นายกุลภัทร ภูมิใจอวด ผู้อำนวยการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน เปิดเผยว่า ตามที่นโยบายรัฐบาล แถลงต่อรัฐสภา ในประเด็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาความยากจนและส่งเสริมความเป็นธรรมในสังคม มุ่งเน้นให้ประชาชนมีที่ดินทำกิน มีที่อยู่อาศัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) นั้น
ผู้อำนวยการธนาคารที่ดิน จึงได้มอบหมายให้ นายสุทธิรักษ์ อุฒมนตรี ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร “ธนาคารที่ดิน” พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองประชาสัมพันธ์ฯ ลงพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามผลการดำเนินงานในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้ใช้ประโยชน์และทำสัญญาเช่าซื้อที่ดิน ภายใต้โครงการบริหารจัดการที่ดินอย่างยั่งยืน 2 พื้นที่ได้แก่ กลุ่มสหกรณ์การเกษตรสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ ชุมชนน้ำแดงพัฒนา ม.9 ต.คลองน้อย อ.ชัยบุรี และวิสาหกิจชุมชนรวมพลังสร้างอาชีพวัดประดู่ ต.ปากฉลุย อ.ท่าฉาง
นายธีรเนตร ไชยสุวรรณ ที่ปรึกษาและอดีตประธานกลุ่มสหกรณ์การเกษตรสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (ชุมชนน้ำแดงพัฒนา) เปิดเผยว่า “ธนาคารที่ดิน” เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน ด้วยการจัดซื้อที่ดินเนื้อที่ 69 ไร่เศษ ตั้งแต่ปี 2564 และให้สมาชิกฯ จำนวน 37 ครัวเรือน เข้ามาเช่าซื้อ และกำลังขยายผลในการให้ความช่วยเหลือประชาชนเพิ่มขึ้นในลำดับต่อไป
“พี่น้องเกษตรกรชุมชนน้ำแดงพัฒนา ได้ต่อสู้เรื่องที่ทำกินและที่อยู่อาศัยมากว่า 17 ปี เริ่มจากเข้ามาใช้ประโยชน์พื้นที่ถูกทิ้งร้าง จนเกิดคดีความเรื่องการอ้างสิทธิที่ดิน กระทั่งถูกขับไล่ผลักดันออกจากพื้นที่ ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่แสนยากลำบาก จนกระทั่ง ‘ธนาคารที่ดิน’ ได้เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา และสามารถยุติข้อพิพาทได้ ทำให้มีที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน มีชีวิตความเป็นอยู่ปกติสุข และเกิดความมั่นคงมากขึ้น“นายธีรเนตร ระบุ
ขณะที่ นางอัศณี รอดผล กรรมการสหกรณ์การเกษตรสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ ชุมชนน้ำแดงพัฒนา กล่าวเสริมว่า ”ธนาคารที่ดิน“ คอยติดตามและเข้ามาสนับสนุนชาวบ้านในด้านการฝึกอาชีพที่ชุมชนสนใจ พาไปอบรมดูงานศาสตร์พระราชา เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้เราเห็นทางออก ถ้าเรามีที่ดินที่อยู่อาศัย เราสามารถเอาความรู้ที่ได้ต่อยอดเรื่องอาชีพ สร้างรายได้ลดรายจ่าย จากความรู้ที่ได้ ทั้งเรื่องดิน ปุ๋ย การทำเกษตร เลี้ยงผึ้ง ทำเครื่องแกง ทำขนมไทย แปรรูปผลผลิตทางการเกษตรได้หลายอย่าง เช่น กล้วยฉาบ กล้วยกวน เผือกฉาบ โรตีกรอบ ครองแครงกรอบ ขนมดอกจอก ถั่วแผ่น เป็นต้น ทำให้กลุ่มของเรามีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น พึ่งพาตนเองได้ อนาคตจะหาแหล่งทุนต่าง ๆ มาช่วยพัฒนาต่อยอดเป็นวิสาหกิจฯ ที่มีรายได้มากขึ้น และเป็นตัวอย่างให้ชุมชนอื่นก็จะดูงานได้ด้วย ที่สำคัญเรามีที่ดิน สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้มั่นคงถาวรได้
ด้าน นางพูนสุข แก้วสกุล สมาชิกวิสาหกิจชุมชนรวมพลังสร้างอาชีพวัดประดู่ กล่าวว่า สมาชิกที่นี่มีปัญหาดินเสื่อม บางรายไม่มีที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน บางครอบครัวมีปัญหาข้อพิพาทการถือครองสิทธิ กระทั่ง ”ธนาคารที่ดิน“ ได้เข้ามาช่วยเหลือ โดยเมื่อปี 2567 สมาชิกฯ 23 ครัวเรือน ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินกับธนาคารที่ดิน เนื้อที่ 117 ไร่เศษ พร้อมกับส่งเสริมและสนับสนุนความรู้ในการทำเกษตรและติดตามการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรได้ทำกินและอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
“รู้สึกดีใจมาก ๆ เหมือนพบทางสว่างในชีวิต มีความสุขมากเพราะเรามีที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว พอเข้ามาอยู่ธนาคารที่ดิน ก็เข้าส่งเสริม สนับสนุน และประสานหน่วยงานต่าง ๆ เรื่องการช่วยจัดอบรมเรื่องศาสตร์พระราชา หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การทำบัญชีครัวเรือน การบริหารจัดการที่ดิน แก้ปัญหาอบรมเรื่องดินเสื่อมสภาพ การปลูกพืชหมุ่นเวียน การบริหารจัดการน้ำ ทำแก้มลิง การปลูกป่าไม้เศรษฐกิจร่วมกับพืชสวนพืชไร่ การเลี้ยงผึ้ง การแปรรูปผลผลการเกษตร เพื่อเพิ่มรายได้ ขอบคุณธนาคารที่ดิน ที่ให้ชีวิตใหม่”นางพูนสุข ระบุ
ด้านนายประสาน อาวุธ สมาชิกวิสาหกิจชุมชนรวมพลังสร้างอาชีพวัดประดู่ กล่าวว่า ธนาคารที่ดิน พาเราไปอบรมศาสตร์พระราชา เรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เราตั้งใจน้อมนำแนวพระราชดำริมาปรับใช้เป็นแนวทาง “ทำตามรอยพ่อ” วันนี้สมาชิกของเราทั้งหมดมีที่อยู่อาศัย มีที่ดินทำกิน มีรายได้ ท้องอิ่มนอนหลับ มีความสุขถ้วนหน้า
นายสุทธิรักษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ธนาคารที่ดิน” เป็นหน่วยงานของรัฐที่จะเป็นกลไกสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรผู้ยากจนให้สามารถเข้าถึงสิทธิในการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินได้อย่างถูกต้อง เป็นธรรม และเท่าเทียม ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ทั้งนี้การดำเนินงานมุ่งสนองนโยบายรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนมีที่ทำกิน มีกินมีใช้ รายได้ยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี