วันอังคาร ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) และหน่วยงานในสังกัดอย่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) จัดอบรมโครงการ “การประยุกต์ใช้ AI เพื่อการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษา” ประจำปี 2568 เพื่อให้อาจารย์กว่า 500 คนทั่วประเทศสามารถใช้นวัตกรรม AI ออกแบบการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่มุ่งเน้นให้นักศึกษามีส่วนร่วมมากขึ้น
การอบรมครั้งแรกจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ระหว่างวันที่ 17–18 พฤศจิกายน 2568 โดยผู้เข้าอบรมได้ทดลองใช้ “Abdul Uni” แพลตฟอร์ม AI Tutor ที่ NECTEC และ สวทช. พัฒนาขึ้นโดยใช้แนวคิด AI Platform ของ DPU ซึ่งช่วยให้อาจารย์ ออกแบบผู้ช่วยสอนที่เป็น AI ที่มีบุคลิกและบทบาทเฉพาะสำหรับศาสตร์รายวิชาต่างๆ แบบเฉพาะเจาะจงโครงการอบรมจะดำเนินการต่อเนื่องให้ครบ 5 ภูมิภาค โดยดำเนินการจนถึงมกราคม 2569 เพื่อขยายผลการใช้งาน AI ให้ครอบคลุมบุคลากรการศึกษาตามเป้าหมายของกระทรวง อว.
อาจารย์สิรภพ รุจรัตนพล อาจารย์ประจำสาขาการตลาดและการสร้างแบรนด์ในยุคดิจิทัล วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) หนึ่งในวิทยากรหลัก ระบุว่า ปัญหาใหญ่ของการเรียนการสอนยุคใหม่คือการที่นักศึกษา Copy-Paste นำคำตอบจาก AI มาใช้โดยไม่ผ่านกระบวนการคิดเป็นระบบ ดังนั้น “AI Systematic Coach” ของ Platform DPU จึงถูกออกแบบเพื่อแก้ปัญหานี้ โดยไม่ทำหน้าที่ให้คำตอบสำเร็จรูป แต่ทำหน้าที่เป็น “โค้ชความคิดเชิงระบบ” เพื่อสร้างวินัยและกระบวนการคิดที่ถูกต้องให้กับนักศึกษา
อาจารย์สิรภพ ยังยกตัวอย่าง Use Case ที่น่าสนใจ การใช้งาน AI เพื่อจำลองสถานการณ์ เช่น การสร้าง Expert AI รับบทเป็นพ่อค้าชาวจีนหรือนักธุรกิจเยอรมัน เพื่อฝึกทักษะการสื่อสารและการวิเคราะห์เชิงธุรกิจของนักศึกษา แบบ Real-Time การออกแบบให้ AI มีการจำกัดบุคลิกภาพและสามารถ “ถามคำถามกลับ” ช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมและเสริมทักษะ AI Literacy หรือการสื่อสารกับปัญญาประดิษฐ์ได้เป็นอย่างดี โดยใช้เวลาสั้นและกระชับกว่าการระดมความคิดในรูปแบบเดิมๆ ทำให้นักศึกษาสนุกกับการเรียนการสอนในห้องเรียนอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับทางด้านนโยบาย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธิติพงศ์ ตันประเสริฐ รองประธานคณะกรรมการขับเคลื่อน AI Embedded Education ย้ำว่า DPU ไม่ได้ใช้ AI เพื่อแทนที่การสอนแบบเดิม แต่ใช้เพื่อ “เสริม Power” ให้อาจารย์เปลี่ยนบทบาทไปเป็นผู้ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการเริ่มต้นใช้ AI ในสถานศึกษา ขณะเดียวกัน ผู้บริหารมหาวิทยาลัย นำโดย ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีสายงานวิชาการ DPU และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิริเดช คำสุพรหม รองอธิการบดีสายงานภาคีสัมพันธ์และประธานคณะกรรมการโครงการ AI Embedded Education ได้ผลักดันนโยบายชัดเจนให้ทุกคณะใช้งาน AI ครอบคลุม 100% ในปีหน้า อย่างไรก็ดี ณ ปัจจุบัน AI Platform DPU ได้ถูกนำไปทดลองใช้แล้วกว่า 17 รายวิชา ครอบคลุมกว่า 10 หลักสูตร
“ถ้านับวิชา Computer Sciences หรือวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ธิติพงศ์ ตันประเสริฐ อีก 2 วิชา ผลรวมที่เราได้ทดลองไปแล้วคือ 19 วิชา” อาจารย์สิรภพ ระบุ
เมื่อมีการหยิบยกประเด็นเรื่องการรักษาสมดุลของความท้าทายในการเรียนรู้ ที่มักกล่าวกันว่า “การเรียนรู้ที่ดีต้องไม่ยากเกินไปจนท้อ และไม่ง่ายเกินไปจนไร้ความหมาย” อาจารย์สิรภพ ยืนยันว่า ระบบจะสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างชัดเจน “ด้วยการตั้งคำถามเชิงวิเคราะห์เป็นขั้นตอน AI ทำให้นักศึกษาต้องคิดและตัดสินใจด้วยตัวเองทุกครั้ง การเรียนรู้จึงสนุก มีสมาธิ และเกิดความมุ่งมั่นจริงๆ นักศึกษามีความกระตือรือร้นมากขึ้น เพราะได้ฝึกวินัยการคิดที่เป็นระบบตามศาสตร์วิชา” อาจารย์สิรภพ เปิดใจ
“เพราะหากปล่อยให้ใช้ AI แบบสุ่มสี่สุ่มห้า คาดว่าอย่างน้อย 50% ขึ้นไป จะส่งคำตอบที่ Copy มา และเมื่อถูกถามย้อนกลับนักศึกษาก็ต้องกลั่นกรองผ่านกระบวนการคิดก่อนตอบ ซึ่งสะท้อนว่าไม่ใช่แค่การคัดลอก แต่เป็นการใช้ศักยภาพของตนเองในการแก้ปัญหาพร้อมกับสร้างสรรค์แนวคิดใหม่อย่างมั่นใจ และยังช่วยปิดช่องว่างสำคัญที่การศึกษาแบบเดิมไม่สามารถเติมเต็มได้อีกด้วย”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี