บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ฉายภาพใหญ่ “เข้าสู่ยุคแห่งการเติบโต” หลังคว้า 4 โครงการจำหน่ายไฟฟ้าให้ภาครัฐ ทำให้ปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่ได้รับอนุญาตจากภาครัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 42 แตะ 1,016 เมกะวัตต์ เผยเตรียมโครงการใหม่รวมกว่า 2,000 เมกะวัตต์ ขณะที่ผลประกอบการ 2567 รายได้ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท ติดต่อกันเป็นปีที่ 5
นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม อันดับ 1 ของไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการ ปี 2567 ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 11,313 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 5,388 ล้านบาท นับเป็นปีที่ 5 ต่อเนื่องกันตั้งแต่ปี 2563 ที่มีรายได้ในระดับ 10,000 ล้านบาท และเป็นปีที่ 4 ต่อเนื่องกัน ที่มีกำไรมากกว่า 5,000 ล้านบาท
“ผลประกอบการปี 2567 อยู่ในระดับแข็งแกร่งต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า จากปริมาณกระแสลมที่เอื้อต่อการผลิตไฟฟ้า และการเตรียมความพร้อมของกังหันลมผลิตไฟฟ้าในระดับดีเยี่ยม ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพ ขณะที่สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.74 ลดลงจาก 1.01 ในปีก่อนหน้า จากการชำระคืนสินเชื่อให้แก่สถาบันการเงิน ส่วนกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ปี 2567 ยังอยู่ในระดับสูงที่ 9,570 ล้านบาท จากฐานธุรกิจที่มั่นคง ทำให้บริษัทฯ สามารถจ่ายปันผล ผู้ถือหุ้น และผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นกู้ ได้ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ”
ทิศทางพลังงานหมุนเวียนสดใส – พร้อมเข้าร่วมประมูลทุกรอบ
นายณัฐพศิน กล่าวว่า เมื่อมองภาพรวมในประเทศ ยังมีโควตาพลังงานลมให้เราเข้าไปแข่งขันรวมอย่างน้อยประมาณ 5,745 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น พลังงานลมภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) ฉบับปัจจุบัน ที่ยังไม่เปิดประมูล ประมาณ 400 เมกะวัตต์ รวมกับ โครงการพลังงานลมใหม่ 5,345 เมกะวัตต์ ภายใต้ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567 - 2580 (PDP 2024) ฉบับรับฟังความคิดเห็น ซึ่งเป็นแผนถัดไป และในฐานะที่ WEH เป็นผู้บุกเบิกพลังงานลมในไทย เป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม จึงมั่นใจว่ามีศักยภาพมากพอในการตอบโจทย์พลังงานหมุนเวียนของประเทศ
“ขณะนี้ WEH พัฒนาโครงการไว้พร้อมเข้ายื่นประมูลเป็นผู้จำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้แก่ภาครัฐหลายโครงการ คิดเป็นปริมาณเสนอขายรวมมากกว่า 2,000 เมกะวัตต์ ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยยังคงมุ่งเน้นในพลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีศักยภาพ”
คว้าโรงไฟฟ้าใหม่ 4 โครงการ – บรรลุเป้าหมาย เติบโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ WEH ชนะประมูล ได้รับเลือกเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนให้แก่ภาครัฐ ตามประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เฟส 1 และ เฟส 2 ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) รวม 4 โครงการใหม่ ปริมาณเสนอขายไฟฟ้ารวม 299.1 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบมีระบบกักเก็บพลังงานติดตั้งบนพื้นดิน 1 โครงการ ขนาด 30 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 โครงการ โครงการละ 89.7 เมกะวัตต์ รวม 269.1 เมกะวัตต์ ทั้งหมดนี้ใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 15,700 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมทางด้านเงินลงทุนแล้ว คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ของโครงการทั้งหมด ตั้งแต่ปี 2570 จนครบทั้งหมดในปี 2573
สำหรับโรงไฟฟ้าใหม่ 4 โครงการนี้ ทำให้ธุรกิจไฟฟ้าที่ได้รับอนุญาตจากภาครัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 42 จากปัจจุบัน 717 เมกะวัตต์ เพิ่มเป็น 1,016 เมกะวัตต์ ถือเป็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ นับตั้งแต่โรงไฟฟ้าแห่งล่าสุดของบริษัทฯ จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ไปเมื่อปี 2561 และบรรลุเป้าหมายปี 2564 ที่ตั้งเป้าเพิ่มปริมาณเสนอขายไฟฟ้าที่ได้รับอนุญาตจากภาครัฐแตะระดับ 1,000 เมกะวัตต์
“ภายใต้แผนพัฒนาธุรกิจไฟฟ้า ที่อ้างอิงตามแผน PDP ของประเทศ ประเมินว่าเมื่อสิ้นสุดแผน PDP 2024 ในปี 2580 ตั้งเป้าได้รับปริมาณเสนอขายไฟฟ้าให้แก่ภาครัฐเพิ่มเป็น 2,000 เมกะวัตต์ และมีรายได้รวมประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี”
เปิดพอร์ทไฟฟ้าแข็งแกร่ง – รุกธุรกิจอสังหาฯ สุขภาพ และบริการทางการเงิน
นายณัฐพศิน กล่าวว่า ภาพรวมกลุ่มธุรกิจของ WEH ในปัจจุบัน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย
1. กลุ่มธุรกิจพลังงาน เป็นพลังงานหมุนเวียนร้อยละ 100 ได้รับอนุญาตจากภาครัฐ รวม 1,016 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้า 12 โครงการ แบ่งเป็น กลุ่มที่ COD แล้ว 717 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานลม 8 โครงการ และกลุ่มที่มีกําหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (SCOD) ขนาดรวม 299 เมกะวัตต์ จาก 4 โครงการ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบมีระบบกักเก็บพลังงานติดตั้งบนพื้นดิน 1 โครงการ และพลังงานลม 3 โครงการ
2. กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สุขภาพ และบริการทางการเงิน ผ่านการลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
“ภาพของ วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป เข้าสู่ยุคของการเติบโต ขยายกิจการในพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานลม เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม และในฐานะบริษัทโฮลดิ้ง เรายังมองหาโอกาสในธุรกิจที่มีศักยภาพ เข้ามาในพอร์ทของเรา เพื่อเสริมศักยภาพทางธุรกิจในระยะยาว”
สานต่อภารกิจลดคาร์บอนไดออกไซด์ ขยายคาร์บอนเครดิต
นายณัฐพศิน กล่าวว่า WEH ยังสานต่อภารกิจด้านความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยปี 2567 ปริมาณไฟฟ้าจากพลังงานลมที่บริษัทฯ ผลิตได้ เทียบเท่าปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลง รวม 938,943 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) หรือเทียบเท่าต้นไม้ช่วยฟอกอากาศประมาณ 41 ล้านต้น (คำนวณจากไม้ยืนต้นโตเต็มที่ สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ย 2 กิโลกรัมต่อปี) หากบริษัทฯ ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ตามแผน จะยิ่งเพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลง ได้มากขึ้นตามไปด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯ ใช้มาตรฐานการตรวจรับรองคาร์บอนเครดิตระดับโลก ประกอบด้วย Gold Standard และ VERRA ซึ่งปีที่ผ่านมา ได้จำหน่ายคาร์บอนเครดิตรวมประมาณ 810,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ทำให้ระหว่างปี 2564 – 2567 บริษัทฯ จำหน่ายคาร์บอนเครดิตได้รวมทั้งสิ้น 3.48 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยทั้งหมดนี้จำหน่ายให้แก่ผู้ซื้อในสหรัฐอเมริกา และกลุ่มสหภาพยุโรป โดยกลุ่มลูกค้าหลักอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ และการบิน
“นอกจากนี้ ระหว่างปี 2562 – 2567 บริษัทฯ จัดทำใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน IREC (International Renewable Energy Certificate Standard) ได้รวม 506,455 เมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) โดยใบรับรอง IREC กำลังมีความสำคัญเพิ่มขึ้นในตลาดโลก เพราะมีกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% (RE100) ซึ่งประกอบด้วย องค์กรระดับโลก เช่น Apple, Google, Microsoft, Ikea ต้องการใบรับรอง เพื่อยืนยันการใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นับเป็นความตื่นตัวระดับองค์กรต่อการใช้พลังงานหมุนเวียน ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี