วันศุกร์ ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / สกู๊ปพิเศษ
"โรงเรียนบ้านวนาหลวง" อีกต้นแบบ"เกษตรพอเพียง"

"โรงเรียนบ้านวนาหลวง" อีกต้นแบบ"เกษตรพอเพียง"

วันเสาร์ ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
Tag :
  •  

"แปลงผักไฮโดรโปนิกส์" จุดเด่นและจุดขายของโรงเรียน

ปัจจุบันกระแส “รักสุขภาพ” กำลังมาแรง ทั้งการออกกำลังกาย “ฟิตแอนด์เฟิร์ม” และการรับประทานอาหารที่ทำจากวัตถุดิบปลอดสารอันตราย “เกษตรอินทรีย์” แต่นั่นก็เป็นเพียงเทรนด์ฮิตของ “คนในเมือง” ที่พอจะมีฐานะดีหน่อยเท่านั้น เพราะอีกด้านหนึ่ง ผู้คนที่อยู่ไกลออกไปในชนบท หลายพื้นที่ยังมีปัญหา “ขาดอาหาร” กินไม่อิ่มทุกมื้อ หรือถึงได้กินครบทุกมื้อแต่ก็ไม่ค่อยจะครบห้าหมู่เท่าใดนัก


โดยเฉพาะ “เด็ก-เยาวชน” ที่เป็นวัย “กำลังโต” อาหารทุกมื้อที่กินมีความสำคัญต่อ “พัฒนาการ”!!!

“อาหารมื้อเช้าสำคัญที่สุด พวกหนูคงเรียนหนังสือไม่รู้เรื่องถ้าท้องยังหิว สำหรับเพื่อนๆ ที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะอาจจะไม่คิดอะไร แต่สำหรับคนที่ไม่มีเงิน โครงการอาหารโรงเรียนแบบนี้มีประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะพืชผักสวนครัวที่เราปลูกเอง สด สะอาดปลอดภัยแน่นอน ไม่ต้องกังวลว่าจะมียาฆ่าแมลงหรือไม่เหมือนผักที่เราไปซื้อกิน”

อรพิน เลิศสินชัยสกุล นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านวนาหลวง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน บอกเล่าถึงโครงการ “สวนเกษตรอินทรีย์” ซึ่งโรงเรียนบ้านวนาหลวง ได้รับการสนับสนุนจาก องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) โดยโครงการดังกล่าวช่วยแก้ไขปัญหาอาหารไม่เพียงพอและไม่มีคุณภาพของทุกชีวิตในโรงเรียนอย่างได้ผล

"ปลูกเอง ทำเอง กินเอง" ความภาคภูมิใจของเด็กที่นี่

ด้วยความที่เป็นโรงเรียนประจำ ทุกๆ เช้าตั้งแต่เวลา 06.00 น. อรพินและนักเรียนคนอื่นๆ จะต้องเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้าสำหรับตนเองและคนอื่นๆ ราว 70 คน จากนั้นจะเริ่มรับประทานอาหาร ตามด้วยเคารพธงชาติและเข้าเรียนตามลำดับ ซึ่งพืชผักอินทรีย์ที่ปลูกกันเองภายในโรงเรียน ช่วยเพิ่มความมั่นคงทางอาหารให้กับอนาคตของชาติที่กำลังศึกษาอยู่ในถิ่นทุรกันดารห่างไกลได้มาก

ที่ผ่านมาแม้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ดำเนิน “โครงการอาหารกลางวัน” เพื่อให้นักเรียนระดับประถมศึกษารู้จักวิธีการผลิตอาหาร การบริโภคอาหารอย่างถูกหลักอนามัย และถูกสุขนิสัยที่ดี ผ่านการปฏิบัติจริง ทำให้ทุกคนได้กินอาหารกลางวันที่ เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้โรงเรียนสามารถจัดอาหารกลางวันได้เองอย่างยั่งยืน

ทว่าในหลายพื้นที่ยังประสบปัญหา ไม่สามารถจัดหาวัตถุดิบที่เหมาะสมมาประกอบอาหารได้ครบถ้วนและมีคุณภาพ เนื่องจากง “งบประมาณอาหารกลางวันจากภาครัฐอยู่ที่เฉลี่ยเพียง 20 บาทต่อหัว” จึงไม่เพียงพอ ยิ่งโรงเรียนบางแห่งที่มีลักษณะเป็น “โรงเรียนประจำ” เช่นที่โรงเรียนบ้านวนาหลวง แห่งนี้ ที่ตั้งอยู่ใน จ.แม่ฮ่องสอน จังหวัดที่สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูง เป็นอุปสรรคต่อการคมนาคมขนส่ง บางพื้นที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินทางไปกลับ จึงมีนักเรียนจำนวนหนึ่งต้องอาศัยพักค้างที่โรงเรียนตลอดภาคการศึกษา

กัญญา สมบูรณ์ ครูใหญ่ประจำโรงเรียนบ้านวนาหลวง

กัญญา สมบูรณ์ ครูใหญ่ประจำโรงเรียนบ้านวนาหลวง จึงพยายามมองหาโอกาสเพิ่มความมั่นคงทางอาหารให้กับนักเรียนและคุณครูผู้สอนของโรงเรียน และมีแนวคิดทดลองทำโครงการสวนเกษตรสวนผสมที่โรงเรียน ต่อมาได้รับการสนับสนุนเบื้องต้นจาก FAO ภายใต้นโยบายความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการของเด็กและเยาวชน

หลังจากได้รับการสนับสนุนในปี 2556 ครูกัญญาเริ่มลงมือทำสวนผักปลอดสารพิษทันที โดยสลับหมุนเวียนปลูกผักหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นคะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง ผักชี ต้นหอม พื้นที่ 13 ไร่ของโรงเรียนที่เคยถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ ก็ได้นำมาใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางอาหารให้กับนักเรียนและครูที่พักอาศัยประจำอยู่ที่โรงเรียน

แน่นอนว่า “ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ” ครูกัญญา เล่าว่า ช่วงแรกที่ทำสวนผัก สามารถปลูกได้แค่เฉพาะช่วงหน้าฝนเท่านั้น พอหน้าแล้งก็ต้องปล่อยที่ให้ว่างเปล่าประโยชน์ เพราะไม่มีน้ำใช้เพียงพอ โรงเรียนก็จำเป็นต้องจัดการงบที่มีอยู่จำกัดมาใช้เพื่อไปซื้ออาหารก่อนเพราะเป็นปัจจัยเฉพาะหน้าที่สำคัญ จึงเริ่มคิดหาทางปรับปรุงระบบน้ำให้สามารถปลูกผักได้ตลอดปี ทำให้มีผักสดสะอาดไว้ประกอบอาหารได้ทั้งสามมื้อ แต่ก็มีปัญหาใหม่มาแทน คือวัวของเพื่อนบ้านในชุมชนบุกรุกเข้ามากินผักสวนครัวที่ปลูกไว้ได้รับความเสียหายมาก ต้องรีบจัดการทำรั้วกันแทบไม่ทัน

จึงเป็นที่มาของ “ไฮโดรโปนิกส์” หรือภาษาบ้านๆ คือ “ผักยกพื้น”!!!

ปัจจุบันไร่สวนผสมที่โรงเรียนบ้านวนาหลวงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชผักไฮโดรโปนิกส์ และไก่ไข่ออร์แกนิคอุดมสมบูรณ์ ด้วยความคิดสร้างสรรค์และการมีส่วนร่วมในการทำงานของคุณครูและนักเรียนอย่างอบอุ่น ทำให้โรงเรียนมีรายได้หมุนเวียนเพียงพอต่อการดูแลทั้งด้านการเรียนและโภชนาการของเด็กนักเรียนและคุณครูกว่า 300 ชีวิตอย่างยั่งยืนตลอดสามปีที่ผ่านมา

“ผลผลิตส่วนหนึ่งจะมีพ่อค้าจากตัวเมืองมารับซื้อถึงโรงเรียนในราคากิโลกรัมละ 150 บาท แต่ละครั้งจะขายได้ราว 10 กิโลกรัมทีเดียว”

"วิถีเกษตร" เรียนรู้จากการทำจริง ในสถานที่จริง และใช้ได้จริง

รัตนากร แก้วน้อย ครูอีกรายที่ดูแลโครงการผักไฮโดรโปนิกส์ กล่าวถึงความสำเร็จของโครงการ ซึ่งที่นี่ไม่ได้มีแต่แปลงผักไฮโดรโปนิกส์เท่านั้น ด้านหลังโรงเรียนยังมีเล้าไก่และคอกหมู เพื่อนักเรียนจะได้มีไก่และเนื้อสัตว์ไว้บริโภคและสารอาหารครบ 5 หมู่ รายได้จากการขายผักสลัด ไข่ไก่และเนื้อสัตว์ ทางสหกรณ์โรงเรียนจะนำมาบริหารจัดการเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับซื้อเมล็ดพันธุ์ และสำหรับทำกิจกรรมอื่น ๆ ของโรงเรียนต่อไป

แม้วันนี้โครงการเกษตรอินทรีย์จะประสบความสำเร็จด้วยดี ทว่าก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป โดย ครูกัญญา นำเงินที่ได้มาจากรางวัลยอดครูผู้มีอุดมการณ์ ตามโครงการตามรอยเกียรติครูผู้มีอุดมการณ์และจิตวิญญาณครู ปี 2558 จำนวน 300,000 บาท ไปหาซื้อพันธุ์กาแฟมาปลูกในโรงเรียน ซึ่งหวังว่าอีก 2 ปีข้างหน้า กาแฟจะกลายเป็นพืชสำคัญอีกชนิดของโรงเรียน ทั้งในการจำหน่ายและรับรองแขกที่มาเยี่ยมเยือนดูงานที่โรงเรียนต่อไป

ทั้งหมดทั้งปวง..ครูใหญ่รายนี้กล่าวว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เป็นแรงบันดาลใจในการทำโครงการ!!!

ด้วยทฤษฎี “เกษตรผสมผสาน” ตามแนวพระราชดำริ..และด้วยปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” พึ่งตนเองได้!!!

“เศรษฐกิจพอเพียงเริ่มที่ตัวเรา เพียงแต่ต้องรู้จักนำปรัชญาของพระองค์มาประยุกต์และปฏิบัติใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ เมื่อลงมือทำและอดทนเราจะเห็นผลด้วยตัวเองว่า ปรัชญาของพระองค์ทำได้จริงและสร้างชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีให้กับโรงเรียนและชุมชนรอบข้างอย่างยั่งยืน ตามที่พระองค์สอนพวกเราทุกคน” ครูกัญญา ฝากทิ้งท้าย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'สิริพงศ์'ฟาดกลับ'ทักษิณ'ไม่รู้ผู้นำเขมรมีจริยธรรมหรือไม่ แต่ผู้นำไทยเรียก'อังเคิล' อยากได้อะไรให้บอก

‘ภูมิธรรม’รอ‘สมช.’เสนอขอใช้งบกลางช่วยเหลือ‘แคมป์ผู้ลี้ภัย’หลังสหรัฐตัดงบ

แสบจริง! ฟัง‘ทักษิณ’แล้วอยากให้‘นิรโทษกรรม’กลับมาเป็นนายกฯ โหวตเลย

พร้อมสละเพื่อแผ่นดิน! 'พลทหารธนพัฒน์'เล่านาทีเหยียบกับระเบิดจนต้องเสียขา

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved