"การปรับตัวของธุรกิจให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สิ่งสำคัญและจำเป็นคือการมองหลักความเป็นจริงอยู่บนพื้นฐานความต้องการ ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป คงความพอดี คิดให้อยู่ในกรอบ และพยายามขยายกรอบความคิดไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ แต่รักษาความมั่นคง" เคล็ดลับความสำเร็จของจิ๊บ - วรนุช พงษ์พานิชย์ ที่พลิกชีวิตจากพนักงานประจำสู่เจ้าของกิจการ ซักอบรีด ภายหลังจากที่เจอมรสุมเศรษฐกิจ ถูกต้นสังกัดประกาศเลิกจ้างแบบไม่ทันตั้งตัว เส้นทางชีวิตจึงผกผันจากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หรือ "แอร์โฮสเตส" อาชีพในฝันของสาวๆ กลายเป็นนักวิจัยฝุ่น
วิกฤตสำคัญในครั้งนั้นได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตที่ผลักดันให้สาวน้อยที่มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตและครอบครัวได้ก้าวไปสู่ถนนเอสเอ็มอีรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในวันนี้ภายใต้แบรนด์ "คลีนเมท" (CLEANMATE) ร้านซักอบรีดที่มีเครือข่าย แฟรนไชส์ถึง 45 สาขา และร้านที่บริษัทเปิดเอง 5 สาขา รวมแล้ว 50 สาขา มีจุดให้บริการกว้างขวางเพื่อให้บริการแก่ประชาชนทั้งในเขตที่พักอาศัย คอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นท์ สถานศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมไปถึงการเช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล , ท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ต , บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ , เซเว่น อีเลฟเว่น , โกลเด้น เพลซ , จามจุรีสแควร์ และอาคารสำนักงานอื่นๆ ฯลฯ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
วรนุช เล่าว่า หลังจากถูกเชิญออกจากงานประจำ ก็รู้สึกถึงความไม่มั่นคงในชีวิต จึงพยายามหาช่องทางสร้างธุรกิจให้กับตัวเอง ด้วยความที่เป็นแอร์โฮสเตสมาก่อนจึงเป็นคนที่รักงานบริการ เมื่อบวกกับประสบการณ์ส่วนตัวที่มักเจอปัญหางานบริการของร้าน "ซักอบรีด" ในเมืองไทย จึงมองเห็นช่องว่างทางการตลาดของธุรกิจซักอบรีด จึงเริ่มต้นธุรกิจด้วยการเปิดร้านซักอบรีดเล็กๆ ภายใต้แบรนด์ "คลีนเมท" ด้วยเงินลงทุนครั้งแรกแค่หลักแสน
"ระยะแรกที่เลือกทำธุรกิจซักอบรีด เพราะคิดว่าเป็นธุรกิจที่ไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก ใช้เงินลงทุนไม่สูง แค่มีทำเลดี ซื้อเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า เตารีด จ้างพนักงานแค่ 1 - 2 คน ก็ทำได้แล้ว แต่เอาเข้าจริงไม่ใช่อย่างนั้น ธุรกิจซักอบรีดมีรายละเอียดที่ซับซ้อนมาก ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคจะซักเสื้อผ้าแต่ละชนิดให้สะอาดที่สุด การรักษาความปลอดภัยของเสื้อผ้า การบริหารคิวซักรีดเพื่อส่งงานลูกค้าได้ตรงตามเวลา ฯลฯ เหล่านี้ ต้องศึกษาเพิ่มเติมใหม่ทั้งหมด โดยหาความรู้จากทั้งผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ไปดูงานในโรงแรม 5 ดาว รวมถึงนำประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยใช้บริการร้านซักอบรีดในต่างแดนมาปรับใช้"
วรนุช บอกต่อไปว่า พอดำเนินธุรกิจไปได้ระยะหนึ่งก็มองเห็นโอกาสในการขยายการให้บริการ จึงมองหาแนวทางในการสร้างความแตกต่างให้กับคลีนเมทในช่วงที่เปิดสาขาที่ 2 ในบิ๊กซี สาขาสะพานควาย จึงตัดสินใจลงทุนซื้อ "เครื่องซักแห้ง เทคโนโลยีซิลิโคน" จากประเทศญี่ปุ่นราคากว่า 3 ล้านบาท ถือเป็นการลงทุนที่สูงแต่เมื่อมองประโยชน์ที่จะได้รับคิดว่าคุ้ม เพราะเป็นนวัตกรรมการซักแห้งที่ทันสมัยและดีที่สุดในวงการ เพื่อยกระดับงานบริการให้เหนือคู่แข่ง เพราะเครื่องซักแห้งลักษณะนี้มีใช้เฉพาะในโรงแรม 5 ดาว แต่เมื่อคลีนเมทนำมาให้บริการในราคาค่าบริการที่คนทั่วไปเข้าถึงได้กระแสตอบรับที่ดี ธุรกิจของคลีนเมทจึงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ข้อดีของของเทคโนโลยีซิลิโคนที่นำมาใช้นอกจากจะช่วยทำความสะอาดเสื้อผ้าได้หมดจด ในเวลาอันรวดรวดเร็ว ประมาณ 45 - 50 นาทีต่อรอบแล้วยังสามารถซักผ้าได้ถึง 18 กิโลกรัม/ครั้ง โดยเสื้อผ้าที่ผ่านการซัก จะไม่เสียรูปทรง เนื้อผ้าไม่เสียหาย สามารถซักได้หลากหลาย ทั้งเส้นใยจากต่างประเทศ ผ้าไหมทุกชนิด ผ้าขนสัตว์ทุกชนิด กระเป๋าหนัง ฯลฯ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟู และเคลือบเส้นใยให้ดูใหม่คงความเงางาม ซึ่งสารซิลิโคนที่ใช้ในการซัก เป็นชนิดเดียวกับส่วนผสมในเครื่องสำอาง จึงไม่เกิดความระคายเคืองต่อผู้สวมใส่ ที่สำคัญเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ดังนั้นการนำนวัตกรรมนี้มาใช้จึงถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างยิ่ง เพราะช่วยให้ขยายฐานลูกค้าใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่กลุ่มคนทั่วไปจนถึงลูกค้าที่อยู่ในตลาดระดับบน
เมื่อกระบวนการดำเนินธุรกิจก้าวสู่มาตรฐาน "วรนุช" จึงคิดต่อยอดธุรกิจด้วยการขยายฐานลูกค้าด้วยการหาผู้ร่วมธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์ ทำให้จากสาขาแรกเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา วันนี้คลีนเมทมีสาขาที่ให้บริการทั้งหมดรวมถึง 50 สาขาในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ในจำนวนนี้ 8 สาขา ได้ขอเช่าพื้นที่ส่วนหนึ่งในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เพื่อตั้งตู้รับ - ส่งบริการซักอบรีด สำหรับอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในย่านคอนโดมิเนียม เพราะศักยภาพของร้านเซเว่นฯ ที่อยู่ในชุมชนและเปิดบริการ 24 ชม.เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของคนในยุคสมัยปัจจุบัน
การเติบโตของธุรกิจเอสเอ็มอีคลีนเมท จากร้านซักอบรีดเล็กๆ ในซอยมีรายได้หลักหมื่นบาทต่อเดือน จนปัจจุบันมีรายรับหลักล้านบาท แนวคิดและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารจึงมีความสำคัญมาก ซึ่งในเรื่องนี้เจ้าของ คลีนเมทบอกว่า หัวใจสำคัญที่นำพาธุรกิจมาถึงจุดนี้ได้คือ การพัฒนาความรู้ แสวงหานวัตกรรมใหม่ๆ จากทั่วโลกมาพัฒนาธุรกิจซักอบรีดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงตามติดเทรนด์การแต่งกายของคนยุคใหม่ นวัตกรรมเส้นใยผ้า และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อปรับบริการตามความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด ด้วยเหตุนี้คลีนเมทจึงคว้ารางวัลชนะเลิศในรายการ SME ตีแตกในปี 2554
"คลีนเมท" (CLEANMATE) เรียกได้ว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ที่มีส่วนแบ่งในตลาดซักอบรีดเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ ด้วยจุดเด่นในการปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคใหม่อย่างรวดเร็ว มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาต่อยอด และแสวงหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อเสริมบริการให้โดนใจลูกค้าอยู่ตลอดเวลา จึงนับเป็นอีกโมเดลธุรกิจที่ถือเป็นต้นแบบให้กับเอสเอ็มอีรุ่นใหม่ๆ ได้เรียนรู้และเรียนลัดในการก่อร่างสร้างตัวได้ดีทีเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี