'สสส.'สานพลัง สวร.หนุนรัฐบาลฟื้นฟูสุขภาพใจประชาชน 10 จังหวัดภาคใต้

'สสส.'สานพลัง สวร.หนุนรัฐบาลฟื้นฟูสุขภาพใจประชาชน 10 จังหวัดภาคใต้

วันอังคาร ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 14.21 น.

สสส.สานพลัง สวร. หนุนรัฐบาลฟื้นฟูสุขภาพใจประชาชน 10 จังหวัดภาคใต้ จากสถานการณ์น้ำท่วม เดินหน้าชวนใช้ “สติ 3 ขั้นตอน” รับมือวิกฤตภัยพิบัติ-ลดหวั่นวิตกว้าวุ่นใจ-จัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ แนะระยะฟื้นฟู ต้องยึดหลัก “ไปด้วยกัน(Together Base)” เปลี่ยนเหยื่อเป็นผู้ร่วมกอบกู้วิกฤต สร้างพลังชุมชนเข้มแข็ง ร่วมเยียวยาใจ ลดปัญหาสุขภาพจิตระยะยาว

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 10 จังหวัดภาคใต้ ก่อให้เกิดผลกระทบความเสียหายทั้งต่อทรัพย์สินและชีวิตประชาชน บางคนต้องสูญเสียคนที่รักและสัตว์เลี้ยง ประชาชนที่ไม่ได้ตั้งรับกับเหตุการณ์อาจมีภาวะเครียดและวิตกกังวลสูง ซึ่งหากมีมากเกินไปจะทำให้สูญเสียความสามารถในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อสนับสนุนรัฐบาลในการส่งเสริมให้ประชาชนพร้อมฟื้นฟูสภาพจิตใจ ภายหลังจากเหตุการณ์อุทกภัยกลับเข้าสู่สภาวะปกติ สสส. สานพลัง มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้ (สวร.) พัฒนาแนวทางประคองใจในภาวะวิกฤต ภายใต้โครงการจิตวิทยาสติสร้างสุขในองค์กร สู่ Model การสร้างความยั่งยืนในสังคมไทย เดินหน้าส่งเสริมให้ผู้ประสบภัย ผู้ช่วยเหลือ และผู้ติดตามข่าวสาร ใช้หลักการที่เรียกว่า “มีสติ” หรือ “ตั้งสติ” เสริมประสิทธิภาพในการคิด ตัดสินใจ และจัดการกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น


“แนวทางประคองใจในภาวะวิกฤต ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน 1.กลับมาอยู่กับลมหายใจ ให้หายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อให้จิตใจที่ว้าวุ่นสงบลง และกลับมาโฟกัสที่ตัวเอง 2.มองดูรอบตัวอย่างมีสติ เป็นการอยู่กับความจริงรอบตัว โดยสำรวจว่าตนเองอยู่ที่ไหน และประเมินว่าสถานที่นั้นปลอดภัยหรือไม่ มีข้าวของหรือทรัพยากรอะไรบ้างที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ และมีใครบ้างที่ต้องดูแล เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือผู้ป่วยที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด 3.นำไปสู่การปฏิบัติ เมื่อมีความสงบและประเมินสถานการณ์ในขั้นตอนที่ 2 แล้ว จะสามารถจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ กรณีผู้ช่วยเหลือหรืออาสาสมัคร หากไม่สามารถช่วยผู้ประสบภัยได้ทันที อาจเกิดอารมณ์สะเทือนใจหรือสิ้นหวัง ซึ่งจะยิ่งทำให้การช่วยเหลือมีข้อผิดพลาด การใช้สติ 3 ขั้นตอน จะช่วยให้กลับมาสงบ มีความสามารถในการประเมินสถานการณ์ เพื่อวางแผนการช่วยเหลือกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป” ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว

นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข และที่ปรึกษาโครงการจิตวิทยาสติสร้างสุขในองค์กรฯ กล่าวว่า  สวร. มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในระยะฟื้นฟู ด้วยแนวคิด “Together Base” หรือ “ไปด้วยกัน” มีหลักการทำงานสำคัญ 2 มิติ คือ 1.เชื่อมโยงความสัมพันธ์ชุมชน (Connectedness) อาศัยความสัมพันธ์ที่ชุมชนมีอยู่แล้วมาร่วมกันแก้ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น เนื่องจากสายสัมพันธ์ใหม่ไม่สามารถสร้างได้ทันทีในช่วงวิกฤต 2.สร้างพลังความร่วมมือ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลร่วมกัน (Collective Efficacy) ความร่วมมือร่วมใจของคนในพื้นที่ จะช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ในชุมชน เกิดแรงบันดาลใจในการร่วมป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตซ้ำ นำไปสู่การลุกขึ้นยืนเพื่อเดินหน้าใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งต่อไป

“กลไกการฟื้นฟูชุมชนตามแนวทาง Together Base ที่เห็นอกเห็นใจกัน ยกตัวอย่างเช่น สติในการประชุมร่วมกัน รับฟังกันอย่างกัลยาณมิตร ไม่กล่าวโทษ แต่ร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ ส่วนชุมชนที่อยู่อาศัยรวมพลังกันซ่อมแซมบ้านเรือน พร้อมดูแลพื้นที่ส่วนกลาง กลุ่มอาชีพและผู้ประกอบการ รวมตัวผ่านสมาคมเพื่อช่วยเหลือกันฟื้นฟูกิจการและเข้าถึงแหล่งทุน เป็นต้น การเปลี่ยนจากเหยื่อที่รอรับความช่วยเหลืออย่างเดียว มาเป็นผู้ร่วมกอบกู้วิกฤตด้วยนั้น สหประชาชาติสรุปว่าจะช่วยทำให้ปัญหาสุขภาพจิตลดลงได้ ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการฝึกการสร้างสติอย่างเป็นระบบ สวร. มีโปรแกรมฝึกสติออนไลน์ หรือ mindpsy ที่พัฒนาขึ้นภายใต้การสนับสนุนของ สสส. สามารถเข้าใช้หลักสูตร เพื่อช่วยในการจัดการกับวิกฤตโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่เว็บไซต์ https://mindpsy.org/en” นพ.ยงยุทธ กล่าว

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top