นายแพทย์ภูริทัต แสงทองพานิชกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ นำทีมสื่อมวลชนสัญจร ลงพื้นที่ศูนย์พัฒนาองค์กรและพัฒนาศักยภาพชุมชน เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรงพยาบาล กทม. กับบริการที่เข้าถึงง่าย และทั่วถึงทุกมุมเมือง เพื่อหวังมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ด้วยการจัดบริการด้านสาธารณสุขที่เข้าถึงได้ง่ายและครอบคลุมทุกพื้นที่ของเมือง
นายแพทย์ภูริทัต กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร เดินหน้ายกระดับระบบบริการสาธารณสุข “โรงพยาบาล กทม. ทุกมุมเมือง” ตอบโจทย์ประชาชนในยุคดิจิทัล โดยบูรณาการทั้งโรงพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุข และบริการสุขภาพรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานเทคโนโลยี การแพทย์เคลื่อนที่ และการดูแลต่อเนื่องในชุมชน เพื่อเพิ่มความครอบคลุมและความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการสุขภาพ เน้นการลดระยะเวลารอคอยการรักษา ตอบสนองเหตุฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว และส่งเสริมให้คนเมืองใส่ใจในเรื่องสุขภาพตั้งแต่ต้น ในโอกาสนี้ นายแพทย์ภูริทัต ได้นำสื่อมวลชนเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการ พร้อมอธิบายถึงองค์ประกอบหลักของโมเดล ที่ผสมผสานบริการทางไกล การแพทย์เคลื่อนที่ การดูแลต่อเนื่องที่บ้าน และการฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพฤกษ์–อัมพาต เพื่อสร้างความครอบคลุมและเพิ่มประสิทธิผลของระบบสุขภาพ และยังให้ข้อมูลโครงการต่าง ๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้
โครงสร้างดิจิทัลและแพทย์ออนไลน์ เปิดบริการ “รพ.ออนไลน์ กับ หมอกทม.” รองรับการพบแพทย์ทางไกล นัดหมายรับยา และติดตามอาการ เชื่อมต่อข้อมูลเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์อย่างปลอดภัย ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาได้ทุกที่ทุกเวลา ปัจจุบัน โรงพยาบาลทั้ง 11 แห่งในสังกัดสำนักการแพทย์ให้บริการ Telemedicine ครบทุกแห่ง ผ่านแอปพลิเคชัน “หมอ กทม.” และ UMSC โดยมีอัตราการตอบรับบริการภายใน 15 นาที มากกว่า 99% และมีผู้รับบริการเฉลี่ยกว่า 200,000 รายต่อปี กรุงเทพมหานครยังตั้งใจพัฒนาระบบต่อเนื่องเพื่อให้บริการ UMSC ตลอด 24 ชั่วโมง รองรับความต้องการของประชาชนได้อย่างเต็มที่
รถมอเตอร์ไซค์กู้ชีพฉุกเฉิน Motolance รถจักรยานยนต์พร้อมชุดช่วยชีวิตเบื้องต้น เข้าถึงผู้ป่วยได้รวดเร็วในพื้นที่จราจรหนาแน่น พร้อมเชื่อมต่อสื่อสารกับศูนย์สั่งการแบบเรียลไทม์ เพิ่มโอกาสการรอดชีวิตในภาวะฉุกเฉิน ซึ่งปัจจุบัน มีโรงพยาบาลทั้ง 11 แห่งในสังกัดสำนักการแพทย์ ดำเนินการให้บริการ Motolance โดยมีจุดจอดรถประจำโรงพยาบาลและนอกพื้นที่รวมทั้งหมด 40 คัน และสามารถเข้าถึงเหตุฉุกเฉินได้โดยเฉลี่ยภายใน 5 นาทีสำหรับแผนในอนาคต กรุงเทพมหานครตั้งเป้าเพิ่มจำนวนรถ Motolance เป็น 100 คันภายในปี 2569 พร้อมขยายจุดจอดครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
จุดบริการใกล้บ้านและคลินิกออนไลน์ บริการคัดกรองสุขภาพเบื้องต้น เชื่อมต่อแพทย์ออนไลน์ และส่งต่อผู้ป่วยตามความรุนแรง พร้อมเปิด ศูนย์เทคโนสุขภาพดี (Health Tech Center) เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาลและเสริมระบบบริการปฐมภูมิในชุมชน ปัจจุบันมีศูนย์เทคโนสุขภาพดีให้บริการแล้ว 7 แห่ง ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลราชพิพัฒน์และโรงพยาบาลกลาง สำหรับแผนในอนาคต กรุงเทพมหานครตั้งเป้าขยายศูนย์เทคโนสุขภาพดีเพิ่มอีก 3 โซน ได้แก่ โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ และโรงพยาบาลสิรินธร เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพใกล้บ้านได้มากขึ้นและทั่วถึงยิ่งขึ้น
บริการเยี่ยมบ้านและออนไลน์ ทีมสหวิชาชีพลงพื้นที่และติดตามอาการผู้ป่วยผ่านวิดีโอคอล พร้อมระบบ BMA Home Ward ที่เชื่อมต่อการดูแลจากโรงพยาบาล–ศูนย์บริการ–อาสาสมัครสาธารณสุข โดยใช้ Telemedicine และ CCTV ภายใต้การยินยอมของผู้ป่วยและญาติ มีฐานข้อมูลกลางที่ UMSC รองรับการติดตามและเชื่อมระบบการแพทย์ฉุกเฉิน
การดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยประคับประคอง พัฒนาแผนดูแลเฉพาะบุคคล ครอบคลุมด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ ผ่านคลินิกผู้สูงอายุและศูนย์เวชศาสตร์เมือง เพื่อการฟื้นฟูและการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน ปัจจุบัน กรุงเทพมหานครเปิดบริการ คลินิกผู้สูงอายุครบวงจร ครอบคลุม 11 โรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง และคลินิกชุมชนอบอุ่น 8 แห่ง พร้อมเปิด ศูนย์เวชศาสตร์เมือง เพื่อการฟื้นฟูและการดูแลแบบประคับประคอง สำหรับอนาคต มีแผนขยายบริการคลินิกผู้สูงอายุครบวงจรให้ครอบคลุมทุกคลินิกชุมชนอบอุ่น เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลต่อเนื่องและครบถ้วนในทุกมิติ ทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม
โครงการคัดกรองและส่งเสริมสุขภาพ เดินหน้าโครงการ “ตรวจสุขภาพ 1 ล้านคน” เพื่อขยายการเข้าถึงการตรวจสุขภาพเชิงรุก–เชิงรับ คัดกรองโรคเรื้อรัง และส่งเสริมสุขภาพร่วมกับศูนย์บริการ โรงพยาบาล ชุมชน และภาคเอกชน พร้อมกิจกรรม “วิ่งล้อมเมือง” เพื่อกระตุ้นการออกกำลังกายและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครวางแผนดำเนินการตรวจสุขภาพประจำปีตามสิทธิประโยชน์ของประชาชนร่วมกับ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กรุงเทพฯ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมวิ่งล้อมเมืองอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความร่วมมือของสำนักงานเขต โรงพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ครอบคลุมครบทั้ง 50 เขต เพื่อให้ประชาชนในทุกพื้นที่เข้าถึงบริการส่งเสริมสุขภาพได้อย่างเท่าเทียม
นายแพทย์ภูริทัต กล่าวอีกว่า การพัฒนาการจัดบริการสุขภาพนี้ สะท้อนเจตนารมณ์ของกรุงเทพมหานคร ที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ และสร้างระบบที่มีมาตรฐาน ทันสมัย และใกล้ชิดกับประชาชน เพื่อให้ทุกคนในกรุงเทพฯ เข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึงจริง โครงการ “โรงพยาบาล กทม. ทุกมุมเมือง” อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานครยอมรับว่าการพัฒนาระบบดังกล่าว ยังมีข้อจำกัดและความท้าทายที่ต้องดำเนินการควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะในด้านการเชื่อมโยงข้อมูลเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ ที่ยังคงต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ขณะที่การให้บริการทางไกลและการแพทย์เคลื่อนที่ ยังคงต้องอาศัยความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีความเชี่ยวชาญและพร้อมปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ ประชาชนบางกลุ่มโดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีข้อจำกัดในการใช้งานดิจิทัล อาจยังประสบปัญหาในการเข้าถึงบริการออนไลน์ ที่สำคัญคือความยั่งยืนทางการเงิน เนื่องจากการขับเคลื่อนโครงการในระยะยาวจำเป็นต้องมีงบประมาณและการสนับสนุนที่เพียงพอ เพื่อให้ระบบสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง
แต่กรุงเทพมหานครจะเดินหน้าพัฒนาระบบดังกล่าวอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งปรับปรุงจุดอ่อนและเสริมจุดแข็ง เพื่อให้ประชาชนในทุกมุมเมืองได้รับบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ ทันสมัย และครอบคลุมอย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี