กำหนดถวายสักการะพระบรมศพ พระพันปีหลวง 4ช่วงเวลา-8โมงเช้าจนถึง3ท่ม เริ่ม9พ.ย.ณ.พระที่นั่งดุสิตฯ

กำหนดถวายสักการะพระบรมศพ พระพันปีหลวง 4ช่วงเวลา-8โมงเช้าจนถึง3ท่ม เริ่ม9พ.ย.ณ.พระที่นั่งดุสิตฯ

วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

กำหนดถวายสักการะพระบรมศพ
พระพันปีหลวง
4ช่วงเวลา-8โมงเช้าจนถึง3ท่ม
เริ่ม9พ.ย.ณ.พระที่นั่งดุสิตฯ
ผ่านจุดคัดกรอง‘สนามหลวง’
เปิดให้ชมพระบรมมหาราชวัง

กรมสมเด็จพระเทพฯทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ“สมเด็จพระพันปีหลวง”ขณะที่ ราชสกุล พสกนิกร คณะบุคคล หลั่งไหล เข้าถวายสักการะพระบรมศพและลงนาม ถวายความอาลัย ‘สมเด็จพระพันปีหลวง’ด้วยความอาลัย สำนักพระราชวัง กำหนดเส้นทาง และ เปิด 4 ช่วงเวลาให้ประชาชน เข้าถวายสักการะพระบรมศพ“สมเด็จพระพันปีหลวง”บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท อาทิตย์ 9 พ.ย.นี้ 8 โมงเช้า ถึง 3 ทุ่ม หลังพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 15 วัน พร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมพระบรมมหาราชวัง

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน2568 เวลา 7.30 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล เฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ ในการนี้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายภัตตาหารเช้า แด่พระพิธีธรรม ที่สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งเป็นพระพิธีธรรมจากวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ และวัดสระเกศ รวม 8 รูป

การบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในแต่ละวัน จะมีพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนิน หรือเสด็จไปในการบำเพ็ญพระราชกุศล จนครบ 100 วัน แต่ละวันมีการสวดพระอภิธรรม โดยพระพิธีธรรม จากพระอารามหลวง 10 แห่ง ได้แก่ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์ วัดพระเชตุพนวิมล มังคลาราม วัดสุทัศนเทพวราราม วัดจักรวรรดิราชาวาส วัดสระเกศ วัดระฆังโฆสิตาราม วัดประยุรวงศาวาส วัดอนงคาราม วัดราชสิทธาราม และวัดบวรนิเวศวิหาร โดยสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป พระพิธีธรรมแต่ละพระอารามจะใช้ทำนองสวดแตกต่างกัน ปัจุบันมี 4 ทำนอง คือ ทำนองกะ ทำนองเลื่อน ทำนองลากซุง และทำนองสรภัญญะ

วันเดียวกัน เวลา 11.00น.หม่อมเจ้านภดลเฉลิมศรี ยุคล เสด็จไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงเป็นประธานในพิธีรับพระราชทานภัตตาหารเพล แด่พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม พระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งเป็นพระพิธีธรรม จากวัดสุทัศนเทพวราราม 4 รูป และจาก วัดอนงคาราม4 รูป

ทั้งนี้ การสวดพระอภิธรรม เป็นการนำเอาพระอภิธรรมปิฎกมาสวด เพราะคำสอนในพระอภิธรรมนั้น ล้วนเป็นคำสอนเพื่อให้คนที่มีชีวิตอยู่ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท และเป็นการบำเพ็ญกุศลให้กับผู้เสียชีวิต ตลอดจนสืบทอดพระพุทธศาสนาและจารีตประเพณี

ที่ศาลาสหทัยสมาคมฯ และเต็นท์สนามหญ้าข้างอาคารลูกขุนใน พระบรมมหาราชวัง มีคณะบุคคล จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไปทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด แต่งกายด้วยชุดสีดำไว้ทุกข์ เดินทางมาเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พร้อมลงนามถวายความอาลัยในสมุดหลวง เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตลอดทั้งวันด้วยความอาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เพื่อความผาสุขของพสกนิกรชาวไทยตลอดมา

อาทิ ราชสกุลเทพหัสดิน ณ อยุธยา, ราชสกุล เกษมศรี, ราชสกุล ชุมพล, ราชสกุลทินกร, คณะครูและนักเรียน โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ, คณะผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์, สมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากรมการขนส่งทหารบก, กรมบังคับคดี, คณะผู้บริหาร พนักงาน บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน), ประธานกรรมการ บริษัทบางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย, ครอบครัวอภิธนาคุณ เป็นต้น

ด้าน ว่าที่ร้อยตรีหญิง ปัณณทัต ลัดใหม่ อายุ 57 ปี กล่าวว่า ตนเดินทางมาพร้อมสามี คือ นายพงศกร ยุกตะเวทย์ มาจาก จ.ปทุมธานี วันที่รู้ข่าวว่าสมเด็จพระพันปีหลวงสวรรคต ตกใจและเสียใจมาก ถึงแม่จะทราบว่าท่านประชวรอยู่ ตนไม่เคยได้รับเสด็จแม้แต่ครั้งเดียว ในวัยเด็กคุณแม่จะเล่าให้ฟังว่า แม่เคยเย็บผ้าม่านในห้องบรรทมของ“ในหลวง ร.9”และของ”สมเด็จพระพันปีหลวง“

“ส่วนตัวก็ชอบดูข่าวในพระราชสำนักเห็นทั้งสองพระองค์เสด็จไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆทุกวันภาพความทรงจำพระองค์ท่านจะส่งเสริมการสร้างอาชีพ ส่งเสริมการทอผ้าไหม ส่งเสริมผลิตภัณฑ์โอท็อป ตอนนี้ไม่มีภาพนั้นแล้ว มีแต่ลูกของพระองค์ท่านเสด็จไปช่วยเหลือพสกนิกรแทน ครอบครัวเรารักในราชวงศ์ เกิดมาก็เห็นพระองค์ท่านแล้ว วันนี้ตนและสามีตั้งใจมากราบสังการะถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ขอให้พระองค์เสด็จอยู่บนสรวงสวรรค์และมองลงมาคิดว่าพระองค์ท่านไม่ทอดทิ้งประชาชนยังรู้สึกว่าพระองค์ยังมีพระชนชีพอยู่”

ขณะที่ นางวัลงาม นวลอินทร์ ชาวอุบลราชธานีกล่าวว่าช่วงวัยเด็กหมู่บ้านของเราเคยได้มีโอกาสรับเสด็จ“สมเด็จพระพันปีหลวง”เสด็จฯไปทรงเยี่ยมราษฎรที่บ้านเกิดของตน ท่านทรงเห็นว่าพื้นที่ที่เราอยู่แห้งแล้งมาก จึงพระราชทานโอ่งน้ำ ให้แก่ครอบครัวเพื่อใช้เก็บน้ำกินน้ำใช้ได้ตลอดทั้งปี จากนั้นความเป็นอยู่ของชาวบ้านก็ดีขึ้นเรื่อยๆเพราะมีโครงการต่างๆ เข้าไปช่วยแก้ปัญหาความทุกข์ยากของราษฎร ได้อยู่อาศัยด้วยความร่มเย็นเป็นสุข จวบจนถึงปัจจุบันนี้ ถึงแม้มีระบบชลประทานและระบบน้ำประปาดีขึ้นแล้ว แต่ครอบครัวก็ยังเก็บรักษาโอ่งพระราชทานใบนั้นไว้เป็นที่ระลึก ในวันนี้ ตั้งใจเดินทางมากราบสักการะและลงนามถวายความอาลัย ”สมเด็จพระพันปีหลวง“ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานความช่วยเหลือพสกนิกรให้กินดีอยู่ดีมีความสุข

ด้าน นายเฮนรี่ โก๊ะ ชาวเนเธอร์แลนด์สามีของนางวัลงามกล่าวว่าชาวเนเธอร์แลนด์เทิดทูนในหลวงรัชกาลที่ 9และสมเด็จพระพันปีหลวงเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่การเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศเนเธอร์แลนด์โดยมีประชาชนชาวฮอลแลนด์ที่ทราบข่าวต่างพากันไปเฝ้าฯรับเสด็จที่พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัมเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ชาวฮอลแลนด์ยังได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระแงค์ท่านมาโดยตลอดส่งผลให้มิตรภาพของสองประเทศแน่แฟ้นเรื่อยมา ครั้งนี้ตั้งใจมากราบสักการะและลงนามถวายความอาลัยเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระพันปีหลวง ด้วยความซาบซึ้งใจ และขอแสดงความเสียใจกับคนไทยทุกคนในการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้

เวลา10.33น.นางปานี ยาท่อตู้ รองประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและคณะผู้ติดตามไปวางพวงมาลาถวายสักการะเบื้องหน้าพระโกศ พระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเพื่อถวายความอาลัยและพระเกียรติสูงสุด ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมหาราชวัง โอกาสนี้รองประธานประเทศ สปป.ลาวและคณะผู้ติดตามได้ลงนามแสดงความอาลัย ณ อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 ด้วย ทั้งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมมิตรภาพ เสริมสร้างความร่วมมือ และความสัมพันธ์ทวิภาคี อันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รวมทั้งประชาชนทั้งสองประเทศอีกด้วย

ขณะที่ สำนักพระราชวัง ประกาศแจ้ง เรื่อง การถวายสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังว่าตามที่สำนักพระราชวัง ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายหลังจาก การพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 15 วัน โดยจะเปิดให้เข้ากราบถวายบังคมทุกวัน เวลา 09.00 -21.00 น.เริ่มตั้งแต่ วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน2568 เป็นต้นไปนั้น

สำนักพระราชวัง กำหนดให้ประชาชนสามารถเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ใน 4 ช่วงเวลา ดังนั้น ช่วงที่ 1 เวลา 08.00น.-10.45 น. ช่วงที่ 2 เวลา 12.00น.-16.45น. ช่วงที่ 3 เวลา 17.45น.-18.30น. และช่วงที่ 4 เวลา 19.45น.-21.00น.

สำหรับการแต่งกายของผู้ที่จะมาเข้ากราบสักการะพระบรมศพในครั้งนี้ ทางสำนักพะราชวังได้ขอความร่วมมือให้ทุกคนโปรดแต่งกายสุภาพไว้ทุกข์ (สีดำ, ขาว) เสื้อคอปก ไม่แขนกุด ชุดชาวเขาสำหรับชาวเขา ชุดลูกเสือสำหรับลูกเสือ สุภาพสตรีต้องสวมกระโปรงผ้าหรือผ้าถุงเท่านั้น งดสวมกระโปรงยีนส์ หรือกางเกงยีนส์

การเข้ากราบสักการะพระบรม ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ประชาขนทุกคน เมื่อมาถึงบริเวณท้องสนามหลวง จะต้องผ่านจุดคัดกรอง นั่งรอที่เต็นท์พักคอย ที่ กทม.จัดเตรียมเก้าอี้ไว้ให้นั่งพัก จากนั้นเจ้าหน้าที่จิตอาสาจะพาลงไปที่อุโมงค์หน้าพระลาน บริเวณทางเข้าที่ 1 โดยทุกคนจะต้องผ่านการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระ และผ่านเข้าเครื่องสแกน เพื่อถ่ายรูปหน้าเครื่องสแกน เสร็จแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและตรวจสอบเรื่องการแต่งกายให้มีความพร้อมตามระเบียบสำนักพระราชวัง

สำหรับสุภาพสตรีที่ไม่ได้สวมกระโปรงมา จะต้องเปลี่ยนผ้าถุง จุดที่บริการให้ยืมผ้าถุง ที่บริเวณอุโมงค์หน้าพระลาน ทางออก 2 โดยมีขั้นตอนดังนี้ 1.ผู้รับบริการยื่นบัตรประชาชน/พาสปอร์ต ในการลงทะเบียน ณ จุดยืมผ้าถุง อุโมงค์หน้าพระลาน 2.เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนและส่งคืนบัตรประชาชน/พาสปอร์ต ให้ผู้รับบริการ 3.ผู้รับบริการคืนผ้าถุง ณ จุดคืนผ้าถุง บริเวณที่ท่าราชวรดิษฐ์ ทางออกประตูเทวาภิรมย์

จากนั้น จะมีเจ้าหน้าที่พามาที่บริเวณประตูมณีนพรัตน์ พาเดินเลี้ยวซ้าย เลียบกำแพงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ผ่านห้องจำหน่ายบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวัง แล้วเลี้ยวขวาเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เลี้ยวซ้ายเดินเลียบพระระเบียงวัด ฝั่งทิศใต้ ออกประตูศรีรัตนศาสดา เดินผ่านหมู่พระมหามณเฑียร พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้านกำแพงฝั่งทิศตะวันออก ขึ้นกราบพระบรมศพ ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สำนักพระวัง

เสร็จแล้ว เมื่อลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จะเดินออกทางกำแพงแก้วฝั่งทิศตะวันตก เดินออกประตูเทวาภิรมย์ ข้ามไปยังท่าราชวรดิษฐ์ โดยมีจะเจ้าหน้าที่จิตอาสาและเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดรถรางไฟฟ้าให้บริการกลับไปส่งที่สนามหลวง

สำหรับประชาชนที่เดินทางเข้ากราบพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง หลังเวลา 15.30 น.จนถึงเวลา 21.00 น. เมื่อเข้าประตูมณีนพรัตน์ จะเดินเลี้ยวขวา ผ่านแผนกแพทย์หลวง เลี้ยวซ้ายแยกกองรักษาการณ์วิเศษไชยศรี เข้าถนนจักรีจรัล ผ่านประตูพิมานไชยศรี เลี้ยวขวาหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้านกำแพงฝั่งทิศตะวันออก ขึ้นกราบพระบรมศพตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สำนักพระวัง เสร็จแล้ว เมื่อลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จะเดินออกทางกำแพงแก้ว ฝั่งทิศตะวันตก เดินออกประตูเทวาภิรมย์ ข้ามไปยังท่าราชวรดิษฐ์ โดยมีจะเจ้าหน้าที่จิตอาสาและเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดรถรางไฟฟ้าให้บริการกลับไปส่งที่สนามหลวง

นอกจากนี้ สำนักพระราชวังแจ้งว่าสำหรับการเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเข้าชมพระบรมมหาราชวังซึ่งจะกลับมาเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวและประชาชนอีกครั้งระหว่างเวลา 08.30 น.-15.30น.ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.2568 เป็นต้นไป โดยนักท่องเที่ยวที่จะเข้าชมพระบรมมหาราชวังให้เข้าทางประตูมณีนพรัตน์ เดินเลี้ยวซ้าย เลียบกำแพงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซื้อบัตรได้ ที่ห้องจำหน่ายบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวัง แล้วเลี้ยวขวาเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เลี้ยวซ้ายเดินเลียบพระระเบียงวัด ฝั่งทิศใต้ ออกประตูศรีรัตนศาสดา เดินผ่านหมู่พระมหามณเฑียร พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เลี้ยวขวาออกพระประตูพิมานไชยศรี ไปตามถนนจักรีจรัล เลี้ยวซ้ายแยกศาลาลูกขุน เข้าชมพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสร็จแล้ว เลี้ยวขวา ออกประตูวิมานเทเวศร์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top