วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ปี 2026 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่องค์กรต่างตระหนักตรงกันว่า “ความล่าช้า” ไม่ใช่แค่การเสียโอกาส แต่คือ “ต้นทุนแฝง” มหาศาลที่บั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขัน ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเร็วและซัพพลายเชนโลกมีความเปราะบาง การคุมงบประมาณไม่ทันการณ์ หรือการปรับตัวไม่ทันต่อความผันผวนของตลาดเพียงไม่กี่วัน อาจหมายถึงความเสียหายต่อกำไรสุทธิและความเชื่อมั่นของนักลงทุน
สมรภูมิธุรกิจในวันนี้จึงไม่ได้วัดกันที่ขนาดขององค์กรอีกต่อไป แต่วัดกันที่ Speed และความสามารถในการเปลี่ยน Data ให้เป็นกลยุทธ์ด้วย AI ได้แม่นยำกว่าใคร ปลาเร็วจะกินปลาช้า และปลาที่ฉลาดจะกินรวบตลาด
แต่ความเร็วและความแม่นยำจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากองค์กรยังติดอยู่ในกับดักของ Data Silos หรือภาวะข้อมูลแยกส่วน ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่ฝ่ายบัญชี ฝ่ายขาย และฝ่ายผลิต ต่างคนต่างถือข้อมูลคนละชุด เมื่อข้อมูลไม่เชื่อมโยงกัน AI ที่องค์กรลงทุนไปมหาศาลก็ไม่สามารถดึงข้อมูลมาวิเคราะห์เชื่อมโยงกันได้ทั้งระบบ เปรียบเสมือนเครื่องยนต์สมรรถนะสูงที่ขาดน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพดี ส่งผลให้การวิเคราะห์คลาดเคลื่อนและนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด
จุดนี้เองที่ทำให้โจทย์สำคัญของผู้บริหารเปลี่ยนไป คำถามจึงไม่ใช่แค่ว่า “องค์กรใช้ AI หรือยัง” แต่กลับเป็น “ระบบโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรพร้อมรองรับ AI แค่ไหน” เพราะ AI จะทรงพลังที่สุด ก็ต่อเมื่อมีข้อมูลคุณภาพที่ไหลเวียนเชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อ ตั้งแต่หน้างานผลิตไปจนถึงงบการเงิน
บทบาทของ ERP ในยุคนี้จึงเปลี่ยนไปจากระบบหลังบ้านแบบเดิมที่เน้นแค่การบันทึกผล สู่การเป็น "ศูนย์กลางข้อมูลขององค์กร" เทคโนโลยี AI เริ่มถูกฝังเข้าไปในแกนกลางของระบบ ERP เพื่อยกระดับการทำงานสู่ Predictive Analytics เช่น การช่วยวิเคราะห์แนวโน้มยอดขายที่แม่นยำขึ้น การแจ้งเตือนสินค้าขาดสต็อกล่วงหน้าก่อนที่ปัญหาจะเกิด และสนับสนุนการบริหาร Supply Chain แบบเรียลไทม์ ผ่านการทำงานของ AI Integration และ Machine Learning ที่เรียนรู้จากข้อมูลธุรกิจจริง ลดการพึ่งพาการคาดเดาและสัญชาตญาณแบบเดิม
หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นชัดของการปฏิรูปการทำงาน คือ Microsoft Copilot ที่เข้ามาเปลี่ยนการดูข้อมูล ERP ให้เป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน เพียงแค่พิมพ์ถาม AI ด้วยภาษาธรรมชาติ ก็สามารถสรุปสถานะทางการเงิน ยอดขายรายไตรมาส หรือความเสี่ยงในโครงการได้ทันที ช่วยให้ผู้บริหารเห็น Insight และตัดสินใจได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องรอกระบวนการทำรายงานปลายเดือนแบบเดิมอีกต่อไป ซึ่งนี่คือการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรสู่ Data-Driven Decision Making อย่างแท้จริง
นอกจากประสิทธิภาพด้านการดำเนินงาน AI ยังมีบทบาทสำคัญต่อเป้าหมายด้านความยั่งยืน หรือ Sustainability ซึ่งเป็นกฎกติกาใหม่ของโลกธุรกิจ ผ่านการวิเคราะห์การใช้ทรัพยากร การคำนวณ Carbon Footprint การควบคุมต้นทุนพลังงาน และการลดของเสียในกระบวนการผลิต ซึ่งกลายเป็นโจทย์สำคัญที่องค์กรยุคใหม่ต้องตอบโจทย์ทั้งกำไรและโลกไปพร้อมกัน
Quick Transformation ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน IT, OT และ AI ทำหน้าที่สนับสนุนธุรกิจไทยสู่ยุค AI ด้วยแนวคิด Digital Brain ที่มุ่งเน้นการเชื่อมโยง ERP (Digital Core) เข้ากับ OT/IoT Integration และระบบ Automation & API ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ เพื่อทลายกำแพงระหว่างห้องประชุมผู้บริหารและหน้างานการผลิต เตรียมองค์กรให้พร้อมใช้ AI ได้เต็มประสิทธิภาพ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืนในโลก Enterprise ปี 2026 ที่ข้อมูลคือสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี