เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าโต้งานวิจัยบุหรี่ไฟฟ้าไม่ช่วยเลิกบุหรี่ ชี้ต่างประเทศผ่านกฎหมายให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือก
นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “กลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST)” และเฟสบุ๊ค “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ให้ความเห็นกรณีผลการศึกษาโดยนักวิจัย 38 คน เปรียบเทียบการเลิกบุหรี่โดยใช้ยากับการใช้บุหรี่ไฟฟ้า และสรุปว่า 2 ใน 3 ของผู้ที่เปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้ายังคงใช้บุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องว่า งานวิจัยดังกล่าวสวนกับความเป็นจริงในหลายประเทศและงานวิจัยอีกจำนวนมากที่สนับสนุนให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกในการเลิกสูบบุหรี่ เมื่อเร็วๆ นี้คณะกรรมาธิการร่วมของสภาผู้แทนราษฎรฟิลิปปินส์เพิ่งเห็นชอบร่างกฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์แบบให้ความร้อน เพื่อช่วยลดอันตรายให้กับผู้สูบบุหรี่ เช่นเดียวกับนิวซีแลนด์ที่เพิ่งผ่านกฎหมาย สนับสนุนผลิตภัณฑ์ไร้ควัน เพราะเชื่อว่ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่แบบเดิม เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ยังไม่เลิกสูบบุหรี่ ยังไม่นับสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่ต่างให้ประชาชนเข้าถึงทางเลือกที่อันตรายน้อยกว่า เพื่อจะเลิกบุหรี่ในที่สุดได้
“ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อปี 2560 ก็ชี้ให้เห็นชัดว่า ผู้สูบบุหรี่กว่า 43% ไม่ได้อยากเลิกบุหรี่ ขณะที่มีเพียง 20% เท่านั้นที่บอกว่าเคยพยายามเลิกสูบบุหรี่ และในคนกลุ่มที่พยายามเลิกสูบบุหรี่มากกว่า 1-2 ครั้งขึ้นไปทุกคน เพราะคนเหล่านี้ไม่มีทางเลือกอื่น บุหรี่ไฟฟ้าก็มีผลการวิจัยที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่ ทำไมเราไม่ให้โอกาสผู้สูบบุหรี่เหล่านี้ได้เปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีสารอันตรายน้อยกว่าบ้าง หรือเราจะปล่อยให้คนที่เค้ายังเลิกไม่ได้ สูบบุหรี่ต่อไปเรื่อยๆ” นายมาริษ กล่าว
นายมาริษ กล่าวอีกว่า ข้อสรุปที่ประชุมสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินก็แนะนำให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้สูบบุหรี่และผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าด้วย และให้พิจารณาข้อมูลด้านบวกและด้านลบอย่างเป็นธรรม การประโคมข่าวด้านเดียวและสร้างความกลัวไม่ใช่นโยบายที่ดีเพราะมีแต่ทำให้ผู้บริโภคสับสน ไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งเครือข่ายฯ ก็จะได้นำข้อมูลชุดนี้ไปนำเสนอให้กับ สผผ. ได้รับทราบด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการพิจารณาการทบทวนแบนบุหรี่ไฟฟ้า
นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายฯ อีกราย กล่าวว่า มีรายงานวิจัยและผลการศึกษาอีกหลายฉบับ เช่น การศึกษาของสถาบันวิจัยโรคมะเร็ง อังกฤษ ที่สรุปว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ได้ถึง 60% เท่ากับการใช้ยาร่วมกับการได้รับคำแนะนำจากแพทย์ แต่ผลการศึกษานี้กลับไม่เคยถูกนำมาเผยแพร่ เพราะหน่วยงานรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ไม่เปิดใจกับผลการศึกษาที่เห็นต่าง และไม่เข้าใจพฤติกรรมของผู้สูบบุหรี่เลย ทั้งๆ ที่ผู้สูบบุหรี่ควรได้รับทราบข้อมูลทั้งข้อดี-ข้อเสีย และแนวทางในการเลิกบุหรี่ จะได้ตัดสินใจเองได้ว่าจะเลือกใช้วิธีใดในการเลิกบุหรี่
รายงานการศึกษาร่วมทางคลินิก (Clinical Priority Partnership) ระหว่างสถาบันวิจัยโรคมะเร็ง อังกฤษ และราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ อังกฤษ ชี้ว่าด้วยหลักฐานที่มีอยู่จนถึงปัจจุบัน การใช้บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่ และเป็นเครื่องมือช่วยเลิกบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้สารนิโคตินทดแทน หรือเลิกบุหรี่โดยไม่มีตัวช่วย (หักดิบ)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี