กองทัพเรือ และ การไฟฟ้านครหลวง เปิดการใช้งานโครงการ ติดตั้งและบำรุงรักษาอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ในระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือก โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ
วันนี้ (21 เมษายน 2568) พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานเปิดการใช้งานโครงการ ติดตั้งและบำรุงรักษาอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ในระบบการผลิต ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือก ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพ โดยมี และ นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง พลเรือโท ประทีป ตังติสานนท์ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ และพลเรือตรีสมชาย จันทโรธร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ ของทั้งสองหน่วยงาน ร่วมในพิธี ณ ห้องประชุมอาคารผู้ป่วยใน ชั้น 13 โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพฯ
ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมายการเป็นประเทศที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050(พ.ศ. 2593) โดยสนับสนุนและพร้อมส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐเพิ่มการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น กองทัพเรือได้ตระหนักถึงความสำคัญของเป้าหมายนี้ และให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง โดยถือว่าเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐในการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่านการบริหารจัดการด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเลือกใช้พลังงานสะอาด พลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือก เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ดำเนินงานอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นหน่วยงานที่มีการปฏิบัติและบริหารงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่ 1 ของกองทัพเรือ คือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้พลังงาน โดยเน้นกลยุทธ์หลัก คือ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน
โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ ถือเป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิชั้นสูงของกองทัพเรือ ซึ่งมีภารกิจหลักในการให้บริการตรวจรักษาด้านการแพทย์แก่กำลังพล ครอบครัวและประชาชนทั่วไป ตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน ด้วยบทบาทดังกล่าวโรงพยาบาลจึงมีความจำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับภารกิจด้านการแพทย์ การดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต การผ่าตัด ตลอดจนระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงพยาบาล
นอกเหนือจากความตระหนักในต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าที่มีแนวโน้มสูงขึ้นแล้ว โรงพยาบาลยังให้ความสำคัญกับความมั่นคงด้านพลังงาน การลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากฟอสซิล ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมก้าวสู่การเป็น “โรงพยาบาลสีเขียว” (Green Hospital) อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อมของกองทัพเรือภายใต้แนวคิด “Green Navy” และสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาลในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593)
ในการนี้ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ ได้ดำเนินโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) บนหลังคาอาคารผู้ป่วยนอก และอาคารพิเคราะห์และบำบัดโรค รวมกำลังการผลิตสูงสุด 1,778 กิโลวัตต์พีค โดยคาดว่าจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าได้เฉลี่ยปีละประมาณ 4.7 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เฉลี่ยปีละ 1,035.61 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นสักประมาณ 58,841 ต้น
ทั้งนี้ การไฟฟ้านครหลวง (MEA) ได้ดำเนินการติดตั้งระบบดังกล่าวแล้วเสร็จเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 และมีความพร้อมในการจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบของโรงพยาบาลอย่างเต็มรูปแบบ การจัดพิธีเปิดโครงการในวันนี้ จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม และความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนในการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด เพื่อก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการพลังงานสะอาดของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศในระยะยาวต่อไปในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี