล้วจะไม่สามารถร่วมกันได้ ซึ่งแน่ว่าคงต้องอยู่บนพื้นฐานของความสมประโยชน์ในการเข้าร่วมรัฐบาลนั่นเอง
แนวนโยบายหรือเจตนารมณ์ที่พรรคต่างๆได้ประกาศในการหาเสียง เพื่อหวังว่าจะได้คะแนนนิยมจากประชาชนในทุกภาคส่วน ทุกสาขาอาชีพ และทุกช่วงอายุ ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแจกเงินก็ดี การสะสางหนี้สินของคนจน การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยหรือเกษตรกร การเพิ่มเงินเดือนค่าจ้างขั้นต่ำของผู้ใช้แรงงาน การเพิ่มเงินเดือนให้กับบัณฑิตที่จบปริญญาตรีการจัดการปัญหาเรื่องกัญชา ไม่ว่าจะการยกเลิกกัญชาเสรี หรือเพื่อให้กัญชาเกิดประโยชน์ต่อทางการแพทย์และการรักษาเท่านั้น การเลิกเกณฑ์ทหาร การจัดลดขนาดของกองทัพ การเลิกเงินบำเหน็จบำนาญของข้าราชการ และเรื่องอื่นๆ ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเข้ามาเป็นรัฐบาลจริงนั้น จะทำให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงหรือไม่อย่างไร คงเป็นเรื่องที่จะต้องมีการเฝ้าติดตามโดยประชาชน ที่ถือว่าเป็นเจ้าของประเทศนี้ ตามสิทธิหน้าที่ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย ปี 2560
หลายเรื่องที่พรรคการเมืองต่างๆ ได้กล่าวหาเสียงไว้นั้น ได้มีการออกความเห็น ไว้จากหลายฝ่ายแล้วว่าจะทำได้หรือทำไม่ได้ เช่น เรื่องของการแจกเงิน จะเกิดผลกระทบและสร้างปัญหาต่อระบบการเงินการคลังของประเทศหรือไม่ เรื่องของการเกณฑ์ทหาร จะทำให้มีผลกระทบต่อจำนวนอัตรากำลังพลและความเข้มแข็งของกองทัพในการป้องกันประเทศหรือไม่ เรื่องของการยกเลิกเงินบำนาญของข้าราชการเกษียณ จะทำให้ข้าราชการเหล่านั้นดำรงชีวิตอยู่หลังจากเกษียณราชการได้อย่างไร ซึ่งเรื่องต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในหลายลักษณะ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งหัวข้อการวิจารณ์เหล่านั้น ก่อให้เกิดความแตกแยก สามัคคีของคนในชาติในหลายภาคส่วนเป็นอย่างมาก
แต่สิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญที่สุด และน่าจะเป็นการหาเสียงที่ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดและแตกสามัคคีอย่างที่สุดของคนในชาติ โดยเฉพาะระหว่างประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ กับกลุ่มเยาวชนคนหนุ่มสาวที่เรียกกันว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คือเรื่องของการที่พรรคการเมืองบางพรรค มีจุดยืนค่อนข้างชัดเจนว่า จะให้มีการยกเลิกมาตรา 112 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพุทธศักราช 2560 นี้ซึ่งเป็นมาตราที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครอง พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งถึงแม้ในภายหลังจะมีการออกมาแก้ตัวและแก้ข่าวว่าจะเป็นเพียงแค่การปรับแก้ข้อความบางส่วนในมาตรา 112 เท่านั้นก็ตาม ซึ่งก็ยังไม่ชัดเจนเลยว่าจะแก้ไขอย่างไรและจะมีผลกระทบทางลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มากน้อยเพียงใด
ประเทศไทยของเรานี้ ดำรงคงอยู่มาได้เป็นระยะเวลา ร่วม 800 ปี โดยประวัติศาสตร์ของประเทศนั้นถูกบันทึกไว้ว่าเริ่มต้นจากอาณาจักรสุโขทัย เมื่อปีพุทธศักราช 1781 โดยพระมหากษัตริย์พระองค์แรกมีพระนามว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ซึ่งหลังจากนั้นก็ทำให้เผ่าไทยซึ่งเชื่อกันว่าเคลื่อนย้ายลงมาจากทางตอนใต้ของจีนนั้นรวมกันเป็นปึกแผ่น เป็นประเทศ ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาเป็นลำดับ ซึ่งแน่นอนในแต่ละสมัยหรือบางช่วงบางตอนก็ย่อมมีสงครามกับประเทศที่อยู่ใกล้เคียงได้ แต่ในทุกครั้งที่เกิดสงคราม พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ จะทรงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะจอมทัพ เพื่อปกป้องประเทศและประชาชนของพระองค์ท่านอย่างเข้มแข็ง และถึงแม้ประเทศไทยจะต้องเสียอิสระเสรีภาพไป 2 ครั้งในสมัยอยุธยา แต่ทั้ง 2 ครั้งนั้นพระมหากษัตริย์ผู้กล้าหาญก็สามารถกระทำการรบและกู้ชาติกลับคืนมาได้ และมีอีกครั้งหนึ่งในสมัยรัตนโกสินทร์ ที่ประเทศไทยเกือบจะเสียอิสรภาพในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 แต่ด้วยพระปรีชาสามารถ ก็ทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของประเทศฝรั่งเศสได้
จะขอนำพระนามของพระมหากษัตริย์ไทยที่มีบทบาทสำคัญยิ่ง จนทำให้ได้รับการพระราชทานสมญานาม
ว่า มหาราช มานำเสนอไว้ดังนี้
๑. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
๒. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
๓. สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
๔. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๕. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
๖. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช
๗. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระปิยมหาราช
๘. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯสมเด็จพระภัทรมหาราช
มหาราชทั้ง 8 พระองค์นี้ ทรงปกครองประเทศให้ประชาชนทุกคนได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญก้าวหน้าในทุกรัชสมัย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และทำให้ประเทศไทยคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้จึงเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องมีกฎหมาย ที่คุ้มครองพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์
ประชาชนชาวไทยคงต้องรอไปอีกสักระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งไม่น่าจะเกิน 3 เดือนในการที่จะได้รัฐบาลคณะใหม่มาบริหารประเทศ ซึ่งก็ยังไม่แน่ชัดว่า จะเป็นพรรคการเมืองพรรคใด หรือเป็นการรวมตัวของพรรคการเมืองพรรคไหนบ้าง สิ่งที่ประชาชนทุกคนอยากเห็น คือการที่รัฐบาลสามารถจะบริหารจัดการให้ประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้าต่อไปได้ และประชาชน มีความเป็นสุข มีความสมัครสมานสามัคคีของคนในประเทศสิ่งไหนที่จะทำให้เกิดการกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะรังแต่จะทำให้เกิดความแตกแยกสามัคคี และสิ่งไหนหรือเรื่องไหนที่จะนำไปสู่การเปิดโอกาสหรือชักนำให้ประเทศอื่นเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในและการบริหารประเทศของเราเองนั้น ก็ต้องไม่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
คนไทยทุกคน จะต้องมีความรักชาติ ศาสนา และเทิดทูนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันสูงสุดของประเทศ และร่วมมือกันในการปกป้องประเทศของเรา ให้มีอิสรเสรีภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1 ว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้”และมาตรา 2 ว่า “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
ประเทศไทย จะมีเอกราชที่ไม่ให้ใครข่มขี่โดยตลอดไป
นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี