แผงค้าสลากย่านสี่แยกคอกวัว ถ.ราชดำเนิน (14 ก.ค. 2557)
ราชดำเนิน..ถนนสายประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของไทย ที่แห่งนี้มิได้เป็นเพียง “ถนนการเมือง” อันเป็นจุดชุมนุมประท้วงของกลุ่มต่างๆ เท่านั้น แต่ยังถือเป็นย่านค้าขายเก่าแก่ โดยเฉพาะบริเวณสี่แยกคอกวัว เป็นพื้นที่จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล (ล็อตเตอรี่) ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทยมาหลายสิบปี
ทว่าไม่กี่สัปดาห์ก่อน กทม. มีนโยบาย “จัดระเบียบถนนราชดำเนิน” ให้บรรดาผู้ค้าสลากบริเวณสี่แยกคอกวัว ย้ายออกจากพื้นที่ไปขายยังพื้นที่ 2-3 จุด เช่นตรงข้ามตลาดบองมาร์เช่ (ใกล้วัดเสมียนนารี) , สนามบินน้ำ (จ.นนทบุรี) และตรงข้ามตลาดราษฎร์บูรณะ เนื่องจากมองว่า ถ.ราชดำเนิน ที่เป็นหน้าตาของประเทศ เต็มไปด้วยแผงค้าที่แออัด
ขีดเส้นตาย 16 ก.ค. 2557 (วันนี้) ปิดตำนาน “แหล่งหวย ณ ราชดำเนิน”!!!
14 ก.ค. 2557 “สกู๊ปหน้า 5” ออกสำรวจพื้นที่ สิ่งที่เห็นคือความรู้สึก “เคว้งคว้าง-ไม่มั่นใจ” ของเหล่าผู้ค้าสลาก ทั้งรายใหญ่ที่ตั้งแผงบริเวณสี่แยกคอกวัว และรายย่อยที่มาซื้อสลากเป็นชุดไปเดินเร่ขายต่อ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความผูกพันและเคยชิน ขณะที่อีกส่วน กังวลว่าที่ใหม่อาจขายไม่ดี และต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ในราคาแพง
“พวกกินเงินเดือนน่ะไม่ตาย แต่คนอย่างเราน่ะจะตาย เขาให้พื้นที่สำรองที่บองมาร์เช่ ก็ไม่รู้ว่าจะไปแย่งที่เขาหรือเปล่า? หรืออย่างสนามบินน้ำ เราไปแล้ว มันต้องใช้เงินเยอะ คนไม่มีเงินเขาจะมีปัญญาไหม? คุณไม่ทำธุรกิจนี้ คุณไม่รู้หรอกว่าประชาชนเดือดร้อน”
แม่ค้าสลากรายหนึ่ง กล่าวกับเราด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ หลังได้ฟังคำสั่งของ กทม. ให้ย้ายแผงค้าสลากออกไปทั้งหมด โดยกังวลอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.พื้นที่ดังกล่าวมีตลาดประจำ มีผู้ค้าและลูกค้าประจำอยู่แล้ว การย้ายไปจะคุ้มค่าการลงทุนหรือไม่ เพราะต้องไปแข่งกับเจ้าถิ่นที่ลูกค้าคุ้นเคยแล้ว และ 2.ค่าเช่าแผง แม้จะเป็นค่าเช่าระยะยาว แต่ปัญหาคือต้องใช้เงินสดราว “1 แสนบาท” เป็นค่าเปิดแผง ซึ่งสำหรับผู้ค้ารายย่อย เงินจำนวนนี้ถือว่าไม่ใช่น้อยๆ เลย
“ถ้าเราไม่มีรายได้เพิ่ม เราก็เดือดร้อนนะ รายจ่ายเรามีเยอะ ถ้ามีที่ขาย คนก็ตามไป อันนี้เขาพูดถูก แต่เดือดร้อนระยะแรกแน่ๆ คือค่าใช้จ่ายและภาระที่เรามีอยู่ กว่าจะได้ขาย แต่ละเดือนมันมีค่าใช้จ่ายไง แล้วจะทำไง? จะไล่พวกเราไปไหน? อย่างที่สนามบินน้ำ เซ้งที่ทีละเป็นแสน คือมันก็ระยะยาวนะ 8 ปี แต่มันก็ใช้เงินก้อน ไหนจะค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน ค่ากิน แต่ละวัน มันกระทบรุนแรง” แม่ค้ารายนี้ ที่ย้ำว่าตนนั้นอยู่ ณ สี่แยกคอกวัวมากว่า 10 ปี กล่าว
เช่นเดียวกับ ลำเพลิน สาวใหญ่วัย 45 ปี จาก จ.เลย เมืองที่มีคนขายล็อตเตอรี่มากที่สุดของไทย ระบุว่า ตนยึดอาชีพเดินเร่ขายสลากมากว่า 20 ปี โดยมาซื้อไปตระเวนขายต่อย่านปทุมวัน-ห้างมาบุญครอง รู้สึกผูกพันกับสถานที่แห่งนี้ และกังวลว่า หากแผงค้าสลากขนาดใหญ่ ย้ายจากสี่แยกคอกวัวไปยังจุดอื่นๆ เช่น สนามบินน้ำ ตนจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปซื้อสลากมากขึ้น
“มันไกลนะ เราไม่อยากไปไกล ค่าใช้จ่ายมันก็เพิ่มเข้าไปอีก ปกติมาซื้อที่นี่ (สี่แยกคอกวัว) นั่งแท็กซี่มาจากบ้านประมาณ 60 บาท ไปกลับก็ร้อยกว่าบาท แต่ถ้าไปสนามบินน้ำหรือบองมาร์เช่ รวมๆ กันจะเป็น 400 บาท เพราะเคยไปมาแล้ว” พี่ลำเพลิน ระบุ
นอกจากผู้ค้าสลาก ทั้งที่ตั้งแผงขาย และที่เป็นผู้ค้ารายย่อยมารับไปขายต่อแล้ว อีกอาชีพหนึ่งที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจย่านนี้ด้วยคือ “มอเตอร์ไซค์รับจ้าง” เพราะผู้ค้าสลากจำนวนมากอยู่ในวัยกลางคนจนถึงผู้สูงอายุ ย่อมไม่สะดวกในการเดินเท้าไกล จึงมักจ้างวินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งยังที่พัก หรือจุดจำหน่ายรายย่อยของตนเสมอ
กฤษ หนุ่มวินมอเตอร์ไซค์ในบริเวณดังกล่าว มองว่า การที่มีแผงค้าสลากย่านสี่แยกคอกวัว ด้านหนึ่งเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของหลากหลายอาชีพ รวมถึงผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง โดยวันที่ทำรายได้มากสุด คือวันหวยออก ( วันที่ 1 และ 16 ของเดือน) และวันเปิดจำหน่ายสลากงวดใหม่วันแรก (วันที่ 2 และ 17 ของเดือน) แต่อีกด้านหนึ่ง ก็ยอมรับว่าการแผงค้าตั้งติดกันมากเกินไป ทำให้ดูแออัด จนอาจกระทบต่อผู้ที่เดินผ่านไปมาได้
“ข้อดีคือวินมอเตอร์ไซค์ก็มีรายได้ คนขายล็อตเตอรี่ก็ได้อยู่ใกล้บ้าน แต่ข้อเสียคือมันก็ดูไม่สวยงาม ปกติแล้ววันที่ได้รายได้เยอะสุด คือวันหวยออกกับวันเปิดตลาด คือคนจะเยอะมาก คือคนขายของก็เยอะไป แต่ถ้าย้ายก็จะกระทบกับคนขาย เขาจะต้องเดินทางไกล ลำบาก” หนุ่ม จยย. รับจ้าง รายนี้ ให้ความเห็น
ภายหลังการเดินสำรวจ แน่นอนส่วนใหญ่ไม่อยากย้ายไปไหน ทั้งนี้ผู้ค้าบางราย ตลอดจนผู้ประกอบอาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เสนอแนะว่า อยากได้มาตรการแบบ “พบกันครึ่งทาง” คือจากเดิมที่แผงค้าวางกันไม่เป็นระเบียบตลอดแนวทางเท้า ก็ให้เปลี่ยนเป็นการวางเป็นทางยาวแนวเดียวกัน ในลักษณะชิดขอบฝั่งใดฝั่งหนึ่ง คล้ายกับจุดผ่อนผันหาบเร่แผงลอยในหลายพื้นที่
และหากพื้นที่ริมทางเท้าไม่พอ อาจขยับให้เข้าไปอยู่ตามตรอกซอกซอยต่างๆ โดยรอบ ซึ่งผู้ค้าจะไม่ต้องไปเริ่มต้นยังพื้นที่ใหม่ด้วยความกังวลถึงความไม่แน่นอนของรายได้ ขณะที่ผู้ใช้ทางเท้าก็ยังมีพื้นที่พอสำหรับการสัญจรไปมา ตลอดจนรอรถประจำทางได้อีกด้วย ล่าสุดกลุ่มผู้ค้าสลาก ประกาศนัดรวมตัวเพื่อยื่นข้อเรียกร้องและเจรจากับ กทม. เช้าวันที่ 17 ก.ค. 2557 นี้
ส่วนผลจะเป็นอย่างไร? โปรดติดตาม!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี