เครือข่ายเป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม - สสส. สานพลังภาคี
จุดประกายความปลอดภัยทางถนน เริ่มจากหน้าโรงเรียน
ดึงตำรวจจราจร บริษัทกลางฯ และไทยฮอนด้า ปั้นครูและแกนนำรุ่นเยาว์ "ผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตา"
ในขณะที่อุบัติเหตุทางถนนยังคร่าชีวิตคนไทยเฉลี่ย 2 คนต่อชั่วโมง และมีผู้บาดเจ็บกว่า 5 แสนคนต่อปี โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนและวัยทำงาน แม้มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง และความสูญเสียมีแนวโน้มลดลง แต่สถิติก็ยังน่าวิตก เครือข่ายเป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้ริเริ่มโครงการ “โรงเรียนเครือข่ายผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตา...สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน” เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง เพื่อติดกระดุมเม็ดแรกวินัยจราจรให้เด็กและเยาวชน ล่าสุดมีการขยายผลสู่การสร้างครูแกนนำและนักเรียนแกนนำ ใน 16 โรงเรียนนำร่อง กับโจทย์สำคัญ “ทำอย่างไรให้บริเวณหน้าโรงเรียนมีความปลอดภัย??”
ดร.อุดม หงส์ชาติกุล ประธานเครือข่ายเป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม กล่าวว่า เป้าหมายของเครือข่ายฯ คือการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน เริ่มจาก “ติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง” ผ่านการปลูกฝังวินัยจราจรและทักษะพื้นฐาน เช่น การข้ามทางม้าลายอย่างถูกวิธี การสวมหมวกกันน็อกอย่างถูกต้อง ทักษะการซ้อนรถจักรยานยนต์ ที่ปลอดภัย แก่เด็กนักเรียนระดับประถมศึกษา และการมีส่วนร่วมสะกิดเตือนด้วยความรัก โดยได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายฯ ที่ขับเคลื่อนเรื่องความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่อง อาทิ กองบังคับการตำรวจจราจร ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัย สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ มูลนิธิเมาไม่ขับ สำนักการจราจรและขนส่งกรุงเทพมหานคร และอีกหลายองค์กร
สำหรับโครงการโรงเรียนเครือข่ายผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตาฯ มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน จึงมีการสร้างความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักงานเขตบางรัก สำนักงานเขตสาทร สำนักงานเขตบางคอแหลม และ เทศบาลตำบลเจ็ดเสมียน จ.ราชบุรี ในการทำงานร่วมกับ 16 โรงเรียน ทำให้สามารถติดกระดุมเม็ดแรกวินัยจราจร ให้เด็กและเยาวชน ตั้งแต่ชั้นอนุบาลและประถมศึกษา ไปแล้ว ประมาณ 2,500 คน
ทั้งนี้ เพื่อขยายต่อยอดสู่การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่อง ทางเครือข่ายฯ จึงได้จัดให้มีกิจกรรมพัฒนาศักยภาพคุณครูแกนนำและนักเรียนแกนนำ “ผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตา” เพื่อทำหน้าที่เป็นแกนนำในการแพร่กระจายความรู้เรื่องความปลอดภัยทางถนน สู่เพื่อนในโรงเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนรอบข้าง โดยปี 2567 มีการจัดไปแล้ว 1 รุ่น และวันที่ 30-31 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการอบรมรุ่นที่ 2 โดยได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารโรงเรียน ส่งครูแกนนำและนักเรียนแกนนำเข้าร่วมกว่า 100 คน
นางสาวอรชา มุ้ยเสมา ผู้อำนวยการ สำนักงานเขตบางคอแหลม กล่าวว่า การสร้างความปลอดภัยทางถนน เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของกรุงเทพมหานคร ควบคู่กับการพัฒนาเมืองให้มีความปลอดภัย มีการรณรงค์สร้างจิตสำนึกและปลูกฝังค่านิยมการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชน สำหรับการพัฒนาศักยภาพแกนนำคุณครูและนักเรียนนับเป็นกิจกรรมที่ดีมาก เชื่อมั่นว่า จากความตั้งใจและความมุ่งมั่นของทุกคนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน จะเกิดนวัตกรรมความคิดใหม่ๆ ในการสร้างความปลอดภัยทางถนน อันจะเป็นต้นแบบในการขยายผลในวงกว้าง ซึ่งทางสำนักงานเขตฯ พร้อมสนับสนุนการขยายผลในชุมชนหรือในโรงเรียนต่อไป
“การปลูกฝังวินัยจราจร จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีวินัยในเรื่องอื่นๆ แม้แต่ละโรงเรียนจะมีกิจกรรมมากมาย แต่เรื่องความปลอดภัยต้องเป็นวาระสำคัญที่ต้องทำให้เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะบทบาทของน้องๆ ที่ต้องกลับไปเป็นแกนนำ ถ่ายทอดความรู้ให้เพื่อนๆ สร้างวินัยจราจรในชีวิตประจำวันดูแลตัวเองให้ปลอดภัย ซึ่งจากการที่ กทม. เคยแจกหมวกแล้ว ก็ขอให้นักเรียนกลับไปใช้จริงทุกวัน พร้อมฝากคุณครูทำหน้าที่เป็นต้นแบบ และปรับสภาพแวดล้อมโรงเรียนให้เหมาะสมกับการเรียนรู้เรื่องวินัยจราจรในทุกมุมของโรงเรียน เพื่อให้เด็กๆ ซึ่งจะเติบโตผู้ใหญ่ เป็นผู้ขับขี่ที่มีวินัย ใจเย็น มีความรับผิดชอบต่อสังคม”
ด้านคุณสุพจน์ พนธ์พงษ์ขจร ผู้จัดการทั่วไปสายงานส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน บริษัทไทยฮอนด้า จำกัด ซึ่งจัดครูฝึกจากศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า มาให้ความรู้เรื่องการซ้อนและความสำคัญของหมวกกันน็อก พร้อมนำหมวกกันน็อก 60ปี ไทยฮอนด้า มามอบให้นักเรียนแกนนำ เพื่อนำไปใช้สื่อสาร รณรงค์ ให้ผู้ปกครอง กล่าวว่า “อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ป้องกันได้ ฮอนด้าอยากเห็นเด็กและเยาวชนมีชีวิตและอนาคตที่สดใส การส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และการปลูกฝังเรื่องความปลอดภัยให้เด็กและเยาวชนจึงมีความสำคัญ ฮอนด้า ยินดีที่จะมีส่วนร่วมส่งเสริม ทั้งนี้ขอให้แกนนำคุณครูและนักเรียน นำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ต่อ เพื่อให้คนรอบข้าง รวมถึงคนในครอบครัวตระหนักเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางอยู่เสมอ”
ในการพัฒนาศักยภาพแกนนำผึ้งน้อยเป็นหูเป็นตา มีการติวเข้มความรู้เรื่องวินัยจราจรา ป้ายจราจร และ ฝึกทักษะการข้ามถนนม้าลายอย่างปลอดภัย โดยใช้หลัก “หยุด – ดู – ฟัง” พร้อมสโลแกน “ข้ามเอง มองเอง มั่นใจพอ ไม่ง้อใคร ปลอดภัยแน่นอน” ที่เด็กๆสามารถนำไปใช้จริง คือ 1.ชะเง้อมอง...ว่ารถหยุดแล้วจริง 2.ยกมือสูง...เพื่อส่งสัญญาณให้คนขับรถเห็นว่าเราต้องการข้าม 3.ไม่คุยโทรศัพท์-ไม่วิ่งขณะข้าม 4.จูงมือผู้ใหญ่ 5.โค้งขอบคุณ...รถที่หยุดให้ข้าม และอีกหัวข้อสำคัญ คือ การใส่หมวกกันน็อกอย่างถูกวิธี การเลือกขนาดพอดี รู้จักประเภทและประโยชน์ ไปจนถึงวิธีรัดสายคางให้แน่น พร้อมเน้นย้ำว่า ทุกครั้งที่ซ้อนหรือขับขี่ต้องใส่หมวกกันน็อก เพื่อป้องกันการบาดเจ็บร้ายแรง
อีกหนึ่งไฮไลต์ของการอบรมอยู่ที่ Workshop ระดมไอเดียจากครูและนักเรียน เพื่อวางแผน “ทำอย่างไรให้หน้าโรงเรียนปลอดภัย” เกิดข้อเสนอหลากหลาย เช่น เพิ่มกรวยจราจร ทาสีม้าลายให้ชัด ติดป้ายเตือนหน้าโรงเรียน รณรงค์ใส่หมวกกันน็อก จัดระเบียบแผงค้าไม่ให้บังทางข้าม และการสร้างจิตสำนึกชะลอความเร็วหน้าโรงเรียน ทั้งนี้ หลังอบรม แผนงานจะถูกนำไปใช้จริงในแต่ละโรงเรียน พร้อมเปิดเวทีประกวด “Best Practice… หน้าโรงเรียนปลอดภัย” และผลักดันให้บูรณาการเรื่องความปลอดภัยทางถนนเข้าสู่การเรียนการสอนในรายวิชาต่างๆ ต่อไป
จุดเริ่มต้นอาจเล็กแค่หน้าโรงเรียน แต่ถ้าทุกฝ่ายขยับพร้อมกัน เด็กได้เรียนรู้ ครูเป็นต้นแบบ ชุมชนลุกขึ้นหนุน ทุกภาคส่วนไม่ยอมจำนนต่อความสูญเสีย ทุกก้าวของผึ้งน้อยฯ จะไม่ใช่แค่การเรียนรู้ แต่คือ พลังสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ถึงเวลาเปลี่ยนถนนทุกสาย...ให้ปลอดภัยสำหรับทุกคน เริ่มก้าวแรกที่หน้าโรงเรียนร่วมกันสะกิดเตือนด้วยความรัก เพื่อส่งทุกคนกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยทุกวัน และ ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมกับ เครือข่ายเป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม โดยติดตามกิจกรรมการขับเคลื่อนฯ ผ่าน Facebook : เป็นหูเป็นตาเพื่อสังคม : https://web.facebook.com/penhoopentar
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี