วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การส่งลูกไปเรียนต่างประเทศคือการลงทุนครั้งใหญ่ในชีวิตของลูกและครอบครัว ไม่ว่าจะระดับมัธยม หรือระดับมหาวิทยาลัย สิ่งสำคัญคือการวางแผนให้รอบคอบตั้งแต่ต้น หลายคนก็คงมีคำถามในใจว่า "จะเริ่มจากตรงไหนดี?" และ "ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?"วันนี้ ttb reserve ในฐานะผู้ช่วยวางแผนทางการเงินและต่อยอดความมั่งคั่งครบทุกมิติสู่ความสำเร็จไม่มีสิ้นสุด ขอพาคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่มาดูแนวทางที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ ให้การวางแผนเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศของลูกเป็นเรื่องที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการเตรียมพร้อมเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาของลูกในอนาคต
อยากส่งลูกเรียนต่างประเทศ แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี?
สิ่งที่ต้องเริ่มมองหาคือ "ความเหมาะสม" ทั้งของตัวลูกและงบประมาณ โดยเริ่มต้นทำความรู้จักลูกก่อน แล้วลูกเราเป็นสายไหนล่ะ?
และคำตอบที่ได้นี้ จะช่วยพาไปสู่คำถามที่สำคัญต่อมา นั่นคือ...
เลือกทีมให้ลูก อเมริกา VS อังกฤษ VS ออสเตรเลีย...ประเทศไหนคือ The Best Match?
การจะส่งลูกไปเรียนต่างประเทศก็เหมือนการเลือก "ทีม" ให้ลูกลงแข่งชีวิต ซึ่ง 3 ตัวท็อปที่เรายกมาให้เห็นคือ สหรัฐอเมริกา (US) สหราชอาณาจักร (UK) และ ออสเตรเลีย (AUS) ซึ่งบอกได้เลยว่าสไตล์การเรียน และวัฒนธรรมมีความแตกต่างกันสุดขั้ว
ทีมที่ 1: สหรัฐอเมริกา (US) - สายยืดหยุ่น ต้องการค้นหาตัวเอง
หากชื่นชอบความอิสระและต้องการทดลองเรียนหลากหลายวิชาก่อนตัดสินใจเลือกสาขา (Major) อย่างจริงจัง สหรัฐอเมริกาคือทางเลือกที่ตอบโจทย์ จุดเด่นของระบบการศึกษาที่นี่คือ ความยืดหยุ่นสูง โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาเลือกเรียนในรูปแบบ Liberal Arts ใช้เวลาเรียนปริญญาตรีประมาณ 4 ปี และสำหรับผู้ที่สนใจสาย STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์) หลังจบการศึกษา ยังมีโอกาสทำงานต่อในประเทศผ่านโครงการ OPT ได้นานถึง 36 เดือน เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และรายได้เพิ่มเติม อีกทั้งยังมีมหาวิทยาลัยชั้นนำในกลุ่ม Ivy League ที่มีชื่อเสียงระดับโลกทั้งด้านคุณภาพการศึกษาและเครือข่ายศิษย์เก่า
ทีมที่ 2: สหราชอาณาจักร (UK) - สายสปีด ระยะเวลาเรียนสั้นกว่าเน้นเนื้อหาเข้มข้น
สำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็ว และเน้นเนื้อหาลึกตั้งแต่เริ่มต้น สหราชอาณาจักรเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ระบบการศึกษาที่นี่เน้นความเฉพาะทาง ทำให้นักศึกษาสามารถจบปริญญาตรีได้ภายใน 3 ปี (สำหรับหลักสูตรทั่วไป) ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังมี “Graduate Route Visa” ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติอยู่ต่อได้อีก 2 ปีหลังจบการศึกษา เพื่อหางานและเพิ่มประสบการณ์ หากต้องการเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ กลุ่ม Russell Group ถือเป็นตัวเลือกที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับสากล
ทีมที่ 3: ออสเตรเลีย (AUS) - สายเวิร์ก ชอบทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย
ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการศึกษาสูง พร้อมสิทธิพิเศษให้นักเรียนต่างชาติสามารถทำงานระหว่างเรียนได้ ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้เสริมเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และหลังจบการศึกษา ยังมีโอกาสอยู่ต่อด้วยวีซ่า Temporary Graduate Visa ได้นานถึง 2–4 ปี เพื่อสะสมประสบการณ์ทำงานก่อนกลับไทยหรือไปต่อประเทศอื่น หากต้องการคุณภาพการศึกษาและประสบการณ์ในการทำงานควบคู่กัน ออสเตรเลียคือคำตอบที่เหมาะสมที่สุด
เทคนิคการเลือกสถานศึกษา
การเลือกโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย ต้องดูให้เหมาะสมกับเป้าหมายของลูก
สิ่งสำคัญที่เรียกว่า “ค่าใช้จ่าย” ที่ไม่ใช่แค่ค่าเทอม
นอกจากค่าเล่าเรียนแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องเตรียม เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งมักเป็นสัดส่วนสำคัญของงบประมาณทั้งหมด อีกทั้งต้องคำนึงถึง อัตราเงินเฟ้อทางการศึกษา (Education Inflation) ที่โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3% ต่อปี ตัวอย่างเช่น หากเลือกเรียนในสหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อปีอาจอยู่ที่ประมาณ 2.5-3 ล้านบาท (รวมค่าเทอมและค่าครองชีพ) สำหรับหลักสูตรปริญญาตรี 4 ปี รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดอาจสูงกว่า 10-12 ล้านบาท และหากรวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่นการเดินทางและเงินเฟ้อทางการศึกษาในระยะยาว งบประมาณอาจเพิ่มขึ้นเป็น 14 ล้านบาทหรือมากกว่า
ดังนั้น การวางแผนล่วงหน้าและเผื่อค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันงบประมาณบานปลายและทำให้การลงทุนด้านการศึกษาของบุตรหลานเป็นไปอย่างมั่นใจttb reserve เข้าใจถึงความสำคัญของการวางแผนค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศ จึงออกแบบ “โซลูชันสกุลเงินต่างประเทศ” ที่ช่วยผู้ปกครองที่ต้องการส่งลูกไปเรียนต่อที่ต่างประเทศส่งมอบอนาคตที่ดีเพื่อลูกตลอดเส้นทาง
ttb reserve พร้อมเป็นผู้ช่วยวางแผนทางการเงินให้กับผู้ปกครองเตรียมความพร้อมส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อยังต่างประเทศได้สะดวกและคุ้มค่ามากขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.ttbbank.com/link/ttb-worldpass
หรือสอบถามเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนของท่าน หรือ ttb reserve line 02-010-1428
เงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด สามารถศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์และประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินตราต่างประเทศปัจจุบันได้ทางเว็บไซต์ของธนาคาร ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี