ดร.จิรายุ อัครวิบูลย์กิจ อดีตอาจารย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เขตพื้นที่จักรพงษภูวนารถ (มทร.) และ ดร.วิทยา เจียมธีนาถ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ได้ยื่นหนังสือถึง ดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ ประธานมูลนิธิธรรมมาภิบาลและต่อต้านทุจริต และ นายกสภาสมาคมธรรมาภิบาล ให้ตรวจสอบผู้บริหารมหาวิทยาลัยฯ หลังถูกกลั่นแกล้งจนพ้นจากสภาพการเป็นพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา หลังจากที่ลงสมัครชิงตำแหน่งคณบดี
วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ดร.จิรายุ อัครวิบูลย์กิจ อดีตหัวหน้าภาควิชา คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาโลจิสติก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เขตพื้นที่จักรพงษภูวนารถ และ ดร.วิทยา เจียมธีนาถ ได้ยื่นหนังสือต่อ ดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ ประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลและต่อต้านทุจริต และ นายกสภาสมาคมธรรมาภิบาล หลังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บริหารระดับสูงของ มหาวิทยาลัยฯ ที่ออกหนังสือคำสั่งให้หลุดพ้นจากตำแหน่งพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา โดยให้เหตุผลว่าผู้เสียหาย ไม่ได้ยื่นคำขอให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัยฯ ในการดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภายในระยะเวลาที่กำหนด จนต้องพ้นสภาพการเป็นพนักงาน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มีการประกาศผลผู้มีสิทธิ์ที่ได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งคณบดี คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ
ดร.จิรายุ เปิดเผยว่า ตนเองเคยเป็นอดีตหัวหน้าภาควิชา คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาโลจิสติก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เขตพื้นที่จักรพงษภูวนารถได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีตลอดมาและไม่เคยมีข้อพิพาทกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก แต่อย่างใด จนกระทั่งเมื่อเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา ตนเองได้ตัดสินใจสมัครเข้ารับการคัดเลือกเพื่อสรรหาผู้มีความสามารถให้ดำรงตำแหน่งคณบดี คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ และได้มีการประกาศผลเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2568 ผลปรากฏว่าตนเอง และ นางสาวละอองศรี เหนี่ยงแจ่ม ได้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ จนเหลือแค่เพียง 2 คนสุดท้าย
ต่อมาในวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2568 ทางผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ได้ออกหนังสือคำสั่งให้ตนเอง และ ดร.วิทยา เจียมธีนารถ พ้นจากสภาพจากการเป็นอาจารย์และพนักงานของมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งให้ส่งคืนครุภัณฑ์ ภายในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 โดยการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการกลั่นแกล้งและขัดขวางการเข้ารับการสรรหาตำแหน่งคณบดี คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เนื่องจากตนเองเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการสมัครชิงตำแหน่งคณบดี และได้อ้างเหตุผลว่าผู้เสียหาย ไม่ได้ยื่นคำขอให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัยฯ ในการดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภายในระยะเวลาที่กำหนด
ดร.จิรายุ กล่าวว่า ตนเองได้ส่งหนังสือรวมทั้งรายละเอียดแผนการจัดเตรียมเอกสารวิชาการเพื่อเข้ารับการดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ในวันที่ 25 ธันวาคม 2566 ซึ่งในระหว่างนั้นทางเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องดังกล่าวไม่มีการตอบกลับเกี่ยวกับรายละเอียดในการจัดเตรียมเอกสารวิชาการเมื่อมีการทวงถามกับเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใดจนกระทั่งได้มีการออกหนังสือคำสั่งในตนเองพ้นจากสภาพจากการเป็นอาจารย์และพนักงานของมหาวิทยาลัย
หลังจากนั้นได้ตรวจสอบรายละเอียดการส่งเอกสารจากระบบสารสนเทศ ของมหาวิทยาลัยฯ พบว่ามีข้อมูลการรับเอกสาร เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่าได้มีการส่งเอกสารรวมทั้งรายละเอียดแผนการจัดเตรียมเอกสารวิชาการเพื่อเข้ารับการดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ให้กับทางคณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ แต่ทางคณะฯ และ ผู้บริหารฯ ได้เพิกเฉยในการตรวจสอบเอกสารดังกล่าว ซึ่งไม่ทราบว่าระยะเวลากว่า 4 เดือน ที่ผ่านมาทางคณะผู้บริหาร ถึงไม่ทราบรายละเอียดเอกสาร ที่ยื่นเพื่อเข้ารับการดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาตราจารย์ แต่อย่างใด ทั้งนี้ตนเองจึงได้ทำหนังสือถึง ดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ ประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลและต่อต้านทุจริต และ นายกสภาสมาคมธรรมาภิบาล เพื่อต้องการให้ช่วยตรวจสอบสาเหตุที่มีการลงโทษตนเอง ให้พ้นจากสภาพจากการเป็นอาจารย์และพนักงานของมหาวิทยาลัย รวมทั้งตรวจสอบความโปร่งใสในการสรรหาผู้มีคุณสมบัติเพื่อเข้ารับตำแหน่งคณบดี คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก อีกด้วย
หลังจากตรวจสอบเอกสารดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ ได้เผยว่า ทางมูลนิธิธรรมาภิบาลและต่อต้านทุจริต จะให้ช่วยความเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายด้วยการนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลปกครอง ซึ่งผลการพิพากษาของศาลปกครอง จะสามารถต่อยอดไปยังความผิดอื่น ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นศาลแพ่ง ศาลอาญา หรือศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จากการตรวจสอบเอกสารที่ผู้ที่ได้รับความเสียหายนำมาประกอบการพิจารณา หากพบว่าการใช้อำนาจหน้าที่ของผู้บริหารฯ ที่ออกคำสั่งดังกล่าวว่ายังมีจุดบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบขั้นตอนอยู่หรือไม่ ทางมูลนิธิธรรมาภิบาลและต่อต้านทุจริต มีความเห็นว่าเรื่องนี้สมควรขึ้นสู่การพิจารณาของศาล เพื่อเป็นที่สิ้นสุดต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี