เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) โดย คณะรัฐประศาสนศาสตร์  ได้จัดบรรยายพิเศษ   เสริมความคิดทันโลก.  ทันเหตุการณ์  ให้กับนักศึกษาระดับ ป.โท และ ป.ตรี  โดยได้รับเกียรติจาก ท่านอรรถยุทธ์ ศรีสมุทร อดีตรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ  อดีตอธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ เป็นวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิบรรยายในหัวข้อ  มิติและกรอบความคิดหลักการต่างประเทศ

ทั้งนี้  รศ.ดร.วลัยพร รัตนเศรษฐ คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย ดร.กฤตติกา เศวตอมรกุล และ ดร.สุภารัตน์ แก้ววิสูตร ร่วมให้การต้อนรับและร่วมรับฟังการบรรยา

บรรยากาศในห้องบรรยายเต็มไปด้วยความเข้มข้นและน่าสนใจ โดยมีผู้เข้ารับฟังอย่างคึกคัก ทั้งนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา (ปริญญาโท) และนักศึกษาระดับปริญญาตรี (ภาควันเสาร์-วันอาทิตย์) ที่เข้ามาเรียนรู้มุมมองใหม่เกี่ยวกับการทูตและการต่างประเทศของไทย

ในการบรรยาย ได้ฉายภาพให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่โลกกำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแข่งขันของประเทศมหาอำนาจ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการปฏิวัติทางเทคโนโลยีดิจิทัล สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแรงกดดันให้ประเทศไทยจำเป็นต้องพัฒนานโยบายต่างประเทศในเชิงนวัตกรรม เพื่อเสริมสร้างบทบาทของตนในประชาคมโลก แนวทางสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นคือ “กรอบ 5S” 

ซึ่งครอบคลุมในเรื่อง Security (ความมั่นคงของชาติ)  ปกป้องประเทศจากภัยคุกคามรูปแบบใหม่ Sustainability (ความยั่งยืน) เดินหน้าสู่การทูตสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน  Standard (มาตรฐานระดับแนวหน้า) ยกระดับมาตรฐานสากลด้านสิทธิมนุษยชนและเศรษฐกิจดิจิทัล Status (สถานะของชาติ)  ใช้ Soft Power สร้างภาพลักษณ์ประเทศผ่านอาหาร วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว และ Synergy (การประสานพลังร่วมกัน)  ผลักดันอาเซียนให้เป็นเวทีเชื่อมโยงความร่วมมือระดับภูมิภาคและโลก โดยทั้งหมดนี้สะท้อนถึงการปรับตัวเชิงรุกของไทยให้พร้อมเผชิญกับความท้าทายในศตวรรษที่ 21 

นอกจากนั้น หนึ่งในหัวใจหลักที่ถูกเน้นย้ำคือ การใช้อาเซียนเป็นแกนกลาง  มุ่งผลักดันให้อาเซียนทำหน้าที่เป็นเวทีกลางในการสร้างสมดุล ท่ามกลางการแข่งขันของประเทศมหาอำนาจ และเป็นพื้นที่แห่งความร่วมมือทั้งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และสังคมวัฒนธรรม โดยผ่านกลไกความร่วมมือในระดับต่างๆหลากหลาย อาทิ เช่น ASEAN+1, ASEAN+3, การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (EAS), การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนบวก (ADMM Plus) และการประชุมความมั่นคงในภูมิภาค (ARF) สิ่งเหล่านี้ช่วยเสริมให้อาเซียนมีพลังต่อรองมากขึ้น และยังเปิดพื้นที่ให้ประเทศไทยมีบทบาทเชิงรุกในภูมิภาค 

การบรรยายครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นการปรับตัวของไทยต่อบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไป   ความพยายามที่จะให้อาเซียนเป็นแกนกลาง และเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันศักยภาพของประเทศให้ก้าวสู่ความมั่นคง ยั่งยืน ร่วมกัน อย่างไรก็ดี ความท้าทายของอาเซียนคือแต่ละประเทศมีเรื่องในแบบของตน   มีความร่วมมือและความขัดแย้งในบางเรื่อง ความสัมพันธ์ภายในแต่ละประเทศที่มีผลประโยขน์แห่งรัฐเป็นที่ตั้ง ดังนั้นบทบาทของอาเซียนอาจไม่ส่งผลมากนักต่อประเทศสมาชิกในบางเรื่อง  แต่ความเห็นร่วมของแต่ละประเทศในนามอาเซียนมีพลังไม่น้อยต่อบริบทโลก

กล่าวโดยสรุป หลักคิดสำคัญของการต่างประเทศไทยปัจจุบัน ทั้งหลักคิด5 S ท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์ของดุลยภาพกับประเทศมหาอำนาจ การต่างประเทศไทยยังสามารถขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในฐานะประเทศสถานะเป็นกลาง เป็นมิตรกับทุกประเทศ และส่งเสริมพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของประชาชนคนไทย