ซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้าต้องดูอะไรบ้าง ? คู่มือฉบับเข้าใจง่าย

ซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้าต้องดูอะไรบ้าง ? คู่มือฉบับเข้าใจง่าย

วันศุกร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 14.00 น.

ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว การซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้าก็กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เจ้าของรถทุกคนต้องทำความเข้าใจ เพราะแม้รถยนต์ไฟฟ้าจะไม่มีเครื่องยนต์สันดาปเหมือนรถทั่วไป แต่ก็มีระบบไฟฟ้า แบตเตอรี่ และซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนกว่า ทำให้การซื้อประกัน EV ต้องพิจารณาในหลายแง่มุมมากกว่าที่คิด

เข้าใจก่อนว่า “ประกันรถยนต์ไฟฟ้า” แตกต่างจากรถทั่วไปอย่างไร ?


แม้จะอยู่ภายใต้กรมธรรม์ประเภทเดียวกัน เช่น ประกันชั้น 1 หรือชั้น 2+ แต่การคุ้มครองรถยนต์ไฟฟ้าจะมีรายละเอียดเฉพาะทางเพิ่มเข้ามา เช่น

  • ความคุ้มครองแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญและมีราคาสูงมากของรถ EV บริษัทประกันบางแห่งอาจมีเงื่อนไขเฉพาะ เช่น คุ้มครองเฉพาะอุบัติเหตุที่กระทบแบตเตอรี่ ไม่ครอบคลุมความเสื่อมจากการใช้งาน
  • ความคุ้มครองอุปกรณ์ชาร์จ (Wall Charger) หลายบ้านติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าที่มีมูลค่าหลักหมื่น–แสนบาท การซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้าควรตรวจสอบว่าครอบคลุมความเสียหายของอุปกรณ์นี้ด้วยหรือไม่
  • ค่าแรงซ่อมเฉพาะทาง ศูนย์ซ่อม EV มักต้องใช้เทคนิคและเครื่องมือเฉพาะ จึงอาจมีค่าแรงสูงกว่าศูนย์ซ่อมทั่วไป

2. ตรวจสอบวงเงินคุ้มครองแบตเตอรี่และระบบไฟฟ้า

แบตเตอรี่ของรถ EV มีราคาสูงมาก คิดเป็นกว่า 30–40% ของราคารถทั้งคัน ดังนั้น ก่อนซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้า ควรอ่านเงื่อนไขให้ละเอียดว่า

  • ประกันครอบคลุม “การเสียหายจากไฟไหม้หรือความร้อนเกิน” หรือไม่
  • มีข้อยกเว้นกรณี “น้ำท่วมหรือชาร์จไฟผิดวิธี” หรือเปล่า
  • บริษัทประกันประเมินมูลค่าแบตเตอรี่ตามอายุการใช้งานอย่างไร

บางบริษัทมีบริการตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่ก่อนรับประกัน เพื่อประเมินความเสื่อมและตั้งเบี้ยประกันให้เหมาะสม ถือเป็นขั้นตอนที่ช่วยลดความเสี่ยงทั้งสองฝ่าย

3. เปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยและเงื่อนไขให้รอบคอบ

แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะมีอัตราเบี้ยประกันเริ่มต้นสูงกว่ารถทั่วไปเล็กน้อย แต่ปัจจุบันหลายบริษัทเริ่มออกแบบแผนคุ้มครองเฉพาะสำหรับ EV โดยคิดเบี้ยตามปัจจัยจริง เช่น

  • ขนาดแบตเตอรี่และรุ่นรถ (เช่น Tesla, BYD, MG, หรือ NETA)
  • ลักษณะการใช้งาน เช่น วิ่งในเมืองหรือทางไกล
  • การติดตั้งระบบชาร์จในบ้าน ซึ่งอาจมีผลต่อความปลอดภัยและความเสี่ยง

การเปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยจากหลายบริษัทจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและเลือกแผนที่คุ้มค่าที่สุดก่อนเลือกซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้า

4. ศูนย์ซ่อม EV ที่ได้มาตรฐานสำคัญไม่แพ้เบี้ยประกันภัย

ต่อให้ซื้อประกันที่ดูครอบคลุมแค่ไหน แต่หากบริษัทไม่มีศูนย์ซ่อมที่เชี่ยวชาญ EV ก็อาจทำให้การซ่อมบำรุงล่าช้า หรือเสี่ยงต่อการซ่อมผิดวิธี การเลือกซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้าจึงควรตรวจสอบด้วยว่า

  • มีศูนย์ซ่อมที่ได้รับการรับรองจากแบรนด์รถ EV โดยตรงหรือไม่
  • มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินสำหรับ EV เช่น การลากรถไปจุดชาร์จหรือศูนย์บริการหรือไม่

การมีเครือข่ายศูนย์ซ่อมเฉพาะทางจะช่วยให้คุณอุ่นใจและมั่นใจได้ว่ารถจะได้รับการดูแลอย่างถูกต้องตามมาตรฐานผู้ผลิต

5. อย่าลืมดูบริการเสริม เช่น รถสำรอง หรือช่วยเหลือฉุกเฉิน

เนื่องจากการซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าอาจใช้เวลานานกว่าปกติ การมีบริการ “รถสำรองระหว่างซ่อม” หรือ “Roadside Assistance สำหรับ EV” จะช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้นมาก บางบริษัทมีบริการชาร์จฉุกเฉินกลางทางหากแบตหมด หรือมี Call Center เฉพาะสำหรับลูกค้า EV ซึ่งถือเป็นสิทธิประโยชน์ที่ควรพิจารณา

6. ตรวจสอบข้อยกเว้นให้ดี ก่อนตัดสินใจซื้อ

ก่อนซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้า ควรอ่านเงื่อนไขข้อยกเว้นอย่างละเอียด เช่น

  • ไม่คุ้มครองความเสียหายจากการดัดแปลงระบบไฟฟ้า
  • ไม่คุ้มครองการเสียหายจากการใช้สายชาร์จหรือหัวชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน
  • ไม่ครอบคลุมความเสื่อมตามอายุของแบตเตอรี่
  • การรู้ข้อยกเว้นเหล่านี้จะช่วยให้คุณไม่พลาดสิทธิ์เคลมเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด

การซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่แค่เลือกแผนที่เบี้ยประกันภัยถูกที่สุด แต่คือการเลือกแผนที่ “เข้าใจรถคุณจริง ๆ” ทั้งในด้านเทคโนโลยี การซ่อมบำรุง และบริการหลังการขาย การใช้เวลาเปรียบเทียบรายละเอียดของแต่ละบริษัทจะช่วยให้คุณได้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุดในราคาที่เหมาะสม

สุดท้ายนี้ การมีประกัน EV ที่ดีคือหนึ่งในวิธีดูแลทรัพย์สินและความปลอดภัยของคุณในระยะยาว เพราะรถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คืออนาคตของการเดินทางที่ยั่งยืน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top