จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่แนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มเพิ่มขึ้นในวงกว้าง ไม่เพียงแต่ระบบสาธารณสุขจะได้รับผลกระทบ ยังส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโดยรวม และที่สำคัญ ผู้ประกอบการขนาดย่อม หรือ SMEs ของไทยที่เป็นฐานกำลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยก็ต้องประสบกับความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจ
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เป็นผู้ผลิตอาหารชั้นนำที่มีคู่ค้าที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs กว่า 6 พันราย ทำหน้าที่ผลิตและจัดหาวัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการผลิตและส่งมอบอาหารคุณภาพปลอดภัยให้ผู้บริโภค บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการ “Faster Payment” โดยลดระยะเวลาการชำระหนี้ค่าสินค้าหรือบริการให้แก่คู่ค้าที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้ตรวจรับสินค้าหรือบริการครบถ้วนและได้รับเอกสารเรียบร้อยแล้ว เพื่อเร่งเสริมสภาพคล่องให้แก่คู่ค้าธุรกิจตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2563 ที่ผ่านมา
นางสาวธิดารัตน์ เดชายนต์บัญชา รองกรรมการผู้จัดการ ด้านจัดซื้อพัสดุครุภัณฑ์ ซีพีเอฟ กล่าวว่า เราตระหนักดีว่า คู่ค้า SMEs มีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ และจากการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการ Faster Payment พบว่าเป็นแนวทางที่มีส่วนช่วยเสริมให้คู่ค้าธุรกิจที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs มีการบริหารจัดการทางการเงินที่คล่องตัวขึ้น ช่วยประคับประคองให้ดำเนินธุรกิจต่อได้เข้มแข็ง และช่วยรักษาลูกจ้างให้มีงานทำได้ ที่สำคัญ บางรายยังพลิกวิกฤตเป็นโอกาสปรับตัว ขยายธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตเพิ่มเติมได้อีก
นางสาวนฤมล แสงมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอ็มพี ยูนิฟอร์ม จำกัด ผู้เชี่ยวชาญการผลิตชุดยูนิฟอร์มของพนักงานในสายการผลิตอาหาร กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิดระลอกแรก ทำให้ยอดขายลดลงเกือบ 50% ยาวนานติดต่อกัน 3-4 เดือนส่งผลต่อสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอ แม้ว่าจะได้รับประมูลงานผลิตเสื้อฟอร์มของซีพีเอฟได้ก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินจำนวนมากมาลงทุนได้อย่างไร โชคดีที่ซีพีเอฟมีโครงการ “Faster Payment” ลดระยะเวลาเครดิตเทอมภายใน 30 วัน เป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้ประกอบการ SMEs ทำให้มีเงินหมุนเวียนเข้ามาเร็วขึ้นและแน่นอน ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถผ่านพ้นวิกฤติโควิดได้ และจากการขยายเวลาโครงการ ช่วยให้เรามีความแข็งแกร่งขึ้น สามารถพัฒนาและต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ ได้ เชื่อมั่นว่าบริษัทจะฝ่าวิกฤตระลอกใหม่ไปได้ด้วยดี
ขณะที่ นายเสกภณ บุญเตชะธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขอบคุณ 2562 จำกัด ผู้จัดหาวัสดุและเคมีภัณฑ์ ให้กับซีพีเอฟ กล่าวว่า ผู้ประกอบการ SMEs ได้รับประโยชน์จากโครงการ Faster Payment ของซีพีเอฟมาก ช่วยเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส เมื่อได้รับเงินรวดเร็วช่วยเสริมสภาพคล่องของบริษัทขนาดเล็กให้ดีขึ้น ในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แแน่นอน สามารถลดภาระต้นทุนสินค้า จากการไม่ต้องกู้เงินจากแหล่งที่มีดอกเบี้ยสูง และทางบริษัทยังมีทุนรอนในการแสวงหาสินค้าใหม่ๆ เพื่อขยายลูกค้า สร้างยอดขายเติบโตได้อีกด้วย
นางสาวธิดารัตน์ ยังกล่าวเสริมว่า นอกจากโครงการให้เครดิตเทอมภายใน 30 วันแล้ว ซีพีเอฟ ยังแบ่งปันมาตรการ และแนวทางการปฏิบัติในป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้คู่ค้าธุรกิจของซีพีเอฟร่วมดูแลห่วงโซ่การผลิตอาหารปลอดภัยตั้งแต่ต้นทาง ช่วยให้สายการผลิตอาหารของซีพีเอฟดำเนินได้อย่างต่อเนื่องไม่หยุดชะงักในทุกช่วงเวลา
ขณะเดียวกัน ในปีนี ซีพีเอฟยังดำเนินโครงการเพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพคู่ค้าธุรกิจ โดยร่วมมือกันปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานของคู่ค้าธุรกิจในห่วงโซ่อุปทาน ให้ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งด้านการปฏิบัติที่ดีในด้านแรงงาน สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการอย่างมีจริยธรรม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัทและคู่ค้าธุรกิจเติบโตไปด้วยกัน เพื่อร่วมสร้างความมั่นคงทางอาหารในระยะยาว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี