DPU โชว์ศักยภาพนวัตกรรมวิจัย ในงานครบรอบ 48 ปี สสอท. ขับเคลื่อนสังคม–เศรษฐกิจ–สิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ Quick Win กระทรวง อว.

มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) โชว์ 3 นวัตกรรมวิจัยเด่นในงานครบรอบ 48 ปี สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) แสดงถึงพลังนักวิจัยรุ่นใหม่–อาจารย์ เดินหน้ายกระดับสังคม สุขภาพ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ผ่าน AI–สมุนไพร–Blockchain ตอบโจทย์ Quick Win ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) อย่างเป็นรูปธรรม ณ สโมสรกองทัพบก  โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว.  ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ พร้อมด้วย คณะกรรมการบริหาร สสอท. ให้เกียรติเยี่ยมชม

มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) โดยศูนย์วิจัยพัฒนาและนวัตกรรม (RDI) ได้ร่วมจัดบูธนิทรรศการเพื่อนำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่โดดเด่นของอาจารย์และนักศึกษา  โดยได้เลือกนำเสนอผลงานที่สอดคล้องกับธีม “ดิจิทัล และ เฮลท์แคร์” ซึ่งตอบโจทย์สำคัญตามแนวทาง Quick Win ของกระทรวง อว. โดยคัดสรรผลงานวิจัย 3 โครงการที่สะท้อนบทบาทของมหาวิทยาลัยในการช่วยบรรเทาปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์

ผลงานชิ้นแรก ได้แก่ AI for Fatigue Detection  เทคโนโลยี AI ลดความเมื่อยล้าจากการทำงาน ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพแรงงานไทย เป็นผลงานจากวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี (CITE) โดยอาจารย์กันยารัตน์ พูลเพียร และนักศึกษาได้พัฒนาผลงานโดยใช้เทคโนโลยี AI ตรวจจับภาวะเมื่อยล้าจากการทำงาน (Work Fatigue Detection) โดยระบบจะวิเคราะห์ท่าทางการทำงาน เช่น การก้มคอ การยกไหล่ หรือการเกร็งกล้ามเนื้อ จากนั้น AI จะระบุ “สาเหตุของความเมื่อยล้า” และแนะนำท่าทางที่ถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ

ซึ่งผลการศึกษาพบว่า AI สามารถช่วยให้คำแนะนำที่ลดอาการเมื่อยล้าลงได้ 11–13% และ ลดโอกาสบาดเจ็บจากการทำงานมากกว่า 50% ทั้งนี้ผลงานนี้ตอบโจทย์ Quick Win ด้านการลดปัญหาภัยสังคม ด้านสุขภาพของประชาชนวัยทำงาน ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บจากงานซ้ำซาก (MSDs) ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานไทยได้ในระยะยาว

ผลงานนวัตกรรมด้านเฮลท์แคร์ ได้แก่ Innovative THANAKA Aqua drop: Natural Glow ผลิตภัณฑ์ BB Cream สูตรน้ำผสมสารสกัด “ทานาคา” นวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรมความงามที่ช่วยสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่และเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นผลงานจากวิทยาลัยการแพทย์แบบบูรณาการ (CIMw) โดย ดร.ภญ.วรอนงค์ พฤกษากิจ และอาจารย์สุจารีย์ หิรัญศิริวัฒน์ เป็นการต่อยอดโครงงานนักศึกษาปีที่ 4 โดยพัฒนา ผลิตภัณฑ์ BB Cream สูตรน้ำเนื้อบางเบา ผสานกับ สารสกัดทานาคา ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นด้านการลดสิว ลดอุดตัน บำรุงผิว และทำให้ผิวดู glow แบบธรรมชาติ

ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ช่วยแก้ “Pain Points” ของผู้บริโภค เช่น ครีมทั่วไปมีเนื้อหนักเข้มข้น เกิดสิวอุดตัน สีไม่คงตัวเมื่อเจอเหงื่อหรือความร้อน  เนื้อครีมเป็นคราบ ปกปิดแต่ไม่บำรุง แต่นวัตกรรมใหม่นี้มีจุดเด่น คือ เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ปกปิดพร้อมบำรุง ให้ผิว “โกลว์แบบธรรมชาติ” ลดสิว ลดฝ้า และดูแลผิวระหว่างวัน โดยผลงานนี้ตอบโจทย์ Quick Win ด้าน เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมความงาม ช่วยสร้างผลิตภัณฑ์ที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปจำหน่ายและต่อยอดเชิงพาณิชย์ เสริมรายได้และเพิ่มมูลค่าตลาดด้วยนวัตกรรมจากสมุนไพร

ผลงานวิจัยชิ้นที่ 3 ได้แก่ Digital Eco Haven Game เกมลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ด้วย AI & Blockchain สะสม NFT เชื่อมต่อ DPU Point เป็นนวัตกรรมจากวิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์เทคโนโลยี (ANT) โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ บัญญพนต์ พูลสวัสดิ์ พัฒนาเกมเพื่อการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมชื่อ “Digital Eco Haven” ผสานเทคโนโลยีเกม + AI + Blockchain + NFT เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่ เช่น นักศึกษา มีส่วนร่วมในการช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์

หลักการทำงานของเกม ผู้เล่นจะบันทึกกิจกรรมประจำวัน เช่น การเดินทาง การทิ้งขยะ การใช้รถไฟฟ้า ระบบ AI จะประมวลผล “ปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์รายวัน” ซึ่งจะถูกเชื่อมเข้าสู่ Blockchain แปลงเป็น Carbon Credits Collection และสามารถแปลงเป็น Token ประเภท NFT ความโดดเด่นคือ NFT สามารถ เชื่อมกับระบบ DPU Point ให้นักศึกษาใช้แลกรางวัลหรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ทำให้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสนุกและเกิดพฤติกรรมใหม่ที่ยั่งยืน ซึ่งผลงานนี้ตอบโจทย์ Quick Win ด้านสิ่งแวดล้อมด้านการลดคาร์บอนและการสร้างพฤติกรรมเชิงบวกของประชาชน

ผลงานวิจัยเด่นทั้ง 3 ชิ้นข้างต้นเป็นตัวอย่างของงานวิจัยและนวัตกรรมที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างอาจารย์และ นักศึกษาของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้จริงทั้งด้านสังคม ด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบายการยกระดับอุดมศึกษาไทยด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลของกระทรวง อว.