BCC ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของโลก เปิดหลักสูตรแรกในไทย ‘BCC GLOBAL PROGRAM’ เรียน 4 วัน พัฒนานักเรียนสู่พลเมืองโลกตัวจริง!
‘โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย’ พร้อมก้าวไปสู่ปีที่ 172 ปรับปรุงและเพิ่มหลักสูตรใหม่ในปีการศึกษา 2567 ภายใต้ชื่อ “หลักสูตรการศึกษาเพื่อการพัฒนาความเป็นพลเมืองโลก (BCC GLOBAL PROGRAM)” มุ่งเน้นการพัฒนาสมรรถนะของนักเรียนผ่านรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ทันสมัย ได้แก่ การเรียนเนื้อหาหลักใน 4 วัน และจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาการที่หลากหลายและการค้นหาตัวเองในทุกวันศุกร์ (Funtastic Friday) การรวมกิจกรรมและทัศนศึกษาต่างๆ ที่หลากหลาย
BCC GLOBAL PROGRAM หลักสูตรที่ออกแบบผ่านการรวบรวมข้อมูลในหลายมิติ ทั้งสถานการณ์ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจจากทั่วโลก ด้านงานวิชาการ งานวิจัยต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ นำมาวิเคราะห์ เพื่อสร้างเป็นหลักสูตรแรกในประเทศไทยที่มุ่งพัฒนานักเรียนในฐานะพลเมืองโลก โดยเน้นมุมมองระดับโลกและสร้างความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับโลกที่เชื่อมโยงถึงกันแต่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
หลักสูตรนี้ประกอบด้วยสี่เสาหลักการเรียนรู้ (Pillars of Knowledge) ได้แก่ โปรแกรมภาษาสากล (Global Language Program), การศึกษาความเป็นพลเมืองโลก (Global Citizenship Education), ประสบการณ์ศิลปะและวัฒนธรรมระดับโลก (Global Art and Culture Experience) และ การวิจัยนวัตกรรมระดับโลก (Global Education Research) เสาหลักการเรียนรู้คือองค์ประกอบสำคัญของหลักสูตรที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดผู้นำ นักคิด และนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ที่สามารถก้าวไปสู่ความซับซ้อนของโลกด้วยความมั่นใจและมีเป้าหมายที่ชัดเจน
จุดเด่นของหลักสูตร คือส่งเสริมให้นักเรียนบูรณาการผ่าน 12 ประเด็นระดับโลก (12 Global Issues) เช่น การดูแลสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางวัฒนธรรม สุขภาพโลก และความยุติธรรมทางสังคม โดยนักเรียนจะนำเสนอผลงานร่วมกับนักเรียนโรงเรียนอื่นในระดับชั้นเรียนเดียวกัน ในงานนำเสนอผลงานประจำปี (Global Fair) ซึ่งประกอบด้วยนักเรียนโรงเรียนหญิงล้วน และโรงเรียนนานาชาติจากเครือข่ายในต่างประเทศ
โครงสร้างหลักสูตรเป็นนวัตกรรมใหม่และมีวิชาเฉพาะที่บูรณาการวิชา และศาสตร์ความรู้ต่าง ๆ ร่วมกันเพื่อเปลี่ยนให้ ‘วิชาลูกเสือ’ ให้กลายเป็นวิชา ‘ศาสตร์แห่งความสุข (The Science of Happiness)’ ที่ประกอบด้วย วิชาสุนทรียะและประสบการณ์ทางศิลปะ (The Arts and Esthetic Experience), สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health and Well-being), ทักษะการคิดวิเคราะห์เพื่ออนาคต (Future Literacy)
ยกระดับการเรียนคอมพิวเตอร์ ให้กลายเป็นหลักสูตรใหม่ที่ชื่อว่า ‘BCC AIRS’ หรือหลักสูตรหุ่นยนต์แบบบูรณาการขั้นสูงและระบบความปลอดภัย (Advanced Integrated Robotics and Security Systems: BCC AIRS) ซึ่งประกอบด้วยวิชาที่ให้ความสำคัญกับองค์ประกอบทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ A (Authentic Intelligent หรือ AI), I (Internet of Things), R (Robotic) และ S (Security in Cyberspace) ซึ่งโรงเรียนกรุงเทพ- คริสเตียนวิทยาลัยได้ร่วมกับกับบริษัทชั้นนำระดับโลก ‘RobotLAB Thailand’ บริษัทชั้นนำด้านวิทยาการหุ่นยนต์ และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา ที่มีพันธมิตรระดับโลก เช่น Google, NASA, SoftBank Group ที่ร่วมลงทุนและพัฒนาพื้นที่ชั้น 10 อาคารจอห์น เอ. เอกิ้น ของโรงเรียนสำหรับการเรียนรู้ในหลักสูตร BCC AIRS
หลักสูตร BCC GLOBAL PROGRAM ใช้วิธีการประเมินที่หลากหลาย แทนการสอบปลายภาคแบบเดิม เพื่อยกเลิกแนวคิด “อัจฉริยะข้ามคืน” สร้างความเครียดให้กับการอ่านหนังสือก่อนสอบของนักเรียน ทั้งนี้ผู้ปกครองจะเห็นระดับสมรรถนะของนักเรียนที่เทียบเคียงเป็นข้อความ เช่น ยอดเยี่ยม ดีมาก ดี แทนคะแนนตัวเลขเกรดแบบเดิม เกณฑ์การสำเร็จการศึกษาจะเน้นความสามารถทางวิชาการ การสื่อสารหลายภาษา และการแก้ปัญหาเชิงนวัตกรรม ตั้งแต่ ป.1 ไปจนถึง ม.6
อาจารย์วราภรณ์ ทรัพย์สมบูรณ์ รองผู้อำนวยการด้านวิชาการและมาตรฐานคุณภาพ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการ และผู้จัดการ ของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย กล่าวว่า “เริ่มจากแนวคิดของคณะกรรมการบริหาร ในการสร้างโครงการห้องเรียนสามภาษา เพื่อให้นักเรียนมีฐานทางภาษาที่สำคัญทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาผู้เรียนให้สามารถต่อยอดทางการศึกษาที่สัมพันธ์กับระบบเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และส่งเสริมความสามารถในด้านนวัตกรรมให้กับผู้เรียน และมีความสุขในการเรียนรู้ ตามปรัชญาของโรงเรียน BCC School of Happiness”
แต่ด้วยฉากทัศน์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความต้องการของโลกไม่ได้ต้องการผู้เรียนที่เชี่ยวชาญเพียงภาษาด้านเดียว แต่ต้องการผู้เรียนที่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลก ยอมรับแนวคิดใหม่ ๆ และพร้อมเป็นพลเมืองของโลกในยุคอนาคต โครงการห้องเรียนสามภาษาของโรงเรียนจึงได้รับการพัฒนาใหม่ โดยมอบหมายให้ผู้บริหารหน่วยงานด้านนโยบายและแผนของโรงเรียนพัฒนาโครงการดังกล่าว
อาจารย์วิชัย สีสุด รองผู้อำนวยการด้านนโยบายและแผน ผู้ที่ริเริ่มแนวคิดการจัดแผนการเรียนแบบใหม่ของโรงเรียนภายใต้ชื่อ “BCC NEXT” แทนสายวิทย์คณิต หรือสายศิลป์คำนวณ แบบเดิม ได้นำแนวทางการพัฒนานวัตกรรมหลักสูตรจากองค์ความรู้ และประสบการณ์จากการทำงานวิจัยใน Columbia University สหรัฐอเมริกา และบริหารการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาพัฒนาจากฐานแนวคิด ‘โครงการ’ ห้องเรียนสามภาษา ยกระดับเป็น ‘หลักสูตร’ การศึกษาเพื่อการพัฒนาความเป็นพลเมืองโลก (BCC GLOBAL PROGRAM)
“นอกจาก 3 ภาษาที่นักเรียนจำเป็นต้องเรียนรู้ ยังมีอีกหนึ่งภาษาสำคัญที่นักเรียนโรงเรียนชายล้วนของกรุงเทพคริสเตียนต้องได้รับการพัฒนาตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ชื่อ ภาษาคอมพิวเตอร์ (Coding) แต่วันนี้เราคงไม่เรียน Coding ทั่วไป แต่ต้องสนใจในวิทยาการหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ ไอโอที รวมไปถึงความปลอดภัยในโลกดิจิทัล เหล่านี้คือตัวเปลี่ยนเกมในโลกการศึกษาในอนาคตที่จะทำให้นักเรียนต่อยอดไปได้ไกลกว่าเพียงแค่ฐานของภาษาเพื่อการสื่อสาร และเมื่อผนวกกับการสร้างผู้เรียนให้เข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของความเป็นพลเมืองโลก เราสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่า เด็ก ก.ท เป็นนักเรียนที่มีประสิทธิภาพ แทนการพูดว่า นักเรียนเราเก่ง เพราะครูที่นี่เชื่ออยู่แล้วว่าทุกคนเก่ง แต่คำว่าเป็นนักเรียนที่มีประสิทธิภาพคือมีศักยภาพในการเป็นพลโลกในอนาคต” อาจารย์วิชัยกล่าว
อาจารย์วิชัย กล่าวว่า ในหลายประเทศมีการปรับวิธีการเรียนรู้ที่ให้เหมาะสมกับบริบทของผู้เรียน ซึ่งรวมไปถึงสภาพแวดล้อมด้านเศรษฐกิจของสังคม ในงานวิจัยหลายชิ้นทำให้เห็นว่า ระบบการศึกษาในปัจจุบัน จำเป็นต้องเปลี่ยน เพื่อให้ผู้เรียนมองเห็นโอกาสของตนเองจากความต้องการของโลก ไม่ใช่มีความรู้แค่ในตำราเรียน หลักสูตรนี้ลดเวลาการเรียนรู้ในเนื้อหาวิชาหลักใน 4 วัน จริง ๆ แล้วเราไม่ได้ลดเวลาการเรียน แต่เราเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมความรู้แทนทั้งการใช้วันศุกร์ให้มีความสุขมากขึ้น และเพิ่มกิจกรรมการเรียนรู้ก่อนเปิดภาคเรียนและหลังภาคเรียน เหล่านี้แสดงให้เห็นความตั้งใจของคณะผู้บริหารของโรงเรียนที่กล้าเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดการศึกษาใหม่ เพราะเราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา จำเป็นต้องเริ่มจากการเปลี่ยนความคิดของผู้บริหาร ก่อนจะเปลี่ยนหลักสูตร หรือเปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนการสอน เพื่อท้ายสุดนักเรียนจะได้รับผลประโยชน์ที่ดีจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
รศ.ดร.สุกัญญา แช่มช้อย อาจารย์สาขาวิชาบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้กล่าวว่า “หลักสูตรนี้ถือเป็นนวัตกรรมหลักสูตรใหม่ที่มีแสดงให้เห็นระบบนิเวศการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างนักเรียน ผู้ปกครอง ครู โรงเรียน และชุมชน เพื่อการพัฒนาระบบการศึกษาแบบองค์รวม (Holistic Approach) ที่ไม่จำกัดรูปแบบแต่ตอบสนองต่อความแตกต่างของผู้เรียนเป็นรายบุคคลเพื่อให้นักเรียนสามารถนำความรู้ ความสามารถ และประสบกาณ์ของตนเองมาเชื่อมโยงกับโลกที่อาศัยอยู่ในปัจจุบันและอนาคตได้ ด้วยหลักสูตรนี้จึงเป็นการเปลี่ยนวิธีคิดในการจัดการเรียนการสอนใหม่ เน้นสมรรถนะของผู้เรียนเป็นสำคัญ และยังส่งเสริมจินตนาการ สุนทรียภาพ รวมถึงการค้นหาตนเองตั้งแต่ระดับประถมศึกษา สร้างผู้เรียนเป็นคนที่เข้าใจและตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต และท้ายที่สุดก็จะเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่พึงประสงค์ให้กับโลกอนาคต”
ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล ประธานสาขาวิชาการสอนสังคมศึกษา และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ในฐานะศูนย์ประสานความร่วมมือด้านพลเมืองโลกศึกษา ประเทศไทย ได้แสดงความเห็นว่า หลักสูตร BCC GLOBAL PROGRAM ของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ยังคงให้ความสำคัญด้านการเรียนรู้ในเชิงวิชาการ ด้วยวิชาที่ออกแบบใหม่บนพื้นฐานความเข้าใจเพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้แบบเข้าใจและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงมากกว่าวิชาทั่วไป ทั้งมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเตรียมนักเรียนให้เป็นพลเมืองโลกที่รอบรู้ มีสมรรถนะที่สำคัญ รู้จักวิเคราะห์มุมมองแห่งอนาคต มีจริยธรรมในการใช้ชีวิต และเป็นพลเมืองโลกที่มีคุณค่าและความหมายต่อสังคมต่อไปในอนาคต
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อ.นฤพร ใจศิริสวย หัวหน้างานประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กรโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยโทรศัพท์ 02 637 1852 ต่อ 6003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี