วันจันทร์ ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เปิดให้ปชช.กราบพระบรมศพ
พระพันปีหลวง
ณ พระที่นั่งดุสิตฯเริ่ม9พ.ย.
สำนักพระราชวังออกประกาศ
แต่งกายสุภาพไว้ทุกข์สีดำ/ขาว
“ในหลวง-พระราชินี” เสด็จฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร(15 วัน) ถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานหนังสือ “สมเด็จแม่กับการศึกษา” และ “เสด็จฯ ดอยฯ” แก่ผู้เข้าร่วมพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ปัณรสมวาร สำนักพระราชวัง เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตฯ เริ่มตั้งแต่ 9 พฤศจิกายน 2568 ขอความร่วมมือให้ทุกคนโปรดแต่งกายสุภาพไว้ทุกข์สีดำ,ขาว เสื้อคอปก
เมื่อเวลา 10.28 น. วันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร (15 วัน) ถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมารและเจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี โดยเสด็จในการนี้ด้วย
ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร
มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยาราชาวดี และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยารอง และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระโกศพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้นบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร แล้วประทับพระราชอาสน์ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายศีล จบแล้ว พระสงฆ์ ๓๐ รูป ถวายพรพระ เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประเคนภัตตาหารแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะ จนครบ 10 รูป ภัตตาหารนอกนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้องคมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ประเคนพระสงฆ์ตามลำดับ
ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทอดผ้าไตรเที่ยวแรก 10 ไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทอดผ้าไตรอีกเที่ยวละ 10 รูป พระสงฆ์สดับปกรณ์ ทรงปฏิบัติเช่นนี้จนครบ 2 เที่ยว ต่อจากนั้น เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ 11 รูปในจำนวน 93 รูป ที่จะสดับปกรณ์เท่าพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์ แล้วสวดมาติกา จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทอดผ้าไตรเที่ยวแรก 11 ไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทอดผ้าไตรอีกเที่ยวละ 11 รูป พระสงฆ์สดับปกรณ์ ทรงปฏิบัติเช่นนี้ จนครบ 2 เที่ยว เสร็จแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงทอดผ้าไตร 10 ไตร อีกจำนวน 6 เที่ยว จนครบ 93 ไตรเท่าพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการหน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร
ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าพระโกศพระบรมศพ จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องบูชากระบะมุกที่หน้าพระแท่นเตียงพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ด้านตะวันออก และด้านตะวันตก ณ มุขเหนือพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร (15 วัน) ถวายพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2568 ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานหนังสือ “สมเด็จแม่กับการศึกษา” และ “เสด็จฯ ดอย จดหมายเหตุรายวันคราประทับภูพิงคราชนิเวศน์ เชียงใหม่ พ.ศ.2513” พระราชทานแก่ผู้เข้าร่วมพระราชพิธีในครั้งนี้ พร้อมกันนี้ พระราชทานภาพพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และภาพการประดิษฐานพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
โดย หนังสือเรื่อง “สมเด็จแม่กับการศึกษา” เป็นพระราชนิพนธ์ ใน สมเด็จพระกนิษฐาธิราช กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระราชนิพนธ์ทรงประสบด้วยพระองค์เอง และเรื่องเก่า ๆ ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเล่าพระราชทานแล้วทรงประทับพระทัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการศึกษา จากความตอนหนึ่งในพระราชนิพนธ์ “สมเด็จแม่กับการศึกษา” ว่า
“...เพื่อนๆ และครูคงจะจำได้ดีว่า ข้าพเจ้าเป็นคนที่เรียนภาษาอังกฤษแย่มากตั้งแต่เด็กๆ ไม่ตั้งใจเรียนและหลบเลี่ยงบ่อยๆ เมื่อถูกจับได้และถูกทูลฟ้องก็ไม่ได้โดนกริ้ว แต่ก็ต้องเรียนพิเศษเพิ่มเติม ที่สำคัญที่สุดคือทรงสอนเอง ให้อ่านหนังสือ และจดศัพท์ที่ไม่ทราบลงในสมุด ตอนหลังคือเมื่อประมาณ พ.ศ. 2507 พระราชทานสมุดให้จด บางทีก็จดพระราชทานด้วย สมุดเล่มนั้นยังอยู่จนทุกวันนี้ ข้าพเจ้าชอบให้มีการสอบเพราะว่าถ้าท่องคำศัพท์ได้ จะได้รับพระราชทานเงินคำละบาท...”
จากพระราชนิพนธ์ดังกล่าวทำให้เห็นถึงพระอุปนิสัยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ว่า ทรงรักการอ่านหนังสือมาก และพระอุปนิสัยรักการอ่านหนังสือได้ถ่ายทอดมายังพระราชโอรส พระราชธิดาทุกพระองค์
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ : กองงานในพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราช กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี #สมเด็จแม่กับการศึกษา #สืบสานรักษาต่อยอด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง การถวายสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง กำหนดให้ประชาชนสามารถเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ใน 4 ช่วงเวลา ดังนี้ ช่วงที่ 1 เวลา 08.00 น.-10.45 น. ช่วงที่ 2 เวลา 12.00 น.-16.45 น. ช่วงที่ 3 เวลา 17.45 น.-18.30 น. และช่วงที่ 4 เวลา 19.45น.-21.00 น. เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 9 พ.ย. 2568
ส่วนการแต่งกายของผู้ที่จะมาสักการะพระบรมศพ ขอความร่วมมือให้ทุกคนโปรดแต่งกายสุภาพไว้ทุกข์ สีดำ,ขาว เสื้อคอปก ไม่แขนกุด ชุดชาวเขาสำหรับชาวเขา ชุดลูกเสือสำหรับลูกเสือ สุภาพสตรีต้องสวมกระโปรงผ้า หรือผ้าถุงเท่านั้น งดสวมกระโปรงยีนส์ หรือกางเกงยีนส์ การเข้ากราบสักการะพระบรม ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ประชาขนทุกคน เมื่อมาถึงบริเวณท้องสนามหลวง จะต้องผ่านจุดคัดกรอง นั่งรอที่เต็นท์พักคอย ที่ กทม.จัดเตรียมเก้าอี้ไว้ให้นั่งพัก จากนั้นเจ้าหน้าที่จิตอาสาจะพาลงไปที่อุโมงค์หน้าพระลาน บริเวณทางเข้าที่ 1 โดยทุกคนจะต้องผ่านการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระ และผ่านเข้าเครื่องสแกน เพื่อถ่ายรูปหน้าเครื่องสแกน เสร็จแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและตรวจสอบเรื่องการแต่งกายให้มีความพร้อมตามระเบียบสำนักพระราชวัง
สำหรับสุภาพสตรีที่ไม่ได้สวมกระโปรงมา จะต้องเปลี่ยนผ้าถุง จุดที่บริการให้ยืมผ้าถุง ที่บริเวณอุโมงค์หน้าพระลาน ทางออก 2 โดยมีขั้นตอนดังนี้ 1.ผู้รับบริการยื่นบัตรประชาชน/พาสปอร์ต ในการลงทะเบียน ณ จุดยืมผ้าถุง อุโมงค์หน้าพระลาน 2.เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนและส่งคืนบัตรประชาชน/พาสปอร์ต ให้ผู้รับบริการ 3.ผู้รับบริการคืนผ้าถุง ณ จุดคืนผ้าถุง บริเวณที่ท่าราชวรดิษฐ์ ทางออกประตูเทวาภิรมย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร (15 วัน) ถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สำนักพระราชวัง ได้เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์พระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมลงนามถวายความอาลัยในสมุดหลวง ณ ศาลาสหทัยสมาคม และสนามหญ้าหน้าศาลาลูกขุนใน พระบรมมหาราชวัง
โดยมี ราชสกุล คณะบุคคล และประชาชนจากทั่วทุกสารทิศทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แต่งกายด้วยชุดดำไว้ทุกข์ และชุดชาติพันธุ์ เดินทางมาเข้าถวายสักการะพระบรมศพพร้อมลงนามถวายความอาลัยในสมุดหลวงเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อย่างต่อเนื่องด้วยความอาลัยและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อพสกนิกรชาวไทยเสมอมา
อาทิ ราชสกุลมนตรีกุล ราชสกุลวัชรีวงศ์ ราชสกุลจรูญโรจน์ ราชสกุลเทพหัสดิน นักเรียนและนักศึกษามูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร คณะครูและนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยม คณะผู้บริหาร บุคลากรทางการแพทย์มูลนิธิเทียนฟ้าและโรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ คณะผู้บริหารและครูโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ระยอง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ครูและลูกเสือเนตรนารีโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว สมาคมนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกาในพระบรมราชูปถัมภ์ นายวราเทพ รัตนากร อดีตนัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มูลนิธิธรรมดี ศิษย์เก่านักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบ รุ่น 71 สมาคมศิษย์เซนต์ฟรังซีสซาเวียร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ คณะครูและนักเรียนโรงเรียนวัดพุทธบูชา เป็นต้น
ด้านนายมาเทียส มาเทียสเซ่น อายุ 59 เดินทางมาจากประเทศเดนมาร์ก พร้อมนางเตือนใจ มาเทียสเซ่น อายุ 49 กล่าวว่า วันนี้ตนมาถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระพันปีหลวง จะจดจำช่วงเวลาประวัติศาสตร์นี้ไว้ ตนรู้สึกเสียใจไม่ต่างกับคนไทยที่สูญเสียแม่ของแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่
ขณะที่นางเตือนใจ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจมากที่พระองค์ท่านจากไป เรารักในหลวง ร.9 รักพระพันปีหลวง เกิดมาเห็นพระองค์ท่านมาโดยตลอด การมาที่นี่ได้มากราบลาพระองค์ท่าน ก่อนที่พวกเราจะเดินทางกลับเดนมาร์กในวันพรุ่งนี้ พวกเรารักมหากษัตริย์ทุกองค์ ทั้งในหลวง ราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ ถึงแม้ตนจะอยู่ต่างประเทศ แต่ภูมิใจที่เรามีพระมหากษัตริย์ไทย อีกทั้งพระราชินีประเทศไทยก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับราชวงศ์เดนมาร์ก
ส่วน น.ส.นราพร ภูงามเขียน อายุ 60 ข้าราชการเกษียณ จาก จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตั้งใจมาถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นโอกาสครั้งหนึ่งที่เราจะได้มาส่งเสด็จท่าน พรุ่งนี้ตนก็จะมากราบพระบรมศพพระพันปีหลวงบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท อีกครั้ง สำหรับพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านที่ตนประทับใจคือทรงส่งเสรืมภูมิปัญญาชาวบ้านจังหวัดกาฬสินธุ์ อย่างผ้าไหมแพรวา มาต่อยอดกลายเป็นมรดกโลก
“พระองค์ทรงเป็นแบบอย่าง เป็นแม่ของชาติ พระองค์ไม่ได้นึกถึงตัวเองเลย นึกถึงแต่ประชาชนเป็นหลักว่าประชาชนจะอยู่อย่างไร จะอิ่มไหม จะสุขไหม ขนาดท่านป่วยท่านแพ้ฝุ่นจนพยาบาลต้องขอให้พัก ท่านจะไม่ยอม ท่านบอกว่าประชาชนรออยู่ และในช่วงที่เกิดวิกฤตคอมมิวนิสต์ในไทย ท่านก็ไปหาประชาชนถึงที่“ น.ส.นราพร กล่าว