กรมส่งเสริมการเกษตร สนับสนุนเกษตรกรใช้แหนแดงร่วมกับปุ๋ยเคมีช่วยลดต้นทุนการผลิตภาคเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นทั้งปุ๋ยและพืชอาหารสัตว์
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวถึงแนวทางการส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์และวัสดุอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี ถึงแม้ว่าราคาปุ๋ยเคมีในปัจจุบันจะปรับลดลงแล้ว แต่กรมส่งเสริมการเกษตร ยังคงส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ปรับปรุงค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดินให้เหมาะสม รวมทั้งการใช้ปุ๋ยแบบผสมผสาน (ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยชีวภาพ) พร้อมถ่ายทอดความรู้เพื่อให้ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) ทำหน้าที่เป็นต้นแบบและกลไกการขยายผลสู่ชุมชนรอบข้าง โดยอีกหนึ่งแนวทางที่มีประโยชน์และเป็นที่นิยมของเกษตรกรคือ การผลิตและใช้แหนแดง
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวอีกว่า แหนแดง เป็นเฟิร์นลอยน้ำชนิดหนึ่งมีขนาดเล็ก เปรียบเสมือนโรงงานผลิตปุ๋ยไนโตรเจนธรรมชาติโดยกระบวนการตรึงไนโตรเจนของสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินที่อาศัยอยู่ในโพรงใบของแหนแดง ทำให้แหนแดงมีประโยชน์ในด้านเป็นปุ๋ยชีวภาพทดแทนหรือลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีได้ เนื่องจากแหนแดงมีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ สูงถึง 4.6 % ซึ่งสูงกว่าพืชตระกูลถั่วที่มีอยู่ ประมาณ 3 %การใช้แหนแดงจะช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดินทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ปรับปรุงโครงสร้างดินให้ดีขึ้นในระยะยาวและยังเป็นการช่วยดูแลฟื้นฟูทรัพยากรดินนอกจากนี้ ยังสามารถนำไปเป็นอาหารสัตว์ได้ เช่น เป็ด ไก่ และหมูดังนั้นจะเห็นว่าแหนแดง เป็นตัวเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ประเทศไทย พบแหนแดงอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์อะซอลล่า พินนาต้า (Azolla pinnata) เป็นพันธุ์พื้นเมืองมีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน อินเดีย และออสเตรเลีย และสายพันธุ์ อะซอลล่า ไมโครฟิลล่า (Azolla microphylla) ที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนสหรัฐอเมริกาเป็นสายพันธุ์ที่กรมวิชาการเกษตร นำมาคัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์จนได้แหนแดงที่มีขนาดใหญ่ ขยายพันธุ์ได้เร็ว ให้ผลผลิตสูงกว่าสายพันธุ์พื้นเมืองถึง 10 เท่า เพาะเลี้ยงง่าย เจริญเติบโตและเพิ่มปริมาณได้อย่างรวดเร็วจนเป็นที่นิยมของเกษตรกรในปัจจุบัน
สำหรับการเพาะพันธุ์แหนแดง เกษตรกรสามารถใช้พื้นที่เพียงเล็กน้อยในการเพาะขยายพันธุ์ได้ โดยการใช้บ่อซีเมนต์ขนาดรอบวง80เซนติเมตรสูง40เซนติเมตรเจาะรูเหนือก้นบ่อ20เซนติเมตรและภายในบ่อให้ทำการใส่ดินนาหรือดินเหนียวให้สูงจากก้นบ่อ10 เซนติเมตรเติมปุ๋ยคอก 1 กิโลกรัม และเติมน้ำให้สูงจากระดับดิน 10 เซนติเมตร หลังจากนั้นใส่แหนแดงลงในบ่อแม่พันธุ์ 50 กรัมใช้ระยะเวลาในการเพาะเลี้ยงประมาณ 14 วันแหนแดงจะเจริญเต็มบ่อสามารถนำไปขยายต่อได้และเมื่อครบ 30 วันก็จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป ทั้งนี้หากเกษตรกรที่สนใจสามารถเข้าไปศึกษาหรือขอรับได้ที่จุดบริการพืชพันธุ์Doaeณศูนย์ขยายพันธุ์พืชทั้ง 10 แห่งและศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืชกรมส่งเสริมการเกษตร
ทั้งนี้ หากเกษตรกรผู้เลี้ยงแหนแดงไม่ประสงค์ที่จะเพาะพันธุ์แหนแดงใช้แล้ว ขอให้ทำลายทิ้งโดยการฝังลงดิน ห้ามนำไปทิ้งลงแหล่งน้ำธรรมชาติ เนื่องจากแหนแดงมีการขยายพันธุ์เร็ว เมื่อมีความหนาแน่นเกินไปจะส่งผลให้แสงแดดไม่สามารถส่องลอดลงไปในแหล่งน้ำได้ จึงอาจจะส่งผลเสียต่อคุณภาพแหล่งน้ำได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี