วันศุกร์ ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / สกู๊ปพิเศษ
"ความต้องการ..VS..จริยธรรม" ปัญหา"อุ้มบุญ-ขายไข่-สเปิร์ม"

"ความต้องการ..VS..จริยธรรม" ปัญหา"อุ้มบุญ-ขายไข่-สเปิร์ม"

วันพุธ ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557, 02.00 น.
Tag :
  •  

การเกิด..คำๆ นี้อาจถือเป็น “เรื่องมหัศจรรย์” อย่างหนึ่งของคนเราก็ว่าได้ เห็นได้จากศาสนาต่างๆ มักมองว่าการได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นไม่ง่าย และถือว่าการเกิดเป็นมนุษย์คือการได้รับโอกาสในการเลือกชะตากรรมของตน เพราะมนุษย์นั้นถือเป็นสายพันธุ์เดียวบนโลกใบนี้ที่มีสติปัญญาเพียงพอที่จะทำเช่นนั้นได้ ขณะเดียวกัน เหตุแห่งความแตกต่างของมนุษย์ทั้งด้านร่างกายและชาติกำเนิดของแต่ละคน ถือเป็นเรื่องที่ยังผูกติดกับอำนาจลี้ลับที่รอการพิสูจน์

ทว่าในปัจจุบัน ความเชื่อดังกล่าวกำลังถูกท้าทาย เมื่อมนุษย์ได้พัฒนาสิ่งที่เรียกว่า “เทคโนโลยี” ให้เจริญก้าวหน้า บทบาทการควบคุมและคัดเลือกของธรรมชาติลดลงจากวิทยาการทางการแพทย์ มนุษย์มีชีวิตยืนยาวขึ้น โรคภัยร้ายแรงต่างๆ มีทางรักษามากขึ้น


เช่นกัน..แม้แต่การเกิด มนุษย์ก็ยังสามารถสร้างสรรค์ได้เอง!!!

ในอดีตหากใครมีบุตรยากก็แทบจะต้องบอกว่า “ปลง” แต่ในยุคนี้เราเทคโนโลยีผสมเทียม หรือที่เรียกกันติดปากว่า “เด็กหลอดแก้ว” (In-vitro Fertilization , IVF) หมายถึงการนำไข่และอสุจิมาผสมกันให้เกิดการปฏิสนธิภายนอกร่างกายในห้องปฏิบัติการ จากนั้นจึงจะนำไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว (ตัวอ่อน) ย้ายกลับเข้าไปในมดลูกของฝ่ายหญิงเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ต่อไป หรือถ้าฝ่ายหญิงร่างกายไม่พร้อมจะมีบุตร ก็อาจให้หญิงอื่นอุ้มท้องแทนได้

ซึ่งเรียกว่า “อุ้มบุญ” ที่กำลังเป็นเรื่องอยู่ในขณะนี้!!!

ตาม ประกาศของแพทยสภา ฉบับที่ 1/2540 และฉบับที่ 21/2545 ระบุว่าผู้ที่จะอุ้มท้องแทน จะต้องเป็นหญิงที่ผ่านการคลอดบุตรมาแล้ว มีอายุที่เหมาะสม (20-34 ปี) สุขภาพแข็งแรงเพื่อให้การคลอดบุตรง่าย ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตนเองและทารกที่เกิดมา

อีกทั้งหญิงที่จะอุ้มบุญ ต้องเป็นญาติโดยสายเลือด แต่มิใช่บุพการี หรือผู้สืบสันดานของทั้งสามีและภรรยาผู้ประสงค์จะมีบุตร และต้องไม่เป็นไปในลักษณะเลือกเพศ หรือทำในเชิงพาณิชย์ที่มีการจ่ายสินจ้างรางวัลให้หญิงที่มาตั้งท้องแทน

ทว่าที่กำลังเป็นประเด็นร้อน..เพราะมีการบอกเล่ากันในหมู่ชาวต่างชาติที่มีบุตรยาก หนุ่มโสด-สาวโสด หรือแม้กระทั่งคนรักเพศเดียวกันที่อยากมีบุตร ว่าประเทศไทย “จัดให้ได้” หากต้องการ!!!

สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) เคยเสนอข่าวว่าด้วยบริการ “ขายไข่-ขายสเปิร์ม-อุ้มบุญ” ในประเทศไทย โดยระบุว่า ชาวจีนทั้งจากแผ่นดินใหญ่และเกาะฮ่องกง นิยมเดินทางเข้ามารับบริการผสมเทียมกับสถานพยาบาลของไทยกันมาก เพราะมีราคาถูกกว่าชาติอื่นๆ ที่รับทำอย่างสหรัฐอเมริกาหรือแอฟริกาใต้ ถึงขนาดที่มีการโฆษณาแพ็คเกจต่างๆ พร้อมระบุค่าใช้จ่ายตลอดงานกันเป็นล่ำเป็นสัน “คุณสามารถเลือกเพศเด็กได้ตามต้องการ เพียงจ่ายตั้งแต่ราว 3 แสน-1ล้านบาท” ว่ากันว่าผู้จัดแพ็คเกจนี้ ฟันรายได้ไปทั้งปีถึง 150 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 4,800 ล้านบาทเลยทีเดียว

สอดคล้องกับการเปิดเผยของ นายธาตรี เชาวชตา ผู้อำนวยการกองสัญชาติและนิติกร กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ที่ระบุว่า หากนับตั้งแต่ปลายปี 2556 ที่ผ่านมา พบเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญเชื้อสายอิสราเอล แต่มีหญิงไทยเป็นคนอุ้มบุญ ตกค้างในประเทศไทยถึง 50 รายเพราะติดปัญหาเรื่องการขอสัญชาติ นอกจากนี้ยังพบอีกว่า บางรายนั้นผู้จ้างวานให้อุ้มบุญนั้นเป็นคู่รักเพศเดียวกันแบบชายรักชาย

พร้อมแสดงความกังวล..ว่าสุ่มเสี่ยงต่อประเด็นค้ามนุษย์หรือไม่?

นางวิสา เบ็ญจะมโน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (รับผิดชอบปัญหาสิทธิเด็กและสตรี) ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า บริการเหล่านี้จะกลายเป็นการค้ามนุษย์หรือไม่? ต้องดูกันเป็นรายๆ ไป โดยยึด 3 องค์ประกอบ “ซื้อขาย-นำพา-แสวงหาประโยชน์” เช่นหากมีการซื้อขายเด็ก มีการนำพาเด็กไปด้วยการลักพาตัว ข่มขู่บังคับ กักขังหน่วงเหนี่ยว และใช้เด็กนั้นเพื่อแสวงหาประโยชน์ (เช่นเป็นแรงงานหรือค้าบริการทางเพศ) จึงจะถือว่าเข้าข่ายค้ามนุษย์ได้

“ถ้าเป็นการรับซื้อไว้ นำพาไป มีการแสวงหาประโยชน์ มันก็อาจจะตีความเป็นเรื่องค้ามนุษย์ได้บ้าง เรากำลังพูดเรื่องอุ้มบุญ ถ้าเอาไข่กับอสุจิของคู่สมรสไปฝากให้คนอื่นอุ้ม แล้วเอาไปเลี้ยงดู ให้ความรักความอบอุ่นที่เพียงพอ แล้วก็จริงๆ เด็กก็คือลูกของเขาซึ่งมาฝากในท้องของคนอื่น อันนี้ไม่เข้าข่ายค้ามนุษย์” คุณวิสา กล่าว

ประเด็นต่อมา..เหตุใดการกำหนดผู้ที่จะมาอุ้มท้องแทน ควรเป็นหญิงที่เป็นญาติกับผู้ร้องขอให้อุ้มบุญ มากกว่าที่จะเป็นคนนอกนั้น กรรมการสิทธิฯ รายนี้ อธิบายว่า ตามหลักสิทธิเด็กแล้ว เด็กย่อมมีสิทธิที่จะได้รับความรักความอบอุ่น ซึ่งหากผู้อุ้มท้องแทนเป็นเครือญาติ ความรู้สึกผูกพันมักจะมีมากกว่าคนนอกเป็นธรรมดา

เว้นเสียแต่หญิงที่ต้องการมีบุตรนั้นจะไม่มีญาติที่เป็นหญิงซึ่งพอจะตั้งท้องแทนได้ จึงให้ใช้หญิงอื่นอุ้มบุญได้ แต่ถึงกระนั้นก็ควรเป็นหญิงที่เป็นคนที่รู้จักคุ้นเคยกันดีกับพ่อแม่ตัวจริงและผ่านการมีบุตรมาแล้ว เพื่อจะได้เข้าใจถึงความรู้สึกของการเป็นแม่

“เราต้องนึกถึงเด็ก คือการอุ้มบุญมันก็สับสนแล้ว ปกติคนที่อุ้มท้องควรจะเป็นแม่ ตามกฎหมายนี่ไข่กับอสุจิถือเป็นของพ่อแม่ที่แท้จริง ฉะนั้นถ้าญาติอุ้มแทนสำหรับคนที่มีบุตรยากจริงๆ มันยังมีสายสัมพันธ์และความรู้สึกสนิทสนมกันอยู่” กรรมการสิทธิฯ รายนี้ ระบุ

อีกกรณีที่อาจจะใกล้เคียงกัน และเป็นกระแสที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน คือหญิงบางคนไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีคู่สมรส แต่อยากมีบุตร จึงไปขอซื้อหรือบริจาคอสุจิ (สเปิร์ม) จากชายที่เรียกว่า “พ่อพันธุ์ชั้นเยี่ยม” ประเภทหน้าตาดี สติปัญญาเฉลียวฉลาด ร่างกายแข็งแรง ฯลฯ มาผสมกับไข่ของตนเองเพื่อตั้งครรภ์นั้น

คุณวิสา มองว่า ด้านหนึ่งเด็กยังได้รับความรักจากแม่เพราะอย่างไรก็เป็นไข่ของตนเองและตั้งครรภ์ด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม ก็อดเป็นห่วงเด็กที่เกิดมาไม่ได้ เพราะแม้เด็กที่เกิดมาจะมีแม่แท้ๆ ดูแลตามกฏหมาย แต่ลึกๆ แล้วเด็กย่อมเกิดความสงสัยว่าเหตุใดตนจึงเกิดมาแล้วไม่มีพ่อ

“เรื่องนี้จริงๆ มันก็พอไปได้ แต่สิทธิเด็ก โอกาสที่เขาจะรู้ว่าใครเป็นพ่อล่ะ? เขาจะรู้ไหม? เพราะสิทธิเด็กนั้นเขาควรจะรู้จักว่าใครคือพ่อแม่ ฉะนั้นเขาก็จะรู้ว่าเขามีแม่ แต่อันนี้ยังรู้สึกว่าเบานะ เพราะแม่เป็นคนอุ้มท้องเอง อำนาจปกครองตามกฎหมายยังเป็นของแม่ แต่อย่างน้อยเด็กก็จะรู้สึกว่าขาดพ่อ”

เช่นเดียวกันกับกรณีคู่รักเพศเดียวกันที่อยากมีบุตร ไม่ว่าจะเป็นคู่รักแบบหญิง-หญิง ที่ต้องไปหาอสุจิของชายมาผสมกับไข่ของตนเพื่อตั้งครรภ์ หรือคู่รักแบบชาย-ชาย ที่ต้องนำอสุจิของตนไปผสมกับไข่ของหญิงที่รับอุ้มท้องให้ คุณวิสา ย้ำว่า คำว่า “ครอบครัว-พ่อแม่ลูก” เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าองค์ประกอบนี้มีปัญหาอาจกระทบต่อเด็กได้ ดังนั้นแนะนำว่าหญิงโสด-ชายโสดก็ดี หรือคู่รักเพศเดียวกันก็ดี หากต้องการมีบุตรจริงๆ ควรรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงจะดีกว่า อย่างน้อยเด็กที่รับมาเลี้ยง ก็ยังได้รู้ว่านี่มิใช่พ่อแม่จริงๆ ของตน

“ถ้าความสัมพันธ์ของครอบครัวมันหมายถึงพ่อแม่ลูก ถ้าไม่ครบองค์ประกอบ ไม่จำเป็นก็ไม่ควรทำ ก็ไปขอในลักษณะอื่น เช่นขอเด็กมาเลี้ยง อาจจะเป็นญาติหรือเด็กที่ถูกทอดทิ้งน่าจะดีกว่า คือถ้าจะใช้ไข่คนอื่น สเปิร์มคนอื่น ไปขอเด็กมาเลี้ยงจะดีกว่า เพราะเด็กก็จะรู้ว่าเขาไม่ใช่ลูก พ่อแม่บุญธรรมที่รักเขาโดยที่ไม่ใช่ลูก รักเขาได้เสมือนลูก เด็กควรจะรู้ว่านี่คือพ่อแม่บุญธรรมแต่ใส่ใจเขา รักเขา แบบนี้สัมพันธภาพของครอบครัวก็จะโอเค” กรรมการสิทธิฯ รายนี้ ฝากทิ้งท้าย

จากเหตุการณ์ที่ชาวออสเตรเลียมาจ้างหญิงไทยอุ้มบุญ แล้วทอดทิ้งเด็กที่เกิดมามีสติปัญญาบกพร่องไว้ไม่รับกลับไป ตลอดจนกรณีอื่นๆ เช่นการพบเชื้อเอดส์ (HIV) ในอสุจิของชาวต่างชาติที่บริจาคให้หญิงที่ต้องการมีบุตรนำไปใช้ผสมกับไข่ ทำให้มาตรการจัดระเบียบการให้กำเนิดด้วยเทคโนโลยีถูกพูดถึงอีกครั้ง

ล่าสุด 14 ส.ค. 2557 นี้ แพทยสภาจะจัดประชุมคณะกรรมการ เพื่อกำหนดความชัดเจนในประเด็นดังกล่าวอย่างละเอียดทุกแง่มุม ทั้งการรับจ้างเลือกเพศ-การอุ้มบุญที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งกลุ่มรักเพศเดียวกัน และกลุ่มคนโสดที่อยากมีบุตร เพื่อป้องกันการใช้เทคโนโลยีช่วยอนามัยเจริญพันธุ์ในทางที่ผิด

ถึงกระนั้น..นี่อาจเป็นอีกครั้งที่แม้มีประกาศข้อบังคับ แต่ยังมีคนอีกมากที่พร้อมจะ “ยินดีจ่าย” เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ แม้จะหมิ่นเหม่ต่อทั้ง “กฏหมาย-จริยธรรม” ก็ตาม!!!

SCOOP@NAEWNA.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'ธัญญ่า อาร์สยาม' เค้ากำลังเตรียมคัมแบ็ค ส่งเพลงใหม่ตอนผัวหลับ!'บักหล่าครับ'

เปิดฤดูกาล'Mister International Thailand 2025'เวทีประกวดผู้ชายที่เร้าใจที่สุดแห่งปี49หนุ่มฝ่าด่านรอบแรก

'แมท ภีรนีย์'เผยตั้งครรภ์แล้ว 3 เดือน ขอบคุณหมอทำให้ความฝันกลายเป็นจริง

'บอม ธนิน'เปิดแผลเป็นในใจถูกผู้ใหญ่ยี้ชาวเน็ตเหยียบย่ำต้องพึ่งจิตแพทย์

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved