พูดถึงทีมชาติโคลอมเบีย เหมือนกับเป็นของใกล้ตัวของแฟนบอลไทยยังไงชอบกล?
ไม่เกี่ยวกับเมื่อก่อนที่ถูกสื่อตั้งฉายาว่า “โคเคน” ทำให้ต้องมีการร้องขอกันว่า อย่าใช้ชื่อนี้เรียกแทนประเทศของพวกเขาอีก และก็คงไม่มีใครอุตริไปใช้อีกแล้ว
ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า โคลอมเบีย ที่เหมือนกับว่า เราเห็นอยู่บ่อย ๆ ในบอลโลก อันที่จริงแล้ว พวกเขาไม่ได้ผ่านเข้าเล่นรอบสุดท้ายนับตั้งแต่ปี 1998 หรือเมื่อ 16 ปีที่แล้วเลยทีเดียว
ในอดีต โคลอมเบีย ผ่านเข้ารอบสุดท้ายหนแรก เมื่อปี 1962 แต่ก็ตกรอบแรก กระทั่งรอมานาถึง 28 ปี กว่าจะได้มาบอลโลกสมัยที่ 2 คือปี 1990 ซึ่งทีมก็กลายเป็นที่จับตามองทันที
เพราะทีมมี”กุลลิทขาว”
นั่นก็คือ คาร์ลอส วัลแดร์ราม่า กัปตันทีมที่เป็นกองกลาง ทรงผมท่าทางและตำแหน่งเดียวกันกับ “ไอ้งูเก็งก็อง” รุด กุลลิท กัปตันทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่โด่งดังร่วมยุคร่วมสมัย
พร้อมกับมี นายประตูจอมซ่าอย่าง เรเน่ ฮิกิต้า ที่ออกมาโลดโผนโจนทะยาน มาเลี้ยงบอลโชว์อยู่อีกราย ทำให้ทีมนี้เป็นที่น่าสนใจอย่างมาก
พวกเขามีสถิติชนะ 1 เสมอ 1 และแพ้ 1 ก่อนจะผ่านเข้ารอบได้ แต่ต้องมาแพ้ให้กับ “หมอผี” แคเมอรูน ทีมพลิกล็อคประจำทัวร์นาเมนท์ในช่วงต่อเวลา 2-1 โดยเฉพาะลูกแพ้นั้น ฮิกิต้า แอ๊คมากไปหน่อยเมื่อจะล็อคหลบ โรเจอร์ มิลล่า แต่โดนตัดบอลไปและโดนยิงแบบเสียฟอร์ม
อย่างไรก็ตาม โลกได้รู้จักว่า มีกุลลิทขาว กับนายประตูจอมบ๊องส์ รวมไปถึงนักเตะดี ๆ อย่าง อันเดรส เอสโคบาร์ และเฟร็ดดี้ รินคอน
อีก 4 ปีต่อมา โคลอมเบีย ถูกมองว่าเป็นเต็งแชมป์ หลังจากโชว์ฟอร์มรอบคัดเลือกได้เด็ดขาด โดยเพพาะการไล่ถล่ม อาร์เจนติน่า ถึงถิ่น 5-0 ถีบฟ้าขาวให้ต้องไปเล่นรอบเพลย์ออฟ แน่นอนว่า โลกเริ่มมั่นใจว่า พวกเขามีลุ้นแชมป์ เพราะประตูเปลี่ยนมาเป็น ออสการ์ คอร์โดบ้า กองหลังยังมี เอสโคบาร์ เป็นตัวงหลัก ขณะที่แผงรุกมีทั้ง วัลแดร์ราม่า บวกกับ เฟร็ดดี้ รินคอน และยังมี 3 จอมห้าวทั้ง “ไอ้กะเล็งดำ” ฟาอุสติโน อัสปริญ่า, อีวาน วาเลนเซียโน่ และอดอลโฟ่ วาเลนเซีย
แต่พวกเขาก็ทำให้โลกต้องช็อคเมื่อแพ้ยับให้กับ โรมาเนีย 1-3 ตามด้วยแพ้ สหรัฐ เจ้าภาพ 1-2 แม้จะชนะ สวิส ในเกมสุดท้ายก็ไม่พอต่อการเข้ารอบ
ซ้ำร้ายเมื่อพวกเขากลับบ้าน อันเดรส เอสโคบาร์ ปราการหลังคนสำคัญ ที่สกัดเข้าประตูตัวเองในนัดเจอกับ สหรัฐ ก็ถูกคนร้ายลอบสังหารจนเสียชีวิตในวัย 27 ปี สร้างความเศร้าสลดไปทั่วโลกอีกด้วย
4 ปีต่อมา บอลโลก ที่ฝรั่งเศส พวกเขาก็ตีตั๋วเข้ามาเล่น แต่เป็นช่วงท้ายปลายทางของ วัลแดร์ราม่า, รอนคอน และอดอลโฟ่ วาเลนเซีย ส่วน อัสปริญ่า ก็เริ่มเหลือแต่ชื่อ ก่อนจะต้องตกรอบแรกไปด้วยการแพ้ อังกฤษ ในเกมสุดท้ายของรอบแรก
หมดยุคของ วัลแดร์ราม่า ปรากฏว่า โคลอมเบีย ก็ไม่เคยมาบอลโลกได้อีกเลย
ภาพที่ชินตาและยังทำให้ทุกคนคิดว่า พวกเขายังอยู่ใกล้เราคงไม่พ้นท่า “สกอร์เปี้ยนคิก” ของจอมบ๊องส์ฮิกิต้า ที่ลอยตัวใช้เท้าสกัดแบบท่าแบบแมงป่อง ในเกมอุ่นเครื่องกับ อังกฤษ เมื่อปี 1995
ทีมนี้ภายใต้การทำงานของ โฆเซ่ เปเกร์มันน์ กุนซืออาร์เจนไตน์
มีตัวหลัก ๆ หลายราย โดยเฉพาะเห็นชื่อด่านสุดท้ายอย่าง ฟาริด มอนดราก้อน ตัวนี้เป็นโกล์ตัวจริงตั้งแต่ปี 1998 อายุปัจจุบันปาเข้าไป 42 ปี ขณะที่ตัวอื่นก็ถือว่าพอใจได้ในระดับนึงก็คือ แจ็คสัน มาร์ติเนซ, อาเดรียน รามอส, ฮวน กวาร์ดาโด้, เฟรดี้ กวารินและเจมส์ โรดริเกซ
แต่มีปัญหาให้หนักใจก็คือ การต้องลุ้นเรื่องอาการบาดเจ็บของ ราดาเมล ฟัลเกา หัวหอกผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีม
หัวหอกค่าตัวมหาศาลของโมนาโก บาดเจ็บอย่างหนักที่เอ็นหัวเข่า ในเกมเฟรนช์ คัพเมื่อช่วงต้นปีจนมีแววว่าจะไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลก แต่สุดท้ายยังมีชื่อติดทัพชุดแรกก่อนตัดตัว แม้จะไม่ได้ลงเล่นเลยก็ตาม
แน่นอนว่า นักเตะแบบนี้มีดีกว่าไม่มี แต่จะไหวหรือเปล่านั้นอีกเรื่อง
อินไซด์ ทีมชาติโคลอมเบีย
ผู้จัดการทีม : โฆเซ่ เปเกร์มันน์
เข้ารอบสุดท้าย : 5 สมัย
ผลงานดีที่สุด : รอบ 2 ปี 1990
ผลงานรอบคัดเลือก : อันดับ 2 รอบแบ่งกลุ่มอเมริกาใต้
สตาร์ที่น่าจับตามอง : ราดาเมล ฟัลเกา 51 นัด 20 ประตู
โปรแกรมรอบแรก : 14-6-14 พบ กรีซ, 19-6-14 พบ ไอวอรี่โคสต์ และ 24-6-14 พบ ญี่ปุ่น
# 23 นักเตะชุดลุยบอลโลก #
ประตู : ฟาริด มอนดราก้อน (เดปอร์ติโป กาลี), ดาวิด ออสปีนา (นีซ), คามิโล วาร์กาส (อินดิเพนเดนเต้ ซานตา เฟ่)
กองหลัง : ซานติอาโก้ อาริอาส (พีเอสวี)ฅ พาโบล อาร์เมโร (นาโปลี), เอเดร์ อัลวาเรซ บาลานต้า (ริเวอร์เพลท), อควิวัลโด้ มอสเกวรา (อเมริกา), หลุยส์ เปเรีย (ครูซ อาซูล), คาร์ลอส บัลเดส (ซาน ลอเรนโซ), มาริโอ เยเปส (อตาลันต้า), คริสเตียน ซาปาต้า (เอซี มิลาน), คามิโล ซูนิก้า (นาโปลี)
กองกลาง : อเบล อกีลาร์ (ตูลูส), ฮวน กวาร์ดาโด้ (ฟิออเรนตินา), เฟรดี้ กวาริน (อินเตอร์ มิลาน), บิคตอร์ อิบาร์โบ้ (กายารี), อเล็ก เมยา (แอตเลติโก นาซิอองนาล), ฮวน เฟอร์นันโด ควินเตโร (ปอร์โต้), อัลโด้ รามิเรซ (โมเรเลีย), เจมส์ โรดริเกซ (โมนาโก), คาร์ลอส ซานเชซ โมเรโน (เอลเช), เอลกิน โซโต้ (ไมนซ์), แมคเนลลี ตอร์เรส (อัล ชาบับ), เอ็ดวิน วาเลนเซีย (ฟลูมิเนนเซ)
กองหน้า : การ์ลอส บัคก้า (เซบีญา), ราดาเมล ฟัลเกา (โมนาโก), เทโอฟิโล กูเตียร์เรส (ริเวอร์เพลท), แจ็คสัน มาร์ติเนซ (ปอร์โต้), หลุยส์ มูเรียล (อูดิเนเซ), อาเดรียน รามอส (แฮร์ธา เบอร์ลิน)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี