วันอังคาร ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
DPU Open House 2025 สาย Social+ ปลุกจิตสำนึกผู้นำ “รัฐประศาสนศาสตร์” และนักกฎหมายแห่งอนาคต “นิติศาสตร์” มุ่งเน้นการสร้าง “บัณฑิตที่เก่งและดี” ตอบโจทย์สังคมและประเทศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดบ้านจัด “DPU OPEN HOUSE 2025: UNLOCK ตัวตน ค้นพบตัวจริง” ระหว่างวันที่ 13–15 พฤศจิกายน เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและอาชีวศึกษาได้มาสัมผัสบรรยากาศการเรียนรู้และทดลองค้นหาศักยภาพของตนเองผ่าน 5 กลุ่มอาชีพยุคใหม่ ซึ่งรวมถึงคลัสเตอร์ กลุ่ม Social+ ซึ่งประกอบด้วย คณะรัฐประศาสนศาสตร์และคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพมนุษย์เพื่อสร้างสรรค์สังคมอันดีงาม นอกจากนี้กิจกรรมยังช่วยให้นักเรียนเข้าใจทักษะจำเป็นสำหรับโลกการทำงานในอนาคต เช่น การคิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกัน และสร้างความพร้อมต่ออาชีพยุคใหม่
ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวถึงแนวทางสำคัญของการศึกษาในยุคปัจจุบัน โดยเน้นว่ามหาวิทยาลัยต้องการให้นักเรียนได้สัมผัสประสบการณ์จริงอย่างครบทุกมิติ เพื่อให้ค้นพบศักยภาพและเลือกเส้นทางการศึกษาที่สอดคล้องกับอนาคตที่ต้องการอย่างแท้จริง โดยเชื่อว่าการศึกษาไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงความรู้ในห้องเรียนเท่านั้น แต่คือการสร้างประสบการณ์และโอกาสที่ทำให้ผู้เรียนพร้อมสำหรับโลกแห่งการทำงานยุคใหม่
สร้างผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
สำหรับคณะรัฐประศาสนศาสตร์ รศ.ดร.วลัยพร รัตนเศรษฐ คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ เปิดเผยว่ากิจกรรม Open House มีน้องๆ ที่เข้ามามีความหลากหลาย ทั้ง ม. 6 สายสามัญ วิทยาลัยสายอาชีพ ทั้งพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงพื้นที่ต่างจังหวัด
การจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับการแนะแนวการศึกษาให้เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายของแต่ละคน “เรานำแนวคิดผู้นำและผู้บริหาร” มาออกแบบกิจกรรมให้น้องๆ ได้ร่วมกิจกรรม ฝึกทักษะผู้นำและการทำงานเป็นทีม โดยการสร้างหอคอยแก้ว (Leadership Challenge)
กิจกรรมที่ 2 นำแนวคิดอาชีพบัณฑิตทางรัฐประศาสนศาสตร์ โดยออกแบบให้จำลองสถานการณ์ และเลือกอาชีพข้าราชการที่เกี่ยวข้อง กิจกรรม PA Career และเกมที่ 3 คือเกมผสมผสานเทคโนโลยี เกม Kahoot ตอบคำถามง่ายๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันกับศาสตร์การบริหารภาครัฐ
“ทุกกิจกรรมจะทำให้น้องๆได้ฝึกทักษะ ความรู้ ทราบอาชีพที่เกี่ยวข้อง ตอบโจทย์ความต้องการ เป้าหมายในชีวิต ทราบศักยภาพของตน การแนะแนวการศึกษา นอกจากเน้นสาขาวิชาที่เรียนมา น้องๆ ยังมีความฝัน มีเงื่อนไขส่วนตัวที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย” รศ.ดร.วลัยพร ระบุ
คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ กล่าวต่ออีกว่า การเรียนรู้ DPU เราเน้น การค้นพบศักยภาพของพวกเขา เราจะต่อเติมสร้างทางเดินให้พวกเขาค้นพบและสร้างความสำเร็จ บรรลุเป้าหมาย ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมทางการศึกษาทั้งเทคโนโลยี AI ที่ทันสมัย องค์ความรู้ การเรียนการสอน การฝึกปฏิบัติ เครื่องมือ อุปกรณ์ทันสมัยอย่างครบครันของมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังมีโค้ชที่สำคัญ เช่นคณาจารย์ ที่พร้อมสำหรับการสร้างความสำเร็จของน้องๆ
“คณะรปศ. DPU ของเรา เรียนที่นี่...ไม่เพียงค้นหาศักยภาพของตนเองได้เท่านั้น ยังรู้ถึงศักยภาพของผู้อื่นและออกแบบศักยภาพทำงานร่วมกันเป็นทีมงานและเครือข่ายได้อีกด้วย”
เช่นเดียวกับทางด้าน “น้องนาเดีย” หรือ “นางสาวอารดา ทิพย์เพ็ง” นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะรัฐประศาสนศาสตร์ ซึ่งได้รับทั้งทุนของมหาวิทยาลัยและมีบทบาทเป็นพิธีกรในงานนี้ ได้ถ่ายทอดมุมมองที่ยืนยันต่อการเรียนรู้ในสาขานี้อย่างน่าสนใจ โดยเน้นย้ำถึงสิ่งที่คณะฯ ให้ความสำคัญมาตลอดคือการทำงานเป็นทีม การเคารพบทบาทของผู้ร่วมสังคม และการรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของผู้ทำงานด้านรัฐประศาสนศาสตร์ในอนาคต
น้องนาเดีย ยังกล่าวถึงความมุ่งมั่นในการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพว่า “อยากจะบอกว่าตอนนี้ถ้าเป็นคณะของหนูเลย หนูแนะนำให้น้องๆ ทุกคนมาเรียน เพราะว่ามันไม่ได้แค่ว่าเราเรียนจบไป เราสามารถเข้ารับข้าราชการหน่วยงานภาครัฐได้ และก็เป็นเอกชนได้เหมือนกัน” และยังให้ความเชื่อมั่นในบทบาทของคนรุ่นใหม่ว่า “อนาคตข้างหน้าเป็นของพวกเรา คือคนรุ่นอย่างน้องๆ นักเรียนที่มากันวันนี้ ถ้าหากเราต้องการสร้างสังคมที่ดีและพัฒนาควบคู่ไปด้วย คณะรปศ. DPU คือคำตอบ คือพื้นที่ที่สามารถพาไปถึงจุดนั้นได้”
แนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นผ่านผลงานของน้องนาเดียเอง โดยปัจจุบันเธอเป็นหนึ่งในผู้ผ่านเข้ารอบ 15 คนสุดท้ายของโครงการยุวรัฐสภาในปี 2568 นี้ ซึ่งเป็นเวทีที่ต้องอาศัยทั้งความรู้ ความมั่นใจ และทักษะด้านการสื่อสารที่ประยุกต์ใช้ได้จริง เธอยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมที่ได้รับจากคณะฯ ว่า “เนื้อหาความรู้ที่อาจารย์ฟูมฟักเรามา พร้อมทั้งการที่เราจะเป็นต้นกล้าในอนาคต เป็นรั้วของชาติ เป็นบุคลากรของประเทศ หรือเป็นแม่พิมพ์ของชาติ ได้ทั้งหมด”
นอกจากหลักสูตรที่ทันสมัยแล้ว คณะรัฐประศาสนศาสตร์ยังโดดเด่นในการดูแลและสนับสนุนนักศึกษาอย่างใกล้ชิด อาจารย์ให้คำปรึกษาและเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ทำตามความฝัน ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาหรือผู้ที่ทำงานไปพร้อมกับการเรียน นี่คือสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนทุกคนสามารถเติบโตและก้าวหน้าไปพร้อมกัน และการที่ DPU ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่การเรียนรู้ เช่น สภาพแวดล้อมสีเขียวและการเดินทางที่สะดวก เป็นปัจจัยเสริมที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความผ่อนคลายและมีสุขภาพจิตที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญนอกเหนือจากความรู้ทางวิชาการ โดยน้องนาเดียยังย้ำทิ้งท้ายด้วยว่า “ถ้าเราประสบความสำเร็จแต่สุขภาพไม่ดีก็ไม่ใช่ ดังนั้นจะดีกว่าไหม...หากเราตัดสินใจเลือกสิ่งที่ลงตัว”
ปั้นนักกฎหมายยุคดิจิทัล ควบคู่คุณธรรม
ส่วนทางด้านของคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะกิจกรรมศาลจำลอง "มรดกแห่งความลับ" ที่มีผู้เข้าร่วมเต็มทุกรอบ ซึ่ง ดร.อังค์วรา ไชยอนงค์ รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ เปิดเผยว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่แสดงให้นักเรียนเห็นว่าการเรียนนิติศาสตร์ไม่เครียดอย่างที่เคยเข้าใจ คดีที่นำมาใช้ส่วนมากเป็นคดีอาญาง่ายๆ ที่จับต้องได้ ทำให้ผู้เรียนเข้าใจได้ง่ายและรู้สึกว่าสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
นอกจากกิจกรรมที่สนุกสนานและสามารถเข้าถึงได้ง่ายแล้ว คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ ยังให้ความสำคัญกับปรัชญาการเป็นนักกฎหมายที่ "เก่ง แล้วก็ ดี" พร้อมกับ "มีคุณธรรม"
“เก่ง” – มีปัญญา พร้อมคิดวิเคราะห์อย่างรอบด้าน
นักกฎหมายต้องมีทักษะวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ เข้าใจทั้งตัวบทกฎหมายและบริบทของโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
“ดี” – มีหัวใจของความรับผิดชอบต่อสังคม
ความเก่งเพียงอย่างเดียวไม่อาจนำพาวิชาชีพกฎหมายไปสู่ความยั่งยืน นักกฎหมายต้องมุ่งสร้างประโยชน์ส่วนรวม เห็นคุณค่าของมนุษย์ และใช้กฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ และความเป็นธรรมของทุกคน
“มีคุณธรรม” – ซื่อสัตย์ สุจริต และยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง
คุณธรรมคือรากฐานที่ทำให้นักกฎหมายได้รับความเชื่อถือ ความโปร่งใส ความตรงไปตรงมา และความกล้าที่จะยืนอยู่ฝ่ายความถูกต้อง คือคุณสมบัติที่ทำให้สังคมไว้วางใจ การปลูกฝังคุณลักษณะนี้ไม่ได้อยู่เพียงแค่ในตำรา แต่ผ่านการลงมือปฏิบัติจริงและการคืนประโยชน์สู่สังคม โดยรองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ ได้ยกตัวอย่างนักศึกษาที่เรียนได้เกียรตินิยม 1 แต่ยังคงเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือสังคม เช่น ค่ายอาสา และ นิติสัญจร
การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องมีการลงพื้นที่และทำจริงนั้นยังช่วยให้นักศึกษาเกิดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และเป็นการฝึกฝนการใช้กฎหมายเพื่อช่วยเหลือคนอื่นไปพร้อมๆ กัน คณะฯ ยังมีศูนย์ให้คำปรึกษาทางกฎหมาย ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อให้คำปรึกษาฟรีแก่บุคคลภายนอก รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ กล่าวว่า “เราเชื่อว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่คณะฯ ได้ตอบแทนประโยชน์คืนสู่สังคม และเป็นส่วนหนึ่งของการสอนนักศึกษาของเราให้ลงมือปฏิบัติจริงไปด้วย” การฝึกฝนนี้ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้เคสจริง และได้ฝึกฝนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนมีความรวดเร็วและเป็นประโยชน์สูงสุด คณะนิติศาสตร์ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุน เพราะหลักการสำคัญของคณะคือต้องมีทั้งความยุติธรรมและความรวดเร็ว โดยมีแนวคิดที่ว่า "ถ้าความยุติธรรมล่าช้า คือความไม่ยุติธรรม" อาจารย์จึงได้นำโจทย์นี้มาสกัดเป็นแนวทางปฏิบัติ ทำให้มีการปรับปรุงหลักสูตรและวิชาต่างๆ ให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้เป็นผู้ช่วยนักกฎหมาย
ดร.อังค์วรา อธิบายด้วยว่า นักกฎหมายใช้ AI เป็นเครื่องมือหนึ่งในการที่จะช่วยเหลือประชาชน โดย AI จะช่วยในการสืบค้นมาตราหรือคดีต่างๆ เพื่อให้นักกฎหมายนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากกฎหมายมีจำนวนมากเป็นร้อยเป็นพันมาตราและเปลี่ยนแปลงตลอด การมี Barrister Intelligence Chatbot ให้คำปรึกษาทางกฎหมายตลอด 24 ชั่วโมง จึงเป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาตอบโจทย์การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย
ความน่าเชื่อถือของคณะฯ ยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้เรียนและผู้ปกครองอย่างลึกซึ้ง เนื่องจากคณะนิติศาสตร์ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งเดียวที่ใช้ชื่อต่อท้ายว่า “ปรีดี พนมยงค์” คณะฯปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หลักสูตรทุกหลักสูตรทันสมัยสอดคล้องกับความต้องการของสังคม และเพื่อสนองตอบต่อหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพราะฉะนั้นคนที่จบจากคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ DPUไปจึงสามารถทำได้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อีกทั้งคณะฯ ยังดึงดูดผู้เรียนด้วยการจัดอาจารย์พิเศษซึ่งเป็นผู้พิพากษา อัยการ หรือนักกฎหมายทำงานอยู่ในสำนักงานกฎหมายเอกชน ทำให้ผู้เรียนได้เรียนกับผู้มีประสบการณ์จริง ซึ่งรวมถึงอาจารย์ประจำบางท่านที่เคยว่าความหรือมีสำนักกฎหมายส่วนตัวอยู่แล้ว ทำให้นักศึกษาได้สัมผัสเคสจริงได้ทุกระดับอย่างแน่นอน
สำหรับเส้นทางอาชีพ คณะฯ มีงานทำเกือบจะ 100% โดยบัณฑิตสามารถไปประกอบอาชีพได้อย่างหลากหลายทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ สิ่งที่ช่วยผลักดันอย่างมากคือการมีเครือข่ายพันธมิตร (MOU) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีพาร์ตเนอร์ เช่น กรมทรัพย์สินทางปัญญา และสถาบันนิติวัชร์ มาร่วมจัดบูทในงาน เครือข่ายเหล่านี้ทำให้นักศึกษาสามารถไปฝึกงานและมีงานทำได้ต่อเนื่องไปเลย
เส้นทางแห่งการค้นพบ มุมมองจากผู้ที่มุ่งมั่นและผู้ที่เข้ามาสัมผัสโดยบังเอิญ นอกเหนือจากความเชื่อมั่นที่คณาจารย์ได้ถ่ายทอดถึงปรัชญาการเป็นบัณฑิตที่เก่งและดี ประสบการณ์ที่นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงในงาน Open House เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับผู้เรียนในสายอาชีพกลุ่ม Social ได้อย่างชัดเจน
นายบุญญฤทธิ์ เอมเอี่ยม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนราชวินิตบางเขน เดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรมของคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ ด้วยความตั้งใจตั้งแต่แรก เพราะมีความสนใจในศาสตร์นี้มาตั้งแต่มัธยมต้น จุดเริ่มต้นความสนใจมาจากการดูละครที่มีฉากข้อถกเถียง ทำให้เห็นเสน่ห์ของการใช้เหตุผลและการสื่อสารทางกฎหมาย จนกลายเป็นแรงบันดาลใจที่ผลักดันให้เลือกเส้นทางนี้
เมื่อได้เข้าร่วมชมการแสดงศาลจำลอง “มรดกแห่งความลับ” การแสดงมีความเหมือนจริงและนักศึกษารับบทบาทได้อย่างน่าสนใจ แตกต่างจากภาพจำว่าบรรยากาศในศาลต้องเคร่งเครียด เพราะกิจกรรมนี้เต็มไปด้วยความสนุกและความมีส่วนร่วม อีกทั้งยังช่วยสร้างความมั่นใจมากขึ้นในทิศทางที่เลือก และมอบประสบการณ์ด้านการจัดลำดับความคิดและการสื่อสารที่สามารถนำไปใช้ได้จริง
“โดยรวมดีเลยครับ เหมือนแบบที่ผมดูและตั้งเป้าไว้จริงๆ” นายบุญญฤทธิ์ อธิบายความรู้สึกการได้มาทดลองเห็นการปฏิบัติงานจริงทำให้รู้สึกว่า ทิศทางของการเป็นนักกฎหมายมีความชัดเจนมากขึ้นมาในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกคณะนี้ทันที “ขอสำรวจอีกนิด แต่ถ้าผมรู้ชัดแล้วว่าถ้าเป็นด้านกฎหมาย บอกได้เลยว่าต้องที่นี่ครับ”
บรรยากาศที่ดึงดูดใจและกิจกรรมที่น่าสนใจคลัสเตอร์กลุ่ม Social ยังสามารถเปลี่ยนความสนใจของนักเรียนที่ไม่ได้ตั้งเป้าหมายในกลุ่มนี้ได้เช่นกัน นายณัฐวุฒิ รัฐกิจวิจารณ์ พร้อมด้วย นายจีรศักดิ์ ผ่องใส และนางสาวอธิชนัน วรสุข นักเรียนโรงเรียนเบญจมานุสรณ์ ที่เดินทางมางาน Open House โดยตั้งใจไปที่คณะนิเทศศาสตร์และคณะศิลปศาสตร์ แต่ตัดสินใจแวะชมบูทคณะนิติศาสตร์เพราะได้รับคำบอกเล่าจากเพื่อนว่ากิจกรรมมีความสนุกสนานจริง
หลังจากเข้าร่วมกิจกรรมโดยไม่คาดหวัง ทั้งสามคนยอมรับว่า การนำเสนอทำให้สนุกและเปิดโลกทัศน์เกี่ยวกับกฎหมาย โดยเฉพาะนายณัฐวุฒิที่บอกว่าตน “รู้สึกถึงแรงส่ง ให้เราไหลและคล้อยตามไปกับเนื้อหา” นอกจากนี้การนำเสนอคดีด้วยภาษาง่ายๆ เน้นความชัดเจนทำให้ได้รับความรู้ด้านกฎหมายกลับบ้านอีกด้วย
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี