วันอังคาร ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / สกู๊ปพิเศษ
ปั้น‘นักกฎหมายการเงิน’ เตรียมพร้อมรับกระแสอาเซียน

ปั้น‘นักกฎหมายการเงิน’ เตรียมพร้อมรับกระแสอาเซียน

วันพฤหัสบดี ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558, 02.00 น.
Tag :
  •  

‘อาจารย์เต้’ สิทธิภาคย์ ภูริสินสิทธิ์

“เศรษฐกิจ” หรือเรื่องเงินๆ ทองๆ แม้เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเราทุกคน แต่ความรู้ในด้านนี้สำหรับคนไทยแล้ว ยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศ กระทั่งคนในแวดวงกฎหมายก็เช่นกัน ทั้งที่ทุกวันนี้เป็นยุค “โลกไร้พรมแดน” การลงทุนเกิดขึ้นและเคลื่อนไหวไปมาทุกที่ ล่าสุดเหลืออีกเพียงไม่นาน เราก็จะเข้าสู่ “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” (AEC) กันแล้ว ทว่าประเทศไทยกลับมี “ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายการเงิน” อยู่ไม่มากนัก

เป็นข้อจำกัดสำคัญ..ที่กระทบต่อศักยภาพในการแข่งขันระดับนานาชาติ!!!


“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมได้เห็นมุมมองของคนทั่วไปที่มักมองคนที่สำเร็จการศึกษาในคณะนิติศาสตร์ ว่าสามารถทำงานได้อยู่เพียงไม่กี่อาชีพ อาทิ อัยการ ผู้พิพากษา หรือ ทนายความ แค่นั้น แต่พวกเขากลับลืมไปว่า การเรียนวิชากฎหมายนั้น ก็เพื่อเป็นการทำให้กฎหมายสามารถสอดรับกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป

และยิ่งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่มีความหมายถึงเรื่องของการค้า การเงิน การลงทุน ถามว่ากฎหมายของไทยพร้อมกับสิ่งนี้หรือยัง? มีนักกฎหมายที่เข้าใจในเรื่องการเงินการลงทุนมากพอหรือยัง? ซึ่งตอนนี้เรียกว่ามีน้อยมาก ยิ่งเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยก็แทบไม่มีเลยก็ว่าได้”

สิทธิภาคย์ ภูริสินสิทธิ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือที่ลูกศิษย์ลูกหาเรียกว่า “อาจารย์เต้” กล่าวถึงกระแสโลกที่เปลี่ยนไป กลายเป็นยุคที่การลงทุนมีมาก การแข่งขันทางธุรกิจเกิดขึ้นทุกที่ และไม่ได้แข่งกันเองในประเทศเท่านั้น แต่ต้องแข่งกับต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้านหรือชาติอื่นๆ ที่อยู่ไกลออกไป

วิชากฎหมายการเงินการธนาคาร มีความสำคัญกับประเทศไทยอย่างไร? สิทธิภาคย์อธิบายว่า วิกฤติเศรษฐกิจต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540 หรือ วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ (Hamburger Crisis) ปี 2551 ถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากโลกการเงินทั้งสิ้น

และเมื่อเกิดวิกฤติเหล่านั้นขึ้นมา ก็จะมีการ “ถอดบทเรียน” จนทำให้เกิดกฎหมายการเงินใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อแก้ไข หรือเพื่อเตรียมรับมือวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ช่วงหลังวิกฤติปี 2540 กฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องธุรกิจสถาบันการเงินของประเทศไทยก็ถูกปรับปรุงทั้งหมด และยิ่งในไม่ช้านี้ ประเทศไทยก็จะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเงินอย่างมากเช่นกัน

ในเมื่อรู้เช่นนี้แล้ว..จึงต้องเตรียมความพร้อมให้กับคนไทยเสียตั้งแต่เนิ่นๆ!!!

“ผมอยากจะบอกว่า กฎหมายไม่ได้เกิดขึ้นจากนักกฎหมายเท่านั้น แต่กฎหมายเกิดขึ้นมาจากทุกภาคส่วนในสังคม ทุกภาคธุรกิจหลายๆ แขนง ที่ร่วมกันช่วยกันผลักดันให้กฎหมายคลอดออกมาเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน และตอบโจทย์ที่ทุกคนต้องการอย่างแท้จริง เพราะหน้าที่ของนักกฎหมายก็คือทำให้กฎหมายเกิดขึ้น แล้วปรับใช้ให้สอดคล้องกับสังคมในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป

แต่ทุกวันนี้ นักกฎหมายของเรา มักจะมุ่งเน้นแต่เรื่องของการบังคับใช้กฎหมายเท่านั้น โดยที่พวกเขาไม่พยายามทำความเข้าใจในเรื่องของโลกธุรกิจ หรือ การเงิน สักเท่าไร ส่งผลให้พลวัตรของการเงินและสังคมเกิดการขัดแข้งขัดขากันตลอดเวลา ไม่มีความสอดรับกันเลย” นักกฎหมายรายนี้ กล่าว

จากแนวคิดนี้ มหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงได้เกิดโครงการ ABFL Program ขึ้นมา ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจและการเงินชั้นนำทั้งของไทยและสากล ประกอบด้วยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI), ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ), สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SEC) และ บริษัทที่ปรึกษากฎหมายชั้นนำของโลก “Baker&McKenzie” อันจะนำมาซึ่งองค์ความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ กฎหมายการเงิน การธนาคาร การบัญชี และภาษีอากร รวมไปถึงกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

วัตถุประสงค์สำคัญ..เพื่อให้ “นักกฎหมาย” กับ “นักธุรกิจ” ได้แลกเปลี่ยนมุมมองซึ่งกันและกัน!!!

อันจะนำมาซึ่งความ “เข้าใจกัน” สามารถทำงานร่วมกันได้มากขึ้น!!!

“ABFL Program ถือเป็นมิติใหม่ของวงการกฎหมายและธุรกิจในประเทศไทย และเป็นโครงการแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่สถาบันการศึกษาได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานชั้นนำทางการเงินของภาครัฐและบริษัทเอกชนระดับโลก อันจะนำมาซึ่งองค์ความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ กฎหมายการเงิน การธนาคาร การบัญชี และภาษีอากร รวมไปถึงกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยตอบโจทย์กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้และอนาคต

และทางโครงการยังเปิดโอกาสให้นักธุรกิจหรือผู้ที่สนใจในโลกการเงิน ได้มีโอกาสเรียนรู้และสัมผัสกับมุมมองของนักกฎหมายผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโลกทางการเงิน เช่นเดียวกับ นักกฎหมายเอง ก็จะมีความเข้าใจในเรื่องของโลกธุรกิจการเงินการธนาคารมากยิ่งขึ้น” อาจารย์สิทธิภาคย์ ระบุ

รายชื่อวิทยากรแต่ละท่านที่จะมาให้ความรู้ ต้องบอกว่าเป็น “ตัวจริง” ของวงการ เช่น ศ.(พิเศษ) กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ บริษัทเบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด, วสันต์ เทียนหอม รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, วิรัช ชินวินิจกุล รองประธานศาลฎีกา และ วรวรรณ ธาราภูมิ ประธานสภาธุรกิจและตลาดทุนไทยนอกจากนี้ยังมีวิทยากรท่านอื่นๆ อีกมากมาย

“หากโครงการ ABFL Program เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และมีมาตรฐานทัดเทียมระดับสากลแล้ว ก็จะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยดึงดูดนักกฎหมายในกลุ่มประเทศอาเซียนมาสอนในโครงการของเราได้ ทำให้นักกฎหมายและนักธุรกิจของไทย มีโอกาสได้เรียนรู้ข้อกฎหมายได้อย่างเต็มที่ และจะทำให้ประเทศของเรากลายเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางการเรียนรู้ เพราะประเทศของเรามีข้อดีหลายประการ ทั้งเรื่องของสภาพภูมิประเทศ และสภาพอากาศ รวมไปถึงค่าครองชีพ ที่เอื้ออำนวยให้นักลงทุนสามารถเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานการติดต่อธุรกิจได้เป็นอย่างดี

อีกหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญของโครงการ คือ ช่วยให้ประเทศไทยพลิกโฉมหน้าจากการเป็นประเทศอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกสินค้า ให้มาเป็นศูนย์กลางเชิงการให้บริการทางการเงินแทน โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มต้นทุนอะไรอีกเลย เนื่องจากประเทศของเรามีทรัพยากรบุคคลเพียงพออยู่แล้ว ซึ่งผมเองตั้งความหวังไว้ว่า อีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้านี้ ประเทศไทยของเรา จะก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านกฎหมายการเงิน และธุรกิจให้บริการด้านการเป็นที่ปรึกษากฎหมายทางการเงินของภูมิภาคอาเซียนได้ด้วย”

“อาจารย์เต้” ฝากทิ้งท้าย และย้ำด้วยว่า การที่ไทยจะปฏิรูประบบเศรษฐกิจไปในทิศทางดังกล่าวได้นั้น จำเป็นต้องเร่งสร้างบุคลากรขึ้นมาทำหน้าที่ครูบาอาจารย์ให้มากขึ้น เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับคนรุ่นต่อไป

สำหรับผู้สนใจหลักสูตร ABFL Program สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.abfl.org หรือติดต่อสอบถามได้ที่ ศูนย์กฎหมายไทย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 0-2310-8305-6 ในวันและเวลาราชการ โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึง 31 มี.ค. 2558 และจะอบรมระหว่างวันที่ 17 เม.ย.-22 ส.ค. 2558

ซึ่งความรู้ทั้งหมดนี้ ไม่เพียงแต่จะพัฒนาศักยภาพในตัวบุคคลเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยของเราด้วย!!!

SCOOP@NAEWNA.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

‘กล้าธรรม’ไม่ดื้อต่อรองปรับครม. ‘นฤมล’มั่นใจคุยสส.ได้ปม‘อนุดิษฐ์’แซงคิวนั่งรมต.

'นายกฯ-คู่สมรส' เข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะ'สมเด็จพระสังฆราช' ในวันคล้ายวันประสูติ

ปชป.ได้โควตาเพิ่ม! 'เดชอิศม์'ยอมรับอยากนั่ง'รมช.มท.' ส่วน'ชัยชนะ'ดู'สธ.'

มทภ.2ชงสมช.ปิด'ปราสาทตาเมือนธม'ได้ หากสถานการณ์​ไม่สู้ดี​ ย้ำจุดยืนเปิดด่านพร้อมกัน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved