"หทัยทิพย์" ขับเคลื่อน! กองทัพไทยรายงานแผนสร้างรั้วคอนกรีตสูง 3.5 ม. พร้อมบังเกอร์ต้านกระสุน สนองพระปณิธานฯ ปกป้องกำลังพล-ประชาชนชายแดน
16 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น. ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จออก ณ ห้องประชุม ชั้น 11 อาคารอัครราชกุมารี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ พระราชทานพระวโรกาสให้ คุณหญิงจรัสศรี ทีปิรัช รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฝ่ายบริหารและผู้อำนวยการสำนักองค์ประธาน นำ พลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และคณะ ประกอบด้วย พลเอก ชิดชนก นุชฉายา เสนาธิการทหาร พลเอก ศราวุธ จันทร์พุ่ม ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พลโท ชาคร บุญภักดี เจ้ากรมแผนที่ทหาร และพลโท จุมภฏ นุรักษ์เขต เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เฝ้ารับพระราชทานพระนโยบายเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกราบทูลรายงานถึงแนวทางการดำเนินงานด้านต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนภารกิจสำคัญตามวัตถุประสงค์ของ "กองทุนหทัยทิพย์" ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ อันเป็นการสนองพระปณิธานฯ ที่ทรงห่วงใยในความมั่นคงปลอดภัยของกำลังพลแนวหน้าและประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดน ด้วยทรงให้การสนับสนุนการจัดสร้างกำแพงและบังเกอร์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นการเร่งด่วน
ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กราบทูลรายงานถึงแผนการขับเคลื่อนดำเนินงานของ กองบัญชาการกองทัพไทย โดยมีประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ 1. แผนที่การสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา 2. จุดที่สามารถก่อสร้างรั้วชายแดนและขั้นตอนการดำเนินการ 3. แบบของการก่อสร้างรั้วชายแดน ถนนตรวจการณ์ และบังเกอร์บุคคล
จากนั้น พลเอก ชิดชนก นุชฉายา เสนาธิการทหาร พลเอก ศราวุธ จันทร์พุ่ม ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พลโท ชาคร บุญภักดี เจ้ากรมแผนที่ทหาร และพลโท จุมภฏ นุรักษ์เขต เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร กราบทูลรายงานแผนการดำเนินงาน เรื่อง แผนที่การสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ เขตแดนไทย-กัมพูชา มีความยาวรวม 798 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังได้ปักหลักเขตแดนไว้อีก 74 หลัก โดยเริ่มจากหลักเขตแดนที่ 1 ที่ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ และปักหลักต่อ ๆ ไปทางทิศตะวันตกไปทาง จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดสระแก้ว จังหวัดจันทบุรี และสิ้นสุดที่หลักเขตแดนที่ 73 อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด โดยหลักเขตแดนแต่ละหลักจะปักไปตามลักษณะภูมิประเทศตามธรรมชาติ
สำหรับบริเวณที่วางแผนจะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างหลักเขตแดนที่ 52-59 มีที่ตั้งอยู่ใน อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ติดต่อกับ อำเภอกอมเรียง จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา โดยจะกำหนดแนวเขตแดนเป็นเส้นตรงระหว่างหลักต่อหลัก ตั้งแต่หลักเขตแดนที่ 52 ถึง 59 รวม 8 หลัก ระยะทางรวมประมาณ 8.4 กิโลเมตร และทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันในที่ตั้งหลักเขตแดน จะเห็นได้ว่า บริเวณดังกล่าวนี้มีความเหมาะสมในการสร้างรั้ว โดยเริ่มจากหลักเขตแดนที่ 52 ไปตามลำดับ เนื่องจากเป็นพื้นราบ เข้าถึงง่าย และไม่มีความขัดแย้งเรื่องเส้นเขตแดน
ในส่วนแผนการดำเนินงานจุดที่สามารถก่อสร้างรั้วชายแดน และขั้นตอนการดำเนินการ โดยเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เห็นชอบให้สร้างรั้วในบริเวณที่ตกลงเรื่องเขตแดนได้ในพื้นที่ที่เหมาะสม รูปแบบรั้วที่จะก่อสร้างให้มีความเหมาะสมตามสภาพภูมิประเทศ ทั้งนี้ มอบหมายให้กองบัญชาการกองทัพไทยรับผิดชอบในการพิจารณา
ทั้งนี้ จุดที่จะสามารถดำเนินการก่อสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา คือ บริเวณหลักเขตแดนที่ 52-59 อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี โดยจะเริ่มดำเนินการบริเวณหลักเขตแดนที่ 52-54
นอกจากนี้ รูปแบบการก่อสร้างรั้วชายแดน จะดำเนินการออกแบบให้มีคุณลักษณะคงทน ถาวร สามารถป้องกันการบุกรุกทำลาย รื้อถอน หรือ การลักลอบข้ามแดนทั้งการขุดลอดและการปีนข้าม เป็นรั้วความสูง 3.50 เมตร มีครึ่งล่างของรั้วเป็นคอนกรีตสำเร็จรูปอัดแรง ครึ่งบนเป็นตะแกรงเหล็กชุบอลูชิงค์ มีความทนทาน วางด้านบนด้วยลวดหนามหีบเพลงเส้นเพลงศูนย์กลาง 45 เซนติเมตร พร้อมก่อสร้างถนนตรวจการณ์ผิวจราจรลูกรัง กว้าง 5 เมตร
สำหรับบังเกอร์บุคคล ผลิตด้วยคอนกรีตคุณภาพสูง เป็นลักษณะชิ้นส่วนสำเร็จรูป ความสูง 2.1 เมตร กว้าง 2 เมตร ยาว 2 เมตร ผนังหนา 15 ซม. ซึ่งภาพรวมผลการทดสอบสามารถต้านทานแรงกระสุน และระเบิดขนาดต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
โอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงมีพระกระแสรับสั่งให้กองทัพไทยดำเนินการได้ทันที ด้วยทรงห่วงใยในความปลอดภัย คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ด้านความมั่นคง ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
สำหรับ “กองทุนหทัยทิพย์” ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ ได้จัดตั้งขึ้นตามพระดำริของ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงเป็นประธานกรรมการบริหารกองทุน และได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อเป็นสิริมงคลและทุนตั้งต้นในการขับเคลื่อนการดำเนินงานในกิจกรรม หรือโครงการสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนหทัยทิพย์ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนรวมพลังของคนไทยทั้งชาติเพื่อยกระดับความปลอดภัย และสร้างความมั่นคงสู่ชายแดนอย่างยั่งยืนโดยเร็ว
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่มีการเปิดกองทุนหทัยทิพย์ ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 จนถึงปัจจุบัน มีประชาชน และองค์กรจากหลายภาคส่วน ร่วมแสดงพลังปกป้องอธิปไตยของชาติ ในการสนับสนุนการดำเนินงานของกองทุนฯ กับภารกิจสำคัญ และเร่งด่วน คือ สนับสนุนการสร้างกำแพงและบังเกอร์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยสามารถร่วมสมทบทุนผ่านธนาคารกรุงเทพ สาขาหลักสี่พลาซ่า ชื่อบัญชี เงินกองทุนหทัยทิพย์ ประเภทบัญชีกระแสรายวัน เลขที่บัญชี 229-3-03266-6 และประเภทบัญชีสะสมทรัพย์ เลขที่บัญชี 229-4-29977-7 หรือสแกน QR Code ผ่านระบบ e-Donation ทั้งนี้ เงินบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage : กองทุนหทัยทิพย์ LINE Official @hataitipfund หรือ สำนักงานกองทุนหทัยทิพย์ ชั้น 1 อาคารวิจัยเคมี สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ โทร. 0-2553-8616-19 ในวันและเวลาทำการ