เปิดให้กราบพระบรมศพวันแรก  พระพันปีหลวง  ประชาชนถวายอาลัยเนืองแน่น

เปิดให้กราบพระบรมศพวันแรก พระพันปีหลวง ประชาชนถวายอาลัยเนืองแน่น

วันจันทร์ ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

เปิดให้กราบพระบรมศพวันแรก

พระพันปีหลวง

ประชาชนถวายอาลัยเนืองแน่น

ด้วยความอาลัย-เทิดทูนยิ่ง

ประดุจดังแม่ของแผ่นดิน

ประชาชนเข้าถวายบังคมพระบรมศพ “สมเด็จพระพันปีหลวง” บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทวันแรก ซาบซึ้งได้รับเป็นคนไข้ ในพระราชูปถัมภ์จนรอดชีวิตถึงวันนี้

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งเป็นวันแรกที่สำนักพระราชวัง เปิดให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าเข้าถวายบังคมพระบรมศพ หน้าพระบรมโกศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เป็นวันแรก โดยกำหนดให้ประชาชนสามารถเข้าถวายบังคมพระบรมศพ ได้ใน 4ช่วงเวลา ดังนี้ ช่วงที่1 เวลา 08.00 น.-10.45 น. ช่วงที่ 2 เวลา 12.00 น.-16.45 น. ช่วงที่ 3 เวลา 17.45 น.-18.30 น. และช่วงที่ 4 เวลา 19.45น.-21.00น.โดยมีประชาชนทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จำนวนมากแต่งกายสุภาพด้วยชุดสีดำไว้ทุกข์ ผ่านจุดคัดกรองแรกที่ท้องสนามหลวง แล้วเดินทางมาเข้ายังประตูมณีนพรัตน์ แล้วเดินไปตามพระระเบียง ออกประตูศรีรัตน์ เลี้ยวขวาแล้วเดินตรงเข้าประตูพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยเช้าวันนี้ ภายหลังเสร็จพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม พระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รับพระราชทานภัตตาหารเช้าเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ได้เปิดให้ประชาชนเข้าถวายบังคมพระบรมศพ หน้าพระบรมโกศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ก่อนเวลา เริ่มตั้งแต่ 08.00น.เพื่อเข้าถวายสักการะด้วยความอาลัยและเทิดทูนยิ่งประดุจดังแม่ของแผ่นดิน โดยมีเจ้าหน้าที่และจิตอาสาฯคอยดูแลตลอดเส้นทาง

ด้าน นางประวิง ศรพิชัย อายุ 86 ปี ชาว ต.ห้วยปริก อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวภายหลังเข้าถวายบังคมพระบรมศพ “สมเด็จพระพันปีหลวง” บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ว่า เมื่อปี 2524 ตนเดินทางมารับเสด็จฯในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระพันปีหลวง ที่วังสวนจิตรฯ พระองค์ทราบว่าตนป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก จึงรับไว้เป็นคนไข้ในพระราชูปถัมภ์ แล้วส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

“รู้สึกภูมิใจมากที่พระองค์รับเป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ได้รับการรักษาจนมะเร็งปากมดมูกระยะที่ 2 ขณะนี้มะเร็งหายดีมา 40 กว่าปีแล้ว โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเลย พระองค์ท่านดูแลเป็นอย่างดีมากๆและพระราชทานเงินให้ใช้จ่ายด้วย ถ้าพระองค์ท่านไม่ช่วยเหลือยายก็คงตายไปแล้ว สำหรับความรู้สึกหลังจากที่ทราบว่าพระองค์สวรรคตก็รู้สึกเสียใจมาก ขอให้พระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัย วันนี้ภูมิใจมากที่ได้เดินทางมากราบลาพระองค์ท่าน ซึ่งยายจะสวดมนต์ทุกวันมาเป็น 10 ปีแล้วและนุ่งขาวห่มขาวเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระพันปีหลวงและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงให้ความเมตรตาช่วยเหลือจนรอดตาย“ คุณยายประวิง กล่าวด้วยความซาบซึ้ง

นางสาววรรณี ศรีอรัญ อายุ 52 ปี ชาว จ.นราธิวาส กล่าวภายหลังเข้าถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระพันปีหลวง ว่า ตนป่วยเป็นเนื้องอกไขสันหลังทับเส้น ตั้งแต่อายุ 11ปี ตนเดินทางไปรับเสด็จ ในหลวงรัชกาลที่ 9 สมเด็จพระพันปีหลวง และกรมสมเด็จพระเทพฯ ที่เสด็จฯไปทรงเยี่ยมราษฎร์ ในจังหวังหวัดนราธิวาส ทรงรับตนไว้เป็นคนไขในพระบรมราชานุเคราะห์และสมเด็จพระพันปีหลวง คอยดูแลส่งตัวตนมารักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ กทม.

“รู้สึกซาบซึ้งใจมากตอนไปรับเสด็จฯในหลวง ร.9 ท่านเดินมาจับที่แขนแล้วถามอาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะส่งตัวมารักษา หมอส่วนใหญ่บอกว่าตนไม่รอด ก็ดีใจมากที่รอดชีวิตมาได้ 41 ปีแล้ว หลังได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ตอนที่ในหลวง ร.9 เสด็จสวรรคตตนก็บวชชีปฏิบัติธรรม ถวายเป็นพระราชกุศล และวันนี้ภูมิใจมากที่ได้เดินทางมาถวายบังคมพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวง ก็จะขอตอบแทนพระองค์ด้วยการคิดดี ทำความดีถวายสมเด็จพระพันปีหลวงเพื่อตอบแทนพระองค์ท่าน“ นางสาววรรณี เล่าทั้งน้ำตาแห่งความอาลัย

เวลา 11.30น.คณะผู้แทนจากสาธารณรัฐออสเตรีย นายทหารชั้นผู้ใหญ่จากกองทัพออสเตรีย จากนานาประเทศ และชาวไทย ดร.โสภิตา ชาญวิชัย ทูตผู้แทนเครื่องอิสริยาภรณ์เซนต์สตานิสลาส ประจำประเทศไทย และในฐานะนายกสมาคมเพื่อนไทยในออสเตรีย รวม 40 คน เดินทางมาเฝ้าฯ ถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง นำโดย นายบารอน อเล็กซานเดอร์ กราฟ เดอ แพงโซวา อัศวินผู้ใหญ่แห่งออสเตรีย และมหาเสนาบดีแห่งภาคี

บารอน อเล็กซานเดอร์ กราฟ เดอ แพงโซวา กล่าวว่า ตนและคณะฯ เดินทางมาไทยเพื่อร่วมพิธีถวายเครื่องอิสริยาภรณ์ และพิธีสถาปนาอัศวินอันทรงเกียรติแห่งภาคีอัศวินนักบุญสตานิสลาส ที่พระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2568 ที่ผ่านมา ตามกำหนดการเดิมในวันนี้ ตนและคณะจะเข้าศึกษาดูงาน ณ พระบรมมหาราชวัง และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จึงได้เพิ่มเติมการพาคณะเข้าเฝ้าฯกราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

ทั้งนี้ ก่อนการเดินทางมาประเทศไทย ตนได้รับพระราชสาสน์แสดงความเสียพระราชหฤทัย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต จากเจ้าชายซานดอร์ ฮับส์บวร์ก-โลธริงเงน ผู้สืบเชื้อสายแห่งราชวงศ์ฮับส์บวร์ก เหลนในสมเด็จจักรพรรดิฟรันซ์ โยเซฟ แห่งออสเตรีย วันนี้ จึงได้นำพระราชสาสน์ฉบับดังกล่าวมามอบให้สำนักพระราชวัง เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

“รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เข้ามากราบพระบรมศพ สมเด็จพระพันปีหลวง ไทยและออสเตรียมีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่แน่นแฟ้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จฯ ประพาสออสเตรเลีย 2 ครั้ง ทรงมีไมตรีกับกษัตริย์ฟรันซ์ โยเซฟ อีกทั้งในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระพันปีหลวง เสด็จฯ ออสเตรเลีย 2 ครั้ง ตนและชาวออสเตรเลียมีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จ และให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ยังเป็นภาพในความทรงจำ หลังสวรรคตรู้สึกเสียใจ พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระพันปีหลวง เป็นที่รับรู้ทั่วโลก ทรงงานหนักเพื่อพัฒนาประเทศชาติ และช่วยเหลือชาวไทยให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตนมาเป็นตัวแทนชาวออสเตรีย เพื่อแสดงความอาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้” บารอน อเล็กซานเดอร์ กราฟ เดอ แพงโซวา กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top