โธมัส มุลเลอร์ แนวรุกระดับตำนานของ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค มาบอกเล่าความรู้สึกต่อเกมการแข่งขันซีซั่นนี้ ซึ่งจะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขาก่อนบอกลาก่อนลาทีมที่อยู่มากว่า 25 ปี ในวันเสาร์ที่ 3พฤษภาคมที่จะถึงนี้
Q: มาพูดถึงฤดูกาลปัจจุบัน ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง แน่นอนว่ามันไม่ยังจบลง
มีช่วงฤดูกาลที่โดดเด่นมากมายและมีความผิดหวังบ้างในช่วงเวลสของคุณ คุณจะอธิบายสิ่งนี้ในมุมมองของกีฬาอย่างไร?
A: ผมคิดว่านี่เป็นฤดูกาลแห่งการเริ่มต้นใหม่ที่มุ่งไปในทิศทางที่ถูกต้อง ต้องยอมรับว่าเราผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านมาหลายครั้ง
อย่างน้อยก็รู้สึกแบบนั้น ตั้งแต่ยุคของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ก็ยังไม่มีโค้ชและทีมชุดไหนที่ลงตัวจริง ๆ แน่นอนว่าในยุคของฮันซี่
ฟลิค เราก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความตึงเครียดระหว่างโค้ชกับผู้บริหารสโมสรอยู่ดี
ภาพของความกลมเกลียวแบบที่เราได้เห็นอีกครั้งในฤดูกาลนี้—ความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างทีม โค้ช
และสโมสร—ยังไม่เคยปรากฏแบบนั้นมาก่อน ฤดูกาลนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในทิศทางนั้น ซึ่งสโมสรก็ตั้งใจเดินหน้าอย่างชัดเจน
ผมคิดว่าสไตล์การเล่นในฤดูกาลนี้ก็สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้บริหารและแฟนบอล Bayern อยากเห็นมากขึ้น—ฟุตบอลเกมรุก
ฟุตบอลที่เน้นความกระตือรือร้น ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จมากกว่าเสมอไป
เราไม่ควรมองข้ามความสำเร็จในยุคของโธมัส ทูเคิลเมื่อปีที่แล้ว โดยเฉพาะในแชมเปียนส์ลีก
ที่จริงแล้วเราอาจไม่ได้แชมป์ลีกเพียงเพราะ Leverkusen ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในระดับประวัติศาสตร์
และผมก็เข้าใจภาพรวมตรงนี้ดี แต่ถึงอย่างไร สำหรับสโมสรและทีมชุดนี้ ฤดูกาลนี้ก็ถือว่าเป็นฤดูกาลที่ดี
Q: ในมุมของการเล่นฟุตบอลของคุณ สไตล์ไหนที่ทำให้คุณและแฟน ๆ มีความสุข?
A: พวกเราอยากเล่นฟุตบอลแบบเชิงรุก เป็นฟุตบอลที่เน้นเกมบุก เราลงสนามเพื่อยิงประตู เพื่อสร้างโอกาสในการทำประตู
แน่นอนว่าในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะในแชมเปียนส์ลีก เราแพ้หลายแมตช์เกินไป ไม่ว่าจะเป็นในรอบแบ่งกลุ่มที่มีรูปแบบใหม่
หรือในรอบลีกเฟส หรือแม้แต่ในเกมนัดแรกกับ Inter Milan ที่เราแพ้ 1-2 อย่างเจ็บปวด ซึ่งสุดท้ายก็ทำให้เราตกรอบ
แต่ถึงอย่างนั้น คุณก็ยังเห็นแนวทางการเล่นแบบนั้นในเกมต่าง ๆ ได้—พวกเรามีความแกร่งแม้จะตามหลัง ฉันจำได้ว่ามีช่วงหนึ่ง
น่าจะเป็นในฤดูกาลที่โธมัส ทูเคิลคุมทีม ช่วงสามหรือสี่สัปดาห์สุดท้าย ที่เรายังสามารถคว้าแชมป์ลีกได้ในวันสุดท้าย
ด้วยประตูของจามาล ขณะที่ Dortmund พลาดท่าคาบ้าน ตอนนั้นถ้าเราโดนนำหรือเสียประตู เรามักจะเป๋ไปเลย แต่ปีนี้
ผมแทบไม่รู้สึกว่าเป็นแบบนั้นเลย ตรงกันข้าม เรามักจะสู้กลับมาได้เสมอ ไม่ว่าจะชนะหรือไม่ในตอนจบ คุณไม่มีทางรู้ล่วงหน้า
นั่นแหละคือเสน่ห์ของฟุตบอล—และนั่นคือเหตุผลที่เรารักการดูและการเล่นมัน แต่เกือบตลอดทั้งฤดูกาลนี้
เรารู้สึกดีในสนามในแง่ของความมุ่งมั่นและความแกร่งทางจิตใจ
Q: อะไรคือปัจจัยชี้ขาดที่ทำให้คุณสามารถเอาชนะเลเวอร์คูเซนได้ในฤดูกาลนี้
โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าอดีตเพื่อนร่วมทีมของคุณมักจะมีกลยุทธ์เด็ด ๆ ซ่อนไว้อยู่เสมอ?
A: โดยรวมแล้วเราทำได้ดีกว่าในการเจอกับทีมเล็ก ๆ คุณต้องเก็บแต้มจากเกมแบบนั้นให้ได้
และปีนี้เราคุมเกมกับทีมเหล่านั้นได้ดีกว่าปีที่แล้วมาก ผมไม่รู้ตัวเลขแต้มเป๊ะ ๆ หรอก
แต่ผมคิดว่าครึ่งฤดูกาลแรกของปีที่แล้วก็ถือว่าดีเลยนะ อาจจะดีกว่าปีนี้ด้วยซ้ำ มันอาจไม่ยุติธรรมนักที่จะให้ “ความรู้สึก”
อยู่เหนืออันดับในตารางคะแนน แต่โดยความรู้สึกแล้ว เราคุมทีมเล็ก ๆ ได้อยู่หมัดมากขึ้น และ Leverkusen
เองก็มีสะดุดให้เห็นบ้างในปีนี้ ปีที่แล้ว ต้องพูดเลยว่า ถ้าคุณไม่แพ้ใครทั้งฤดูกาล คุณก็จะเก็บแต้มได้มหาศาล
สิ่งที่เลเวอร์คูเซนทำเมื่อปีที่แล้วมันแทบจะเรียกได้ว่าเหนือจริง โดยเฉพาะกับประตูท้ายเกมบ่อย ๆ เอาตรง ๆ นะ
ในหมู่เพื่อนกันแบบนี้ เรายังนั่งดูทีวีกันแล้วคิดเลยว่า ‘ในที่สุด เสมอสักที หรือบางทีอาจจะแพ้บ้าง’ แล้วสุดท้ายก็ช่วงทดเวลา +6
นาที พวกเขาก็ยิงอีกแล้ว มันน่าหงุดหงิดจริง ๆ ตอนนั่งดูอยู่หน้าจอ
Q: อะไรคือโมเม้นของคุณในฤดูกาลนี้?
A: ส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นในสนามแน่นอน เรามีเกมที่น่าตื่นเต้นมากเกมหนึ่งที่ Frankfurt นั่นเป็นหนึ่งในเกมแรก ๆ
ที่ผมได้ลงเป็นตัวจริง ถ้าไม่ใช่เกมแรกเลยนะ เกมนั้นจบลงด้วยผลเสมอ 3-3 ในช่วงนาทีสุดท้าย
หลังเกมผมได้ให้สัมภาษณ์กับมิคาเอล บัลลัค ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ที่ดีมาก
เกี่ยวกับเรื่องว่าควรจะเสี่ยงแค่ไหนในแนวรับที่เหลืออยู่ ใช่เลย—ถ้ามันเวิร์กก็ดีไป แต่ถ้าไม่ มันก็เป็นความเสี่ยงที่มากเกินไป
Q: คุณพอจะจินตนาการทางความรู้สึกออกไหมว่า มันจะเป็นอย่างไรในวันที่คุณใส่เสื้อแดงตัวนั้นเป็นครั้งสุดท้าย?
คุณจะรู้สึกอย่างไร?
A: คิดว่าพอจะนึกออกนะครับ ผมรู้สึกดีใจและซาบซึ้งมาก โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
คุณจะรู้สึกได้ถึงบางอย่างในสนาม โดยเฉพาะในเกมเหย้า ตอนที่ผมถูกเปลี่ยนตัวลงสนาม หรืออย่างตอนยิงตีเสมอกับ Inter
Milan ในเกมเหย้านัดสุดท้ายกับMainz ตอนที่ผมลงสนาม แฟนบอลก็รับรู้ได้ถึงมัน
ผมรู้สึกถึงความชื่นชมและขอบคุณจากทุกคนตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก
แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่อ่อนไหวง่ายขนาดนั้น ไม่ได้รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างกำลังพังทลาย ผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่า
อะดรีนาลีนที่คุณรู้สึกได้ในสนามฟุตบอล การเผชิญหน้ากับแรงกดดันและภารกิจ มันแทบไม่มีอะไรมาแทนที่ได้ ผมรู้ดี
และในช่วงสองสามปีแรกหลังจากเลิกเล่น วันเสาร์บางวันมันก็คงรู้สึกแปลก ๆ บ้าง แต่ผมก็จะรับมือกับมันได้
ตอนนี้ผมยังอยู่กับมัน ผมไม่ใช่คนที่จะไปมองหาเรื่องลบ ๆ ในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ถ้าผมจะรู้สึกแย่
ผมก็จะรู้สึกในวันที่มันควรจะรู้สึก ไม่ใช่ล่วงหน้า
Q: สุดท้ายเลย ฝากพูดถึงศึกฟุตบอลสโมสรโลกสักประโยคได้ไหม?
A: แน่นอน เราจะเอาถ้วยนั้นมาให้ได้ ฟุตบอลสโมสรโลก เราจะคว้ามันมา! ขอให้พวกเราโชคดี!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี