เสด็จฯทรงบำเพ็ญพระราชกุศล  ในหลวง-ราชินี  สวดอภิธรรมพระบรมศพ  สมเด็จพระพันปีหลวง

เสด็จฯทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ในหลวง-ราชินี สวดอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระพันปีหลวง

วันพุธ ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

เสด็จฯทรงบำเพ็ญพระราชกุศล

ในหลวง-ราชินี

สวดอภิธรรมพระบรมศพ

สมเด็จพระพันปีหลวง

ปชช.เข้าถวายสักการะ

ลงนามถวายความอาลัย

“ในหลวง-พระราชินี” ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ “สมเด็จพระพันปีหลวง” วันที่ 3 ด้านทูตต่างประเทศ ผู้นำศาสนา พสกนิกรจากทั่วสารทิศหลั่งไหลถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ พร้อมลงนามถวายความอาลัยในสมุดหลวง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ขณะที่สำนักพระราชวัง เผยแพร่ ขั้นตอนการขอเป็นเจ้าภาพพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ   ด้านโฆษก กทม.ระดมกำลังดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพฯ โดยยอดประชาชนผ่านอุโมงค์หน้าพระลานวันแรก 2,324 คน

เมื่อเวลา 19.22 น.วันที่ 28 ตุลาคม 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง

 

ในโอกาสนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และเจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี โดยเสด็จในการนี้ด้วย

เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ประดิษฐานพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้นบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงกราบ

ต่อจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังมุขหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดธูปเทียนเครื่องบูชากระบะมุกที่หน้าพระแท่นเตียงพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ด้านตะวันออก และด้านตะวันตก ทรงคม แล้วประทับพระราชอาสน์เมื่อพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม จบแล้ว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงทอดผ้าไตรพระราชาคณะ 1 รูปที่ถวายอดิเรก และพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 8 รูป พระสงฆ์สดับปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงหลั่งทักษิโณทก  พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการหน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าพระโกศ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ

ก่อนหน้านี้ เวลา 16.34 น. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีกรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จฯไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

และเวลา 10.48 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จฯไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงเป็นประธานในการพระพิธีธรรมรับพระราชทานภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งเป็นพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพฯ จากวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารและวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร

พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพฯ สวดประจำทั้งกลางวัน กลางคืน, รับพระราชทานภัตตาหารเช้าและเพล กำหนด 100 วัน หรือตามกำหนดไว้ทุกข์ สำหรับการสวดพระอภิธรรม เป็นการนำเอาพระอภิธรรมในพระอภิธรรมปิฎกมาสวด เพราะคำสอนในพระอภิธรรมนั้น ล้วนเป็นคำสอนเพื่อให้คนที่มีชีวิตอยู่ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท เป็นการบำเพ็ญกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับ ทั้งยังเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาและจารีตประเพณีอีกส่วนหนึ่ง โดยยึดตามแนวทางที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปฏิบัติในคราวเสด็จไปเทศนาพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นหลักปฏิบัติ ซึ่งถือกันว่าเป็นบุญกุศลอันใหญ่หลวง

ปชช.เข้าถวายสักการะ-ลงนามถวายอาลัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนทั่วไป เข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ พระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง พร้อมลงนามถวายความอาลัยในสมุดหลวง ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา เวลา 08.30-16.00 น.นั้น

การนี้ มีบุคคลสำคัญ คณะบุคคล คณะทูตานุทูต พระภิกษุสงฆ์ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรอิสระ และประชาชนทั่วไป แต่งกายด้วยชุดสีดำไว้ทุกข์เดินทางเข้าถวายสักการะและลงนามถวายความอาลัยด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้  อาทิ ราชสกุลกิติยากร เอกอัครราชทูต และอุปทูต จากประเทศบราซิล, เมียนมา,โคลัมเบีย, สหภาพยุโรป, นครวาติกัน,ฮังการี, ลักเเซมเบิร์ก, เคนยา, โปรตุเกส,โรมาเนีย, สโลวาเกีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, คูเวต, ไอร์แลนด์, มัลดีฟส์,อาเซอร์ไบจาน, กาตาร์, บาห์เรน,ซูรินเม, จอร์เจีย, ซานมาริโน, โกตดิวัวร์ และกลุ่มนิสิต คณะครุศาสตร์ สาขามัธยมศึกษา (วิทยาศาสตร์) ชั้นปีที่ 1  พลเรือเอกประเสริฐ บุญทรง อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย,นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี, สมาชิกพรรคประชาชน สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าหลังจากที่ประชาชนลงนามถวายความอาลัยพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสร็จแล้ว ส่วนหนึ่งได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยมีคณะเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกในการเยี่ยมชม 

สอบถามนางกัลยา เฉิดพงษ์ตระกูล อายุ 66 ปี ชาวปากเกร็ด จ.นนทบุรี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนไปมีครอบครัวอยู่ที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา มีโอกาสเข้าเฝ้าฯรับเสด็จในหลวง รัชกาลที่ 9 กับสมเด็จพระพันปีหลวงหลายครั้ง และทุกครั้งที่ทราบว่าทั้งสองพระองค์เสด็จฯ ที่ไหน ถ้ามีโอกาสจะเดินทางไปรับเสด็จฯทุกครั้ง และมีความประทับใจ ซาบซึ้งใจที่สองพระองค์ทรงเข้าถึงประชาชน มีรับสั่งถามสารทุกข์สุกดิบประชาชน และที่สำคัญทั้งสองพระองค์ทรงมีพระเมตตาในการช่วยเหลือส่งเสริมให้ประชาชนชาวไทยอยู่ดีกินดี ด้วยการสร้างอาชีพให้ดูแลตัวเองได้มีกินมีใช้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ตนมีความซาบซึ้งในพระเมตตาของพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงสานต่อโครงการต่างๆ ของพระองค์ ทุกวันนี้ตนก็ได้น้อมนำคำสั่งสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระพันปีหลวงมาใช้ในชีวิตประจำวันและนำมาสอนลูกสอนหลานด้วย

เผยขั้นตอนขอเป็นเจ้าภาพพระพิธีธรรม

วันเดียวกัน สำนักพระราชวัง ประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์ https://www.royaloffice.th เรื่อง การขอเป็นเจ้าภาพพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตามที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้ผู้ประสงค์ขอเป็นเจ้าภาพพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2569 เป็นต้นไปนั้น ขอให้ผู้ที่มีความประสงค์จะขอเป็นเจ้าภาพทำหนังสือเรียน เลขาธิการพระราชวัง ตามแบบฟอร์ม ที่กำหนด และนำส่งสำนักพระราชวังได้ 3 ช่องทาง ดังต่อไปนี้

1.ส่งหนังสือแจ้งความประสงค์ด้วยตนเอง ที่แผนกสารบรรณ กองกลาง อาคารสำนักพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง โทรศัพท์ 02-224-3273, 02-224-3333 และ 02-623-5500 ต่อ 2121–2129

2.ส่งหนังสือแจ้งความประสงค์ทางไปรษณีย์ ตามที่อยู่ดังต่อไปนี้

เรียน เลขาธิการพระราชวัง สำนักพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. 10200

3.ส่งทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) ที่ kongklang@royaloffice.th โดยสแกนหนังสือเป็นไฟล์ PDF ทั้งนี้ สำนักพระราชวังจะตอบรับด้วยการตอบกลับ (Reply) อีเมล โดยผู้ขอเป็น
เจ้าภาพไม่ต้องส่งหนังสือต้นฉบับมา
อีกครั้งในภายหลัง

การนี้ เมื่อเจ้าภาพได้ส่งหนังสือแจ้งความประสงค์ในการบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแล้ว สำนักพระราชวัง จะได้มีหนังสือตอบรับ พร้อมแจ้งรายละเอียดในการเป็นเจ้าภาพก่อนวันและเวลาที่ท่านเป็นเจ้าภาพล่วงหน้า 15 วันทำการ สามารถโหลดตัวอย่างหนังสือการขอเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ที่ : https://www.royaloffice.th/.../2025/10/281068-13.22.pdf

ปชช.ผ่านอุโมงค์หน้าพระลานวันแรก2.3พันคน

ด้านนายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภาพรวมการถวายสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยสำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.00 น.ของทุกวัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา สำหรับวันแรก 27 ตุลาคม มีประชาชนผ่านอุโมงค์หน้าพระลาน เข้าถวายสักการะพระบรมศพ ณ เวลา 16.00 น. จำนวนทั้งสิ้น 2,324 คน

กทม.จัดเก้าอี้พักคอย-จัดจุดยืมผ้าถุง-วีลแชร์

โฆษกกทม.กล่าวอีกว่า ได้จัดเตรียมเต็นท์พักคอยบริการประชาชน จัดเก้าอี้นั่งพักคอยรองรับประชาชน 3,000 ตัว และยังมีพื้นที่เพิ่มเติมได้อีก 3,000 ตัว อีกทั้งจัดเตรียมวีลแชร์ 30-40 ตัว เพื่ออำนวยความสะดวกผู้พิการและผู้สูงอายุ รวมถึงจัดให้มีสุขาสำหรับผู้พิการและรถสุขาเคลื่อนที่ 9 คัน ประกอบด้วย จุดตรงข้ามวัดมหาธาตุ 4 คัน จุดถนนหับเผย (ข้างศาลหลักเมือง) 2 คัน จุดพระแม่ธรณีบีบมวยผม 3 คัน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ให้บริการเก็บขยะและแนะนำการแยกขยะทั่วพื้นที่ ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่ช่วยให้ข้อมูลชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยว จัดรถกอล์ฟบริการรับ-ส่งจุดต่างๆ ภายในสนามหลวง พร้อมติดป้ายประชาสัมพันธ์เพื่อให้ข้อมูลด้าน อาทิ แผนที่ จุดบริการและคำแนะนำให้ชัดเจนเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีบริการให้ยืมผ้าถุงสำหรับสุภาพสตรี โดยกทม.จัดให้มีขั้นตอนดังนี้ 1.ผู้รับบริการยื่นบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต ในการลงทะเบียนที่จุดยืมผ้าถุง อุโมงค์หน้าพระลาน 2.เจ้าหน้าที่
ลงทะเบียนและส่งคืนบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต ให้ผู้รับบริการ และ 3.ผู้รับบริการคืนผ้าถุง ที่จุดคืนผ้าถุง บริเวณทางออกประตูวิมานเทเวศร์  ด้านความปลอดภัย จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจร่วมกับตำรวจดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกทั่วพื้นที่ ติดตั้งกล้อง CCTV 200 ตัว จัดจุดบริการทางการแพทย์ 3 จุด บริเวณด้านล่างอุโมงค์พระลาน 1 จุด และด้านบนสนามหลวง 2 จุด มีทีมแพทย์และพยาบาลเดินตรวจตราดูแลด้านสุขภาพประชาชน พร้อมจัดเตรียมรถพยาบาลฉุกเฉินและรถดับเพลิง 3 คัน ประจำศูนย์ใกล้เคียงโดยรอบ

ส่วนการบริการด้านการเดินทาง ขสมก. บริการฟรี จัดรถเชื่อมต่อสถานีขนส่งและจุดสำคัญ 8 เส้นทาง มุ่งสู่สนามหลวงคือ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สายใต้ใหม่ สถานีหัวลำโพง สถานีเอกมัย บางใหญ่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน สถานีขนส่งผู้โดยสาร (หมอชิต 2) Shuttle Bus สถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ท่าพระ สนามไชย สามยอด และสายสีเขียว สยาม วงเวียนใหญ่ รวม 19 คัน เชื่อมต่อเรือโดยสารท่าเรือสะพานผ่านฟ้า 2 คัน และเส้นทางปกติผ่านสนามหลวง 18 เส้นทาง

ใช้เวลาสร้างพระเมรุมาศ9เดือน

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ซาบีดา  ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึง กระทรวงวัฒนธรรมโดยกรมศิลปากร ได้ตรวจความพร้อมของราชรถและพระยานมาศ ให้มีความแข็งแรงและต้องตกแต่งให้สมพระเกียรติ จากนั้นจะเป็นเรื่องการร่างจัดทำแบบพระเมรุมาศ ซึ่งจะใช้เวลาร่างแบบประมาณ 2 เดือน เมื่อร่างแบบเสร็จแล้ว จะนำให้องค์ที่ปรึกษามีพระราชวินิจฉัย จากนั้นจะใช้เวลาก่อสร้างพระเมรุมาศ ประมาณ 9 เดือน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top