อิตาลี ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากในการลุ้นเข้ารอบหลังจากแพ้ คอสตาริกา 0-1                

                การพ่ายแพ้ให้กับ คอสตาริก้า แบบเสียฟอร์มของ “มะกะโรนี” ทีมชาติอิตาลี

                ถือเป็นอีกหนึ่งแมทช์แห่งความทรงจำฟุตบอลโลกก็ว่าได้

                อิตาลี เคยเสียฟอร์มสุด ๆ เมื่อโดนพิษของ “โสมขาว” เกาหลีใต้ เล่นงานพวกเขาจนหมดทุกสิ่งอย่างในการเตะโกลเด้นโกล์ เมื่อบอลโลก 2002

                แต่หนนี้ถือว่าช้ำกว่า เพราะมันส่งให้ อิตาลี ต้องไปวัดดวงเกมสุดท้ายกับ “จอมโหด” อุรุกวัย ที่ยังไม่รู้ว่า เกมศึกชนช้างคู่นี้

                จะออกซ้ายหรือว่าขวา

                แต่ที่แน่ ๆ เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ อิตาลี เล่นเกมสำคัญเกมที่ 2 นับตั้งแต่ยุคมิลเลนเนี่ยม ได้แบบย่ำแย่เหมือนกับมีอาถรรพ์เล่นงานพวกเขามาตลอด

                ไม่ถูกกับ”นัดที่ 2”ก็ว่าได้

               เริ่มจากฟุตบอลโลก 2002 เวิลด์คัพฉบับเอเชีย พวกเขาแพ้ โครเอเชีย 1-2 ทั้งที่ได้ประตูขึ้นนำก่อนจาก คริสเตียน วิเอรี่ แต่มาโดนยิงแซงกลับคืนได้ 2 เม็ดจาก อีวีก้า โอลิช และมิลาน ราปายิซ

                โดยเกมนั้นพวกเขายิงได้อีกสองลูกแต่ผู้ตัดสินกลับปฏิเสธไม่ให้ประตู

                จุดกำเนิดตรงนั้น มันเลยกลายเป็นเรื่องที่”สัมผัสไม่ได้”มาจนถึงบัดเดี๋ยวนี้

                เพราะในศึกยูโร 2004 นัดที่ 2 ก็ทำได้แค่เสมอ สวีเดน 1-1 ทั้งที่ อันโตนิโอ คาสซาโน่ หัวหอกตัวแสบพังประตูขึ้นนำก่อน

                แต่มาโดนลูกยิงม้วนหางของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ไล่ตามทวงคืนเมื่อเหลืออีก 5 นาทีสุดท้ายของเกม

อิตาลี เริ่มต้นไม่ชนะในเกมที่สองของทัวร์นาเมนท์ใหญ่มาตั้งแต่บอลโลก 2002 ที่แพ้ โครเอเชีย และล่าสุดยูโร 2010 ก็เจ๊า โครเอเชีย

                สองปีต่อมา ฟุตบอลโลก 2006 ปีที่พวกเขาทะยานขึ้นไปเป็นแชมป์โลก สมัยที่ 4 ในบั้นปลาย แต่การเล่นนัดที่ 2 ยังหาชัยชนะไม่ได้ เมื่อแบ่งแต้มกับ สหรัฐอเมริกา ไปแบบพลิกล็อค 1-1

                เป็นอีกครั้งที่ขึ้นนำก่อนจาก อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ ตั้งแต่นาทีที่ 22 แต่ให้หลังแค่ 5 นาที คริสเตียน ซัคคาโด้ กลับทำเข้าประตูตัวเองทำให้ต้องแบ่งแต้มกันไป

                มาถึงศึกยูโร 2008 อิตาลี ที่นัดแรกแพ้เละให้กับ เนเธอร์แลนด์ 0-3 ก็มาเสมอกับ “ผีดิบ” โรมาเนีย ในเกมที่ 2 ไปอีก 1-1 แต่คราวนี้เป็นการเสมอแบบเอาตัวรอดได้อย่างหวุดหวิด

                พวกเขาโดนขึ้นนำไปก่อนจาก เอเดรียน มูตู หัวหอกผู้นิยมชมชอบกับการเสพสมุนไพรอารมณ์ดี แต่แค่นาทีเดียว คริสเตียน ปานุชชี่ ก็มาตามตีเสมอให้กับ อิตาลี ได้สำเร็จ

อิตาลี โดน ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ม้วนหางสังหารในยูโร 2004

                จากนั้นในศึกฟุตบอลโลก 2010 บอลโลกครั้งล่าสุด อิตาลี มาในฐานะแชมป์เก่า แต่แววเน่าเริ่มออกหลังจากนัดแรกเสมอ ปารากวัย ต่อด้วยนัดที่ 2 ก็ยังชนะใครไม่ได้ เพราะเสมอกับ “กีวี่” นิวซีแลนด์ ไปแบบล็อคถล่ม 1-1

                พวกเขาต้องตามหลังก่อน เมื่อ เชน สเมลท์ซ กดให้กีวี่พลิกนำตั้งแต่เริ่มเกมไปได้แค่ 7 นาที ก่อนที่ วินเซนโซ่ ยาควินต้า จะซัดจุดโทษตีเสมอนาทีที่ 29 แต่สุดท้าย อิตาลี ก็ต้องตกรอบแรก เป็นครั้งที่ 2 ที่มาป้องกันแชมป์แล้วร่วงรอบแรก

                ล่าสุดในศึกยูโร 2012 อิตาลี ก็ไม่ชนะในเกมที่ 2 อีกครั้ง เมื่อทำได้แค่เสมอกับ โครเอเชีย ไป 1-1 แม้จะขึ้นนำก่อนจาก อันเดรีย ปิร์โล่ กดฟรีคิกสุดเนียน แต่ก็โดน มาริโอ มานด์ซูคิซ มากดแบ่งแต้ม

                นี่ถ้านับศึกคอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2009 นัดที่ 2 ของ อิตาลี ก็มีแพ้ อียิปต์ แบบพลิกล็อค 0-1 แถมเข้าไปอีกด้วย

            นี่อุตส่าห์ลบสถิติเอาชนะ ญี่ปุ่น 4-3 ในศึกคอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ เมื่อปีที่แล้ว ให้หยุดสถิติย่ำแย่ลงไปแล้ว

                แต่เมื่อเกมสำคัญมาถึง พวกเขากลับตกหลุมพรางในเกมที่ 2 อีกครั้งกับ คอสตาริก้า

                ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อจริงๆ!!!