มสธ.จับมือสถาบันสื่อ–บริหารธุรกิจไทย–จีน ลงนาม MOU เสริมความร่วมมือวิชาการและธุรกิจ

มสธ.จับมือสถาบันสื่อ–บริหารธุรกิจไทย–จีน ลงนาม MOU เสริมความร่วมมือวิชาการและธุรกิจ

วันอาทิตย์ ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2568, 14.27 น.

มสธ.จับมือสถาบันสื่อ–บริหารธุรกิจไทย–จีน ลงนาม MOU เสริมความร่วมมือวิชาการและธุรกิจ

12 กันยายน 2568 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) จับมือ สถาบันสื่อและบริหารธุรกิจไทย–จีน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน การวิจัย และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านสื่อและบริหารธุรกิจระหว่างไทย–จีน


พิธีลงนามจัดขึ้น ณ โรงแรมดิเอมเมอรัลด์แกรนด์ รัชดา โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนมพัทธ์ สมิตานนท์ กรรมการสภามหาวิทยาลัย รักษาราชการแทนอธิการบดี มสธ. เป็นผู้แทนฝั่งมหาวิทยาลัย และ นางสาวคันธรส หาญไชยพิบูลย์กุล ผู้อำนวยการสถาบันสื่อและบริหารธุรกิจไทย–จีน เป็นผู้แทนฝั่งสถาบัน

บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ครอบคลุมการใช้ทรัพยากรร่วมกัน ทั้งบุคลากร สถานที่ และอุปกรณ์การเรียนการสอน รวมถึงการฝึกอบรม การศึกษาดูงาน การวิจัย และการให้คำปรึกษาทางวิชาการ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรและผู้เรียนให้สามารถทำงานร่วมกันในบริบทไทย–จีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนมพัทธ์ กล่าวว่ามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ให้เข้าถึงประชาชนทั่วประเทศ การจับมือกับสถาบันสื่อและบริหารธุรกิจไทย–จีน จะช่วยเสริมศักยภาพการจัดการศึกษาและการวิจัย โดยเฉพาะด้านสื่อสารมวลชนและธุรกิจระหว่างประเทศ อันจะนำไปสู่การพัฒนาสังคมและประเทศได้อย่างแท้จริง

นางสาวคันธรส กล่าวว่า ความร่วมมือกับ มสธ. ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการเชื่อมพลังความรู้จากภาคการศึกษาไทยกับประสบการณ์การทำงานของนักวิชาชีพสื่อและธุรกิจในจีน เราเชื่อว่าจะช่วยเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการและบุคลากรไทย เข้าใจพลวัตเศรษฐกิจและการสื่อสารในบริบทไทย–จีนอย่างลึกซึ้ง และสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้าน ดร.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ประธานหลักสูตรบริหารธุรกิจไทย–จีน กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ เกิดจาก ดำริของดร.กำพล มหานุกูล นายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย–จีน ที่มุ่งหวังอยากจะให้โครงการนี้เกิดขึ้นเพื่อเสริมสร้างศักยภาพผู้สื่อข่าวไทย–จีน ให้เข้าใจในมิติการสื่อสารและบริหารธุรกิจอย่างรอบด้าน 

"ผมเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นสะพานแห่งความรู้และโอกาสที่มั่นคงและยั่งยืน ทั้งต่อผู้เรียน ผู้สอน และผู้ประกอบวิชาชีพในอนาคต ซึ่งกันลงบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้จะไม่ใช่เพียงพิธีการ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่จะขับเคลื่อนองค์ความรู้ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และการสร้างสรรค์โครงการใหม่ ๆ ทั้งในมิติทางวิชาการ เศรษฐกิจ และสังคม" ดร.สืบพงษ์ กล่าว

ดร.สืบพงษ์ กล่าวอีกว่า บันทึกข้อตกลงฉบับนี้มีระยะเวลา 5 ปี โดยทั้งสองฝ่ายย้ำว่าจะดำเนินกิจกรรมเชิงวิชาการและพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างเครือข่ายความรู้และความเข้าใจอันแน่นแฟ้นระหว่างไทย–จีน และยกระดับมาตรฐานด้านสื่อสารมวลชนและบริหารธุรกิจไทย–จีนให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

ด้าน ดร.กำพล มหานุกูล นายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย–จีน กล่าวว่า สถาบันสื่อและบริหารธุรกิจไทย–จีน เป็นสถาบันภายใต้การสนับสนุนของสมาคมผู้สื่อข่าวไทย–จีน โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวและนักธุรกิจจีนที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย

“โครงการนี้เกิดขึ้นจากโจทย์ที่ได้รับจากสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเกี่ยวกับปัญหาการประสานงานของกลุ่มนักธุรกิจจีนที่มาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยกับองค์กรต่าง ๆ โดยเฉพาะภาครัฐ ดังนั้น สมาคมผู้สื่อข่าวไทย–จีนจึงจัดหลักสูตรนี้ขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการประสานงานกับองค์กรภาครัฐของนักธุรกิจจีน และเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน”

ดร.กำพล กล่าวต่อว่า การก้าวสู่ความร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะต่อยอดไปสู่การเสริมสร้างศักยภาพของผู้สื่อข่าวทั้งไทยและจีน รวมถึงกลุ่มนักธุรกิจไทย–จีน

“เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ภายใต้การสนับสนุนของสถานทูตจีนประจำประเทศไทย สมาคมฯ ได้ส่งกลุ่มผู้สื่อข่าวไปอบรมและเรียนรู้ที่ประเทศจีนเป็นระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์ เพื่อเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ด้านสื่อสารระหว่างประเทศ และในอนาคต เราวางแผนจัดโครงการรุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3 โดยได้รับการอนุมัติหลักการและสนับสนุนงบประมาณจากสถานทูตจีน ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชจะช่วยยกระดับศักยภาพผู้สื่อข่าวไทยให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น” นายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีนกล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top