วันอาทิตย์ ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ประชาสัมพันธ์
เสน่ห์สุนทรียภาพกับการทูตศิลปะของไทย

เสน่ห์สุนทรียภาพกับการทูตศิลปะของไทย

วันอาทิตย์ ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2566, 10.39 น.
Tag : การทูต ศิลปะไทย สุนทรียภาพ
  •  

ศูนย์แม่โขงศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ มูลนิธิไทย กระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดงานสัมมนาวิชาการ “เสน่ห์สุนทรียภาพกับการทูตศิลปะของไทย” ณ ห้องบอลรูม 1 ชั้น 9 โรงแรมโนโวเทลกรุงเทพ เพลินจิต สุขุมวิท เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม เวลา 13.00-15.45 น.ที่ผ่านมา งานนี้ได้รับความสนับสนุนจากโครงการวิจัย “แนวทางส่งเสริมภาพยนตร์เพื่อความมั่นคงยุคหลังโควิด” ทุน Fundamental Fund และกองทุนรัชดาภิเษกสมโภช จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
 
ดร.ฐณยศ โล่ห์พัฒนานนท์ นักวิจัยด้านวัฒนธรรมสัมพันธ์กับความมั่นคงเอเชีย ศูนย์แม่โขงศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา ได้กล่าวบรรยายในหัวข้อ “เสน่ห์สุนทรียภาพกับการทูตร่วมสมัย” โดยอิงกรณีศึกษาประเทศจีน โดยระบุว่า Soft Power ยุคปัจจุบันไม่ได้ผูกขาดเพียงแค่ความบันเทิง หรือ การทูตตามธรรมเนียมนิยม แต่มีความพยายามใช้งานศิลปะในกรอบ Soft Power มากขึ้นตามลำดับ จีนคือหนึ่งในชาติที่ใช้ประโยชน์จากศิลปะอย่างน่าจับตา เพราะจีนมีความต้องการขยายความเชื่อมโยงกับนานาชาติเพื่อสร้างเครือข่ายการค้า/การลงทุนและจีนมองว่า ศิลปะจะช่วยให้เกิดการยอมรับได้ดี วิธีการของจีนมีตั้งแต่การแลกเปลี่ยนความรู้ไปจนถึงการเปลี่ยนศิลปะจากงานเฉพาะกลุ่มให้เป็นงานแมส โดยเฉพาะการผลิตวีดิทัศน์สำหรับเผยแพร่ออนไลน์ หากไล่ดูในแพลตฟอร์ม เช่น YouTube, Facebook Reels, Instagram จะพบว่า วีดิทัศน์ดังกล่าวของจีนมีจำนวนมากและได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง งานแต่ละอย่างมุ่งนำเสนอประเพณี สังคมและศิลปะจีนอย่างละมุนละไม งานยอดนิยมประกอบไปด้วยวีดิทัศน์วิถีชนบทของช่อง หลี จื่อชี  / Liziqi หรือ ศิลปะกำยานโบราณของช่อง gharu-wood ที่มีผู้ติดตามกว่า 6 แสนคน  


 
น่าสนใจที่วิธีการนี้ของจีนไม่เพียงแต่เปิดมุมมองการทูตศิลปะ แต่ยังทำให้เกิดศาสตร์ภาพเคลื่อนไหวชนิดใหม่ เรียกว่า Moving Art หรือก็คือ ศิลปะที่เคลื่อนไหวได้ Moving Art ต่างจากภาพยนตร์ทั่วไปตรงที่มีขนาดสั้น ไม่ได้ต้องการเรื่องราว ตัวละคร รวมทั้งประเด็นขัดแย้งเหมือนใน feature film ส่วนใหญ่ Moving Art นำเสนอกระบวนการทางศิลปะ หรือ ความเป็นไปใดๆ อย่างมีสุนทรียภาพ ช่วยให้ผู้ชมรู้สึกงดงาม สบายใจ ผู้ชมจะเชื่อในความมีอารยธรรมของสังคมผู้เผยแพร่เพราะสัมผัสความละเมียดละไมของเนื้องาน และนั่นทำให้ภาพลักษณ์ของจีนดูโดดเด่นในฐานะชาติผู้ครองอารยธรรมทางความคิดจิตใจ ในสายตาของดร.ฐณยศ ประเทศไทยควรให้ความสำคัญแก่ศาสตร์ด้าน Moving Art รวมทั้งการเผยแพร่ศิลปะทุกแขนงผ่านช่องทางผสมผสานโดยอาจถอดบทเรียนจากกรณีของจีน
 
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชาดา เตรียมวิทยา อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวเสริมว่า จริง ๆ แล้วจีนมีการใช้ Soft Power มานานนับกว่า 5,000 ปี เช่น การเผยแพร่แนวคิดคำสอนของขงจื่อไปยังเพื่อนบ้าน หรือ การมอบแพนด้าเป็นของขวัญทางการทูตแก่ญี่ปุ่นในยุคราชวงค์ถัง เป็นต้น
 
ในยุคปัจจุบัน จีนมีความชัดเจนเรื่อง soft power ดังที่อ.ฐณยศกล่าวว่า เพื่อสนับสนุนโครงข่ายการค้าของจีน โดยจีนใช้ 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ 1) วัฒนธรรมและภาษาจีนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่คนต่างชาติสนใจศึกษา ทั้งวัฒนธรรมและภาษาจีนจึงจัดเป็น soft power ที่ทรงพลังแห่งศตวรรษ 2) นโยบายต่างประเทศโดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแง่บวก รวมทั้งสร้างสรรค์พลวัตทางการเมือง เศรษฐกิจ และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้จีนเป็นที่ยอมรับมากขึ้น จีนยังสนับสนุนหน่วยสินค้าส่งออกกลุ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์สู่ประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายในการพัฒนาเชิงยุทธศาสตร์ 2035


โดยจีนมีนโยบายทำให้สังคมจีนเต็มไปด้วยความทันสมัยแม้อยู่ในระบอบสังคมนิยม กล่าวคือ มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และยกระดับสมรรถนะตามแนวคิด “ความฝันของจีน” เชื่อกันว่า กระบวนการเหล่านี้จะทำให้จีนได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนานวัตกรรม รวมทั้งเป็นประเทศที่เดินหน้าด้วยความทันสมัยจนเป็นแดนดินอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
 
งานสัมมนานี้ยังได้รับเกียรติจาก อาจารย์กมลศิริ วงศ์หมึก คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) มาบรรยายหัวข้อ “อัตลักษณ์ไทยสู่ศิลปะสัมพันธ์” อาจารย์กมลศิริ กล่าวว่า “ในอดีตที่ผ่านมาการย้ายถิ่นฐานทำให้เกิดการหลอมรวมลักษณะทางสังคมวัฒนธรรมจากหลากหลายแหล่งจนกลายเป็นตัวตนประจำถิ่นไทย แต่ยังมีความคล้ายคลึงกับพื้นที่บริเวณอื่นซึ่งภายหลังเป็นพื้นที่ของประเทศอื่น จึงมีประเด็นในเรื่องความเป็นไทยไม่มีอยู่จริง หากแต่การใช้ AI ประมวลผลภาพคำสำคัญเรื่องอัตลักษณ์ไทย จากสิ่งที่ถูกถ่ายทอดกระจายอยู่ทั่วไปบนโลกออนไลน์ ผลที่ได้คือภาพที่แสดงถึงสิ่งที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมไทยที่เรารับรู้กัน นั่นแสดงถึงการรับรู้อัตลักษณ์ไทยในวงกว้างที่เป็นสากล สิ่งที่หล่อหลอมความเป็นอัตลักษณ์ไทยคือมรดกทางวัฒนธรรม และงานศิลปะด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรม ศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม นาฏกรรม ผ้าทอไทย อาหารฯลฯ ที่ผ่านมาความเป็นอัตลักษณ์ไทยได้ถูกสื่อสารไปยังสากลผ่านช่องทางต่างๆซึ่งถือว่าเป็น Resource of Soft Power ของความเป็นไทยที่เด่นชัด

ทั้งยังจับใจคนต่างวัฒนธรรมได้ในหลายโอกาส การสืบทอดศิลปวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่นคือการถ่ายทอด การเรียนรู้ การปรับแต่ง ตีความหมายใหม่ สร้างสรรค์และสื่อความหมายใหม่ตามบริบทที่เปลี่ยนไป ศิลปะมีบทบาทมากกับการเชื่อมโยงสื่อสารวัฒนธรรม จากเดิมที่ศิลปะถ่ายทอดเรื่องราวของราชสำนัก ศาสนา งานพุทธศิลป์ ศิลปะเพื่อนำเสนอความเจริญ ทันสมัยในช่วงที่รับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามา จนเข้าสู่ระบบการปกครองแบบใหม่ ศิลปะถ่ายทอดความเป็นรัฐและระบอบใหม่ และภายหลังศิลปะมีบทบาทเพื่อประชาชน และเข้ามามีส่วนร่วมต่อการแสดงความคิดเห็นของประชาชน และอยู่รอบตัวประชาชนในชีวิตประจำวัน เข้าถึงคนมากขึ้น

เห็นได้ว่าศิลปะเป็นเครื่องมือสร้างความสัมพันธ์ที่สื่อสารเรื่องราวรอบตัว เป็นภาษาสากลที่สามารถใช้สื่อสารระหว่างคนแต่ละเชื้อชาติ แต่ละพื้นที่ แต่ละเจเนอเรชั่น ความเป็นไทยไม่ได้อยู่เพียงแค่ในราชสำนักหรือวัด หากแต่วัฒนธรรมแต่ละภูมิภาคก็มีคุณค่าที่ส่งต่อกันมาหลายร้อยปี การดึงอัตลักษณ์ที่มีเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่โดยใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงและสื่อสารจะเป็นวิธีการสร้างให้คนรับรู้อัตลักษณ์ของชุมชนในวงกว้างและมีโอกาสปรับใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ การใช้มุมมองทางศิลปะลดทอน ดัดแปลงความเป็นไทย สามารถสร้างให้เกิดความเป็น Pop Culture การสร้างความร่วมมือ (collaboration) กับแบรนด์ต่างประเทศโดยใช้ทักษะศิลปะและการออกแบบจะทำให้แบรนด์มีเสน่ห์ที่ต่างไปจากเดิม และความเป็นไทยถูกมองในมุมที่น่าสนใจ เข้าถึงง่าย และนำไปสู่การสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ระดับสากลด้วยลักษณะไทย”

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

ยอดดับเหตุเครื่องบินตกใน'อินเดีย'เพิ่มแตะ 274 ราย

'ซูเปอร์โพล'เผยคนไทยสนใจปัญหาปากท้อง - ภัยพิบัติ และข้อพิพาทชายแดน

แม่ก็คือแม่! 'นุ้ย สุจิรา'อวดหุ่นแซ่บในชุดบิกินี ออร่าพุ่งกระฉูด

เสียงประชาชนศักดิ์สิทธิ์! ‘อนุทิน’กราบขอบคุณโพลให้ ‘มท.’ รั้งท้ายกระทรวงสมควรถูกปรับ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved