มีปัญหาร่องตาลึก ถุงใต้ตา รอยคล้ำใต้ตา ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หรือฉีดไขมันใต้ตาดี? พาไปเจาะลึกข้อดี-ข้อเสียของทั้งสองวิธี เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะกับเราที่สุด
ปัญหารอบดวงตาเป็นหนึ่งในความกังวลด้านความงามที่พบได้บ่อย ไม่ว่าจะเป็นร่องตาลึก ถุงใต้ตา หรือรอยคล้ำใต้ตา ซึ่งทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้า โทรม และดูมีอายุมากกว่าความเป็นจริง ในปัจจุบันมีวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้หลายวิธี แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสองอันดับแรกคือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และการฉีดไขมันใต้ตา ทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับทั้งสองวิธี เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของคุณมากที่สุด
การเลือกระหว่างฟิลเลอร์ใต้ตาและการฉีดไขมันใต้ตาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งลักษณะปัญหาที่ต้องการแก้ไข ความคาดหวังในเรื่องผลลัพธ์ระยะยาว งบประมาณ และความพร้อมในการดูแลหลังการรักษา สำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องใต้ตาลึกไม่มาก ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันที และมีเวลาพักฟื้นน้อย การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
แต่สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาใต้ตาแบบถาวร ไม่ต้องการมีสารแปลกปลอมในร่างกาย หรือมีปัญหาไขมันส่วนเกินที่ต้องการกำจัดออกไปพร้อมกัน การฉีดไขมันใต้ตาจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากกว่า
ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ทั้งสองวิธีร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เช่น ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก่อนเพื่อเห็นผลทันที แล้วจึงฉีดไขมันในภายหลังเพื่อรักษาผลลัพธ์ในระยะยาว หรือฉีดไขมันใต้ตาในบริเวณที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ และฉีดฟิลเลอร์ในจุดที่ต้องการความแม่นยำสูง
ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีการเติมเต็มบริเวณใต้ตาที่มีปัญหายุบตัวลงหรือเกิดร่องลึก ซึ่งมักเกิดจากการเสื่อมของผิว การสูญเสียไขมัน หรือการทรุดตัวของกระดูกโหนกแก้มตามอายุที่เพิ่มขึ้น หรืออาจเกิดจากโครงสร้างใบหน้าที่มีเบ้าตาลึกมาแต่กำเนิด โดยสารที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามักเป็นสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ จึงมีความปลอดภัยสูงและมีโอกาสเกิดอาการแพ้น้อยมาก
เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในบริเวณใต้ตา จะช่วยยกระดับผิวในส่วนที่ยุบตัว ทำให้เบ้าตาที่ลึกดูตื้นขึ้น เต็มขึ้น ลดเลือนริ้วรอยใต้ตา ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาเรียบเนียนและสม่ำเสมอมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความชัดเจนของถุงใต้ตา และมีส่วนช่วยให้ใต้ตาที่มีปัญหาความคล้ำดูสว่างขึ้นได้ ส่งผลให้ใบหน้าที่เคยดูโทรม อ่อนล้า กลับมาดูสดใสและอ่อนเยาว์มากขึ้น
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเนื่องจากเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการรักษา แพทย์สามารถควบคุมปริมาณการเติมเต็มได้อย่างแม่นยำตามต้องการ ไม่จำเป็นต้องฉีดเผื่อเหมือนการฉีดไขมัน เพราะฟิลเลอร์จะคงตัวและให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนทันทีหลังฉีด หากผลลัพธ์ไม่เป็นที่พอใจ สามารถฉีดเพิ่มหรือฉีดสารสลายฟิลเลอร์เพื่อปรับแต่งรูปทรงได้
นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายังเป็นหัตถการที่ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่เกิดรอยแผลเป็น ใช้เวลาในการทำไม่นาน และไม่จำเป็นต้องมีการดมยาสลบหรือวางยาสลบใดๆ จึงลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด
หลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที โดยทั่วไปจะไม่มีอาการบวม ช้ำ ที่รุนแรงหรือผิดปกติ เพียงแต่อาจมีรอยแดงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมง ทำให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาพักฟื้นจำกัด
ข้อเสียหลักของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคือผลลัพธ์ที่อยู่ได้ไม่ถาวร เนื่องจากฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูรอนิค แอซิดจะค่อยๆ ถูกร่างกายดูดซึมและสลายตัวไปตามธรรมชาติ โดยทั่วไปผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล หลังจากนั้นจะต้องเข้ารับการฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์ ทำให้มีค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะหากดำเนินการโดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญเพียงพอ เช่น การเกิดก้อนใต้ผิวหนัง การเติมเต็มไม่สม่ำเสมอ หรือในกรณีที่รุนแรงอาจเกิดการอุดตันของหลอดเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาทางสายตาได้ แม้จะเกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องตระหนักและเลือกรับบริการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
นอกจากนี้ ในบางคนที่มีปัญหาเบ้าตาลึกหรือผิวใต้ตาบางมาก การฉีดฟิลเลอร์อาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Tyndall Effect ซึ่งทำให้ผิวบริเวณใต้ตามีสีฟ้าหรือสีเทาอมฟ้า อันเป็นผลมาจากการที่แสงสะท้อนผ่านฟิลเลอร์ที่อยู่ใต้ผิวบาง
การฉีดไขมันใต้ตา เป็นวิธีการเติมเต็มบริเวณใต้ตาด้วยไขมันของตัวผู้รับบริการเอง โดยเริ่มจากการดูดไขมันส่วนเกินจากบริเวณอื่นของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือสะโพก ซึ่งเป็นแหล่งที่มีไขมันสะสมค่อนข้างมาก การดูดไขมันสำหรับนำมาฉีดใต้ตาอาจใช้เครื่องดูดไขมันพิเศษที่ไม่ทำลายเซลล์ไขมัน เช่น เครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ หรือในกรณีที่ต้องการปริมาณไขมันไม่มาก อาจใช้วิธีดูดไขมันด้วยมือ (Manual Suction) โดยใช้เข็มและกระบอกฉีดยาดูดไขมันออกมาโดยตรง
หลังจากดูดไขมันออกมาแล้ว ไขมันจะถูกนำมาผ่านกระบวนการคัดแยกและทำความสะอาดในระบบปิด เพื่อให้ได้เซลล์ไขมันที่มีคุณภาพสูง บริสุทธิ์ และมีชีวิต นำมาฉีดเข้าบริเวณใต้ตาที่มีปัญหาร่องลึก ตาโบ๋ หรือผิวเหี่ยวย่น ซึ่งการใช้ไขมันของตัวเองจะช่วยให้ผลลัพธ์มีความเป็นธรรมชาติสูงและไม่มีความเสี่ยงจากการแพ้สารแปลกปลอม
การฉีดไขมันใต้ตามีข้อดีสำคัญคือผลลัพธ์ที่อยู่ได้ยาวนานกว่าการฉีดฟิลเลอร์ เมื่อไขมันที่ฉีดเข้าไปเกิดการติดดีแล้ว (ประมาณ 70-90% ของไขมันที่ฉีดเข้าไปในกรณีที่ใช้เทคนิคและอุปกรณ์ที่เหมาะสม) ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานหลายปี หรืออาจถาวรในบางกรณี ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวเมื่อเทียบกับการฉีดฟิลเลอร์ซ้ำ
นอกจากนี้ การฉีดไขมันใต้ตาเป็นการใช้เนื้อเยื่อของตัวเองซึ่งมีความปลอดภัยสูง ไม่มีความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้หรือปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย ไขมันที่ฉีดเข้าไปจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ให้ความรู้สึกและลักษณะที่เป็นธรรมชาติมากกว่าฟิลเลอร์ ในบางกรณี เซลล์ไขมันยังอาจมีคุณสมบัติในการช่วยฟื้นฟูผิวจากสเต็มเซลล์ที่อยู่ในไขมัน ทำให้ผิวบริเวณใต้ตามีคุณภาพดีขึ้นในระยะยาว
อีกข้อดีของการฉีดไขมันใต้ตาคือการได้ประโยชน์สองต่อ ทั้งจากการลดไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ดูดออก เช่น หน้าท้องหรือต้นขา และการเพิ่มปริมาตรในบริเวณใต้ตา ทำให้เกิดการปรับรูปร่างและสร้างความสมดุลให้กับใบหน้าไปพร้อมกัน
ข้อเสียหลักของการฉีดไขมันใต้ตาคือความซับซ้อนของกระบวนการ เนื่องจากต้องมีขั้นตอนการดูดไขมันก่อน ทำให้ใช้เวลาในการทำนานกว่า และผู้รับบริการอาจต้องเผชิญกับอาการบวมช้ำทั้งจากบริเวณที่ดูดไขมันและบริเวณที่ฉีดไขมัน ซึ่งต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนานกว่าการฉีดฟิลเลอร์
นอกจากนี้ ผลลัพธ์ของการฉีดไขมันใต้ตามีความไม่แน่นอนสูงกว่า เนื่องจากไขมันที่ฉีดเข้าไปจะถูกดูดซึมบางส่วนในช่วงแรก ทำให้ผลลัพธ์ที่เห็นทันทีหลังการฉีดอาจไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้าย แพทย์มักต้องฉีดไขมันมากกว่าที่ต้องการในผลลัพธ์สุดท้ายประมาณ 30-50% เพื่อชดเชยส่วนที่จะถูกสลาย โดยเฉพาะในผู้ที่มีพฤติกรรมการกินน้อย ออกกำลังกายมาก หรืออยู่ในช่วงลดน้ำหนัก อาจมีการสลายตัวของไขมันที่ฉีดเข้าไปมากกว่าปกติ
ในบางกรณี หากผลลัพธ์จากการฉีดไขมันครั้งแรกไม่เป็นที่น่าพอใจ อาจจำเป็นต้องฉีดซ้ำ ซึ่งหมายถึงการต้องดูดไขมันเพิ่มและเข้าสู่กระบวนการฟื้นตัวอีกครั้ง นอกจากนี้ หากดำเนินการโดยแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ อาจเกิดปัญหาเช่น ไขมันเป็นก้อน ตุ่มนูนผิดรูป หรือทำให้ถุงใต้ตามีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อาจต้องอาศัยการผ่าตัดเพื่อนำไขมันออก ซึ่งมีความซับซ้อนและยุ่งยากมากกว่ากรณีของฟิลเลอร์ที่สามารถฉีดสารสลายเพื่อแก้ไขปัญหาได้
การเลือกระหว่างฟิลเลอร์ใต้ตาและการฉีดไขมันใต้ตาขึ้นอยู่กับความต้องการและข้อจำกัดของแต่ละบุคคล ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันที ไม่ต้องการพักฟื้นนาน และไม่กังวลกับการต้องฉีดซ้ำทุก 1-2 ปี ในขณะที่การฉีดไขมันใต้ตาเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติ และต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินไปพร้อมกัน แม้จะต้องยอมรับกับระยะเวลาพักฟื้นที่นานกว่า ทั้งสองวิธีล้วนมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาใต้ตา แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินลักษณะปัญหาเฉพาะของคุณและเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด รวมถึงเลือกรับบริการจากสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน มีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี