1 พ.ค. 68 เพจเฟซบุ๊ก apailucktan ที่ปรึกษาภาพลักษณ์ สอนระดับนานาชาติ 3 ทวีปฯ ได้โพสต์ภาพและข้อความ ถึงการสื่อสารภาพลักษณ์ของประเทศไทย เมื่อครั้งที่ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ พร้อม 9 ฉลองพระองค์ผ้าไทยทรงคุณค่า ที่ผสานเอกลักษณ์ภูฏานอย่างสง่างามทุกชุด แสดงให้เห็นภาพจำแห่งมิตรภาพระหว่างประเทศ พัสตราภรณ์ครั้งนี้สง่างามที่สุด
โดยมีข้อความระบุว่า "การสื่อสาร วัฒนธรรมผ่านแฟชั่น : “Majesty in Motion” เมื่อราชินีไทยสะกดทั้งภูฏานด้วยแฟชั่นที่ผสานภูมิปัญญาไทยกับความละเมียดละไมแห่งราชสำนัก
ในโลกของแฟชั่นชั้นสูง มีไม่กี่คนที่สามารถใช้ “ผ้าไทย” และ “วัฒนธรรมท้องถิ่น” ถ่ายทอดความงดงามได้อย่างมีชั้นเชิงและร่วมสมัยจนผู้คนทั่วโลกต้องเหลียวมอง สมเด็จพระราชินีสุทิดาคือหนึ่งในบุคคลนั้น — ผู้ซึ่งเปลี่ยน “ฉลองพระองค์” ให้กลายเป็น “ภาษาทรงพลัง” ที่สื่อถึงรากเหง้า ความอ่อนโยน และอำนาจอันละเมียดในคราวเดียวกัน
ลุคที่ 1: มโหระทึกแห่งทองคำ
ผ้าไหมจักสานลายยกทอง / เสื้อไทยทรงราชปะแตนสีช็อกโกแลต
ลุคนี้ทรงฉลองพระองค์ด้วย “ผ้าไหมยกทอง” จากลุ่มน้ำป่าสัก ซึ่งขึ้นชื่อด้านความประณีตและใช้เทคนิคทอยกดิ้นทองลายคลื่นน้ำตื้น พระองค์เลือกจับคู่กับเสื้อทรงราชปะแตนเข้ารูป ผ่าหน้าด้วยกระดุมทองอย่างเรียบหรู กลายเป็นสไตล์ที่มีพลังสง่างามแบบ “ราชินีผู้ทรงอำนาจ” พร้อมสายสะพายที่สื่อถึงเกียรติยศ
ลุคนี้เป็นสัญลักษณ์ของการนำผ้าไทยกลับคืนสู่สากลอย่างมีศักดิ์ศรี
ลุคที่ 2: นวลฟ้าแห่งสันติ
ผ้าไหมลำพูนสีเทาเงิน / เสื้อไทยประยุกต์คอตั้งสีฟ้าพาสเทลการจับคู่ของผ้าทอลำพูนลายราชวัตร ที่ขึ้นชื่อเรื่องโครงสร้างลายเส้นเรียบหรู กับเสื้อไทยแขนยาวคอตั้งซึ่งตัดเย็บด้วยเทคนิค French Seam ตะเข็บในเรียบเนียนไร้ที่ติ แสดงให้เห็นถึงความละเมียดละไมในทุกมิลลิเมตร ลุคนี้สะท้อน “ความสงบ สุภาพ และพลังแห่งสันติภาพ”
พระองค์ทรงใช้ “สี” เพื่อส่งสาร – ฟ้าอ่อนคือไมตรี และการเปิดใจสู่การทูตวัฒนธรรม
ลุคที่ 3: ชุดภูฏานร่วมสมัย
ผ้าไหมพื้นเมืองทอลายขวาง / เสื้อคลุมสไตล์ “Kira-Fusion” ทรงผสมผสานวัฒนธรรมระหว่างไทยและภูฏานได้อย่างแยบยล ด้วยลายทอแนวนอนที่คล้ายลาย “Yathra” ของภูฏาน แต่ใช้เส้นไหมไทยในการถักทอ และคัตติ้งที่ยังคงโครงชุดแบบไทยประยุกต์ไว้ การสวมเสื้อคลุมยาวทับชวนให้นึกถึง “Kira” ชุดประจำชาติของสุภาพสตรีภูฏาน ซึ่งได้รับการตีความใหม่ในแบบราชินีไทย นี่คือแฟชั่นเชิงวัฒนธรรมที่ไม่มีคำว่าลอกเลียน มีแต่คำว่า “สื่อสารและเชื่อมโยง”
ลุคที่ 4: The Modern Silk Cape
ผ้าไหมทอย้อมสีธรรมชาติ / Cape ตัดเย็บแบบ Couture
ลุคนี้โดดเด่นด้วยการนำเสนอ “Cape” ผ้าไหมสีมิ้นต์จากสุรินทร์ ซึ่งผ่านกระบวนการย้อมสีจากเปลือกไม้ธรรมชาติ แพตเทิร์นตัดแบบ asymmetrical คัตติ้งเฉียงข้างและมี slit ด้านหลังเพื่อให้เคลื่อนไหวอย่างพลิ้วไหว ช่วยขับความสง่างามของพระองค์ให้เด่นยิ่งขึ้น ยามทรงก้าวเดิน
ผ้าไทยสามารถแปลงโฉมเป็นชุดร่วมสมัยระดับ Haute Couture ได้อย่างไร? ลุคนี้คือคำตอบ
ลุคที่ 5: เสน่ห์แห่งลายชาวเขา
ผ้าซิ่นลายเครือเถา / เสื้อแขนยาวทรงเรียบสีกรมท่า
ลุคนี้พระองค์ทรงเลือกใช้ผ้าซิ่นลายเครือเถาอันวิจิตรจากภาคเหนือ ซึ่งถอดแบบลายมาจากพรรณไม้ที่เติบโตในดินแดนสูง ผ้าทอนี้ใช้เทคนิค “ขิดสามตะกอ” ซึ่งต้องใช้แรงช่างทอที่ชำนาญถึง 3 คน จึงจะควบคุมลายได้ตรง เผยให้เห็นถึงความลึกซึ้งของวัฒนธรรมชาติพันธุ์
นี่คือแฟชั่นที่มีประวัติศาสตร์ มีชุมชน และมีจิตวิญญาณ
ลุคที่ 6: พิ้งค์แห่งความละมุน
ผ้าไหมมัดหมี่ลายจังหวะ / เสื้อแขนยาวทรงห่มเฉียง
สีชมพูอ่อนถูกเลือกใช้ในวันสำคัญของพระราชินี นี่ไม่ใช่เพียงการ “แมตช์สี” แต่เป็นการแมตช์ “พลังหญิง” เข้ากับรากฐานแห่งจิตวิญญาณไทย ผ้าซิ่นมัดหมี่นี้มีเส้นมัดแค่ 2 จุดใน 1 หน่วยตาราง ทำให้เกิด “ลายจังหวะ” คล้ายระลอกคลื่นเมื่อแสงกระทบ
ชุดนี้คือบทสรุปว่า “ความอ่อนโยน” ไม่ได้แปลว่า “อ่อนแอ”
สรุปแฟชั่นคอลเลกชัน “ราชินีไทยในภูฏาน”
• ทุกรายละเอียดคือการบรรจงวางกลยุทธ์แฟชั่นระดับโลก
• พระองค์ทรงผสมผสานความเป็นไทย + ความเป็นสากล + ความเป็นเจ้าบ้านได้อย่างประณีต
• คือ Role Model แห่งแฟชั่นที่เปี่ยมด้วยรากเหง้า จิตวิญญาณ และความเข้าใจวัฒนธรรม"
ขอบคุณภาพและข้อความจาก : apailucktan
.-008