สายงานกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ร่วมกับสโมสรนักศึกษาและชมรมค่ายอาสาพัฒนาชนบท จัดกิจกรรม "แสงจันทร์ ส่องนที สืบสานประเพณีลอยกระทง" ประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ณ ศาลาธรรมธัช เพื่อสืบสานวัฒนธรรมไทยควบคู่ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเปิดพื้นที่ให้นักศึกษาได้ฝึกทักษะการบริหารจัดการภายใต้สภาพอากาศที่มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกิจกรรมปีนี้จัดขึ้นอย่างครอบคลุมตั้งแต่ช่วงบ่าย โดยเริ่มจากเวิร์กชอป “ประดิษฐ์กระทงสร้างสรรค์จากวัสดุธรรมชาติ” ซึ่งได้รับเกียรติจากอาจารย์สุนีย์ ลีลาพรพินิจ อาจารย์ประจำศูนย์วิจัย พัฒนาและนวัตกรรม เป็นวิทยากรถ่ายทอดเทคนิคการประดิษฐ์กระทงแบบรักษ์โลกจากใบตอง ดอกไม้สด และวัสดุย่อยสลายได้ เพื่อส่งเสริมแนวคิดการลดขยะหลังเทศกาล ก่อนเข้าสู่ช่วงเย็นกับตลาด “แสงนที แสงสีแห่งมธบ.” ให้ผู้เข้าร่วมงานได้เลือกชมและเลือกซื้อสินค้าจากนักศึกษาและบุคลากรในชุมชน พร้อมกันนี้นักศึกษาแต่ละคณะ/วิทยาลัยยังได้ร่วมกันทำกระทงสำหรับมอบให้คณบดีและคณาจารย์ ขณะที่สโมสรนักศึกษาได้จัดทำกระทงสำหรับ ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี เพื่อร่วมกันลอยกระทง

ผศ.ดร.ทัณฑกานต์ ดวงรัตน์ รองอธิการบดี สายงานกิจการนักศึกษา DPU กล่าวชื่นชมนักศึกษาที่สามารถจัดกิจกรรมนี้ได้สำเร็จและงดงาม แม้ว่าแผนการจัดงานเดิมจะถูกวางไว้อย่างละเอียดแล้วต้องแก้ไขเนื่องจากเผชิญกับภาวะที่ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทีมงานจึงต้องปรับเปลี่ยนการจัดงานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งกลายเป็นบทเรียนอันสำคัญให้นักศึกษาได้เรียนรู้การจัดในสถานการณ์ไม่คาดคิด

“ทีมงานต้องปรับตัวตลอดเวลา เพราะงานก็ถูกวางแผนไว้เป็นอย่างดี แต่เมื่อต้องมาเจอช่วงฝนตกหนักเข้ามากระทบอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ต้องมีการปรับรูปแบบงานอยู่ตลอด อย่างไรก็ตามทุกอย่างทำให้ทีมงานต้องปรับตัว จนสุดท้ายงานก็ลงตัว และเราสามารถรักษาขนบธรรมเนียมไว้ได้อย่างงดงาม”

กิจกรรมนี้ยังเป็นโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกทักษะการจัดการในสถานการณ์จริง โดยเฉพาะการปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่จำเป็นต่อการทำงานในอนาคต

“เด็กได้เรียนรู้ถึงความเหมาะสม ได้เรียนรู้ถึงการปรับให้เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมที่ฝนจะตก หรือสภาวะแวดล้อมอื่นๆ ดังนั้นเมื่อเด็กนักศึกษาเหล่านี้ออกไปทำงาน และมีโอกาสที่จะเจอภาวะแบบนี้เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน นักศึกษาก็จะสามารถนำประสบการณ์ครั้งนี้ไปปรับใช้ได้ โดยเรียนรู้วิธีการแก้ไขและปรับในช่วงภาวะอย่างนี้ แล้วจะจัดอีเวนต์แบบนี้ต้องทำอย่างไร”

ผศ.ดร.ทัณฑกานต์ กล่าวเสริมอีกว่า นอกเหนือการสอนทักษะการบริหารจัดการแล้ว กิจกรรมในครั้งนี้ยังให้หลักคิดด้านการบริหารจัดการที่เน้นคุณค่าทางใจมากกว่าผลกำไร โดยทีมผู้บริหารและนักศึกษาได้ร่วมกันตัดสินใจยกเว้นการเก็บค่าเช่าพื้นที่ เพื่อเป็นตัวอย่างให้นักศึกษาเห็นว่า การทำธุรกิจควรคำนึงถึงความยุติธรรมและความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์

สำหรับนักศึกษาที่เป็นผู้จัดงานโดยตรง โดยเฉพาะสมาชิก ชมรมค่ายอาสาพัฒนาชนบท DPU ที่รับผิดชอบงานประดิษฐ์กระทง ต่างยอมรับว่าได้รับการฝึกทักษะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การวางแผนที่ละเอียด และที่สำคัญคือ การทำงานเป็นทีม

“เราได้เรียนรู้ตั้งแต่การประสานงานกับร้านค้า การจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในสถานการณ์จริง โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสารระหว่างทีมงาน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานร่วมกัน ทุกคนต้องเข้าใจหน้าที่ของตัวเองและช่วยกันให้งานสำเร็จ” นางสาวจุฑามณี บรรยงค์ นักศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์ สาขาภาษาจีนธุรกิจ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ชมรมค่ายอาสาพัฒนาชนบท DPU เปิดใจ

ขณะเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ภู่มณี นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ ประธานชมรมค่ายอาสาพัฒนาชนบท DPU เสริมว่า ประสบการณ์จากการทำงานอาสาที่ผ่านมาช่วยให้ทีมสามารถจัดงานได้อย่างมีระบบและรวดเร็ว โดยเฉพาะการประสานงานกับบุคคลภายนอกและศิษย์เก่าที่ให้การสนับสนุนในด้านวัสดุอุปกรณ์สำหรับประดิษฐ์กระทงจากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังกล่าวว่า “การทำงานครั้งนี้ไม่ได้เพียงฝึกทักษะการจัดกิจกรรม แต่ยังช่วยสร้างเครือข่ายกับผู้คนหลากหลาย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้และการทำงานในอนาคตด้วย”

ด้าน นายอาคม ขุนทอง อาจารย์ที่ปรึกษาชมรมค่ายอาสาพัฒนาชนบท DPU ได้ร่วมกล่าวเสริมถึงบทบาทสำคัญของเครือข่ายว่า การที่กิจกรรมสำเร็จลุล่วงไปได้ดี แม้ในช่วงที่มีความกังวลเรื่องการจัดงานและต้องปรับแผนอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากคอนเนกชันที่นักศึกษาได้สั่งสมมาจากการทำกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งช่วยในการหาผู้สนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ เช่น ต้นกล้วย ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ การสร้างเครือข่ายนี้ไม่เพียงช่วยให้งานปัจจุบันสำเร็จ แต่ยังเป็นการสร้าง "คอนแทกต์ไปให้น้องรุ่นหลัง" และขยายโอกาสในการฝึกงานและการสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยอีกด้วย

กิจกรรม “แสงจันทร์ ส่องนที สืบสานประเพณีลอยกระทง" ยังเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษานานาชาติได้สัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมไทยอย่างใกล้ชิด โดยมีนักศึกษาจากหลายประเทศ โดยเฉพาะชาวจีน เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์กชอปทำกระทงและลอยกระทงร่วมกับนักศึกษาไทย สะท้อนให้เห็นถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการอยู่ร่วมกันในบรรยากาศที่เป็นมิตร

สำหรับสายงานกิจการนักศึกษาทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานและสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมของสโมสรนักศึกษา รวมถึงรองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาของแต่ละคณะ โดยมีระบบการหมุนเวียนงาน และการมอบหมายหน้าที่ให้อนุกรรมการรุ่นใหม่ ได้เรียนรู้จากรุ่นพี่ เพื่อสร้างการส่งต่อองค์ความรู้และประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยยังคงให้ความสำคัญกับการเรียนในห้องเรียนเป็นลำดับแรก โดยจะมีการปรับลดกิจกรรมบางส่วนในช่วงใกล้สอบปลายภาค เพื่อให้นักศึกษามีเวลาเตรียมตัวสอบได้เต็มที่ และสร้างความสมดุลระหว่างการเรียนรู้เชิงวิชาการและการพัฒนาทักษะนอกห้องเรียน ซึ่งเป็นแนวทางที่ DPU ยึดถือมาโดยตลอด

รองอธิการบดี สายงานกิจการนักศึกษา DPU ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดกิจกรรมนอกหลักสูตร โดยระบุว่า วัตถุประสงค์ของการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัย ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการสร้างความสนุกสนานเท่านั้น แต่เป็นการปลูกฝังแนวคิด “เรียนรู้จากการลงมือทำ” เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจขั้นตอนของการทำงานจริง และสามารถดึงศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

กิจกรรมเหล่านี้ยังช่วยให้นักศึกษาสั่งสมองค์ความรู้ ที่สามารถนำไปประยุกต์ต่อยอดสู่การเรียนรู้เชิงลึก รวมถึงเปิดโอกาสให้เชื่อมโยงกับสายอาชีพที่หลากหลาย เช่น การจัดอีเวนต์ งานด้านออแกไนเซอร์ พิธีกร การทำธุรกิจขายสินค้า ซึ่งที่ผ่านมานักศึกษาหลายคนสามารถต่อยอดไปสู่การรับงานจากองค์กรภายนอกได้เป็นอย่างดี

“ทุกกิจกรรมที่นักศึกษาเข้าร่วม ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมที่ทำแล้วจบไป แต่ต้องได้ทั้งประสบการณ์ ความประทับใจ และที่สำคัญคือการถอดบทเรียนออกมาเป็นองค์ความรู้ ที่สามารถนำไปปรับใช้และต่อยอดในอนาคตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้พวกเขาเรียนรู้จากประสบการณ์จริง” ผศ.ดร.ทัณฑกานต์ กล่าวทิ้งท้าย