เมล็ดพันธุ์จะเติบโตได้ต้องมีผู้ดูแลอย่างดี ต่อให้เมล็ดพันธุ์ดีแค่ไหน หากไม่มีคนดูแล ก็ไม่มีประโยชน์
ใช่!!! เรากำลังกล่าวถึงสถานที่ดูแล และบ่มเพาะนักกีฬาที่ทุกฝ่ายควรอย่างยิ่งที่จะให้ความสนใจ เพราะหากมองข้ามไปแล้ว
ต้นไม้จะเติบใหญ่ขึ้นได้อย่างไร
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คนไทยได้แฮปปี้กันสุดๆ หลังจากที่ “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ ผงาดคว้าแชมป์อินเดีย โอเพ่น มาครองได้สำเร็จ ด้วยการโค่นคู่ปรับตลอดกาลอย่างหลี่ เสี่ยว เหร่ย ลงได้สำเร็จ
เส้นทางของน้องเมย์ บนวัย 21 ปี น่าสนใจมากๆ และเป็นที่โฟกัสอีกครั้งของคนไทยว่า เธอจะคว้าเหรียญประวัติศาสตร์โอลิมปิกเกมส์ให้กับประเทศไทยได้หรือไม่ ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
เมื่อเดือนก่อน “น้องเมย์” เพิ่งจะเปิดตัวหนังสือเล่มแรกในชีวิต “หยอดฝันไว้ที่ปลายคอร์ต” ที่นำเสนอเบื้องหลังเส้นทางสู่การเป็นแชมป์เยาวชนโลก 3 สมัยติดต่อกัน รวมถึงการเป็นแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุดเมื่อปี 2556
เธอมาตรงนี้ได้ด้วยสิ่งที่ประกอบกันหลายๆ อย่าง แน่นอนว่าเธอมีพรสวรรค์ และพรแสวง ซึ่งเธอเป็นผลผลิตของโรงเรียนแบดมินตันที่ชื่อว่า “บ้านทองหยอด” ชื่อที่เริ่มคุ้นหูชาวไทยมากขึ้นหลังการคว้าแชมป์โลกของเมย์
ส่งผลให้ต้นสังกัดอย่างบ้านทองหยอดจึงฮอตฮิตไม่แพ้กัน และที่สำคัญชื่อนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับลูกหยอดของนักหวดขนไก่แต่อย่างใด
บางคนคิดว่าการตั้งชื่อมาจาก “ลูกหยอด” ที่เป็นคนพูดติดปากของชาวแบดมินตัน
แต่จริงๆ แล้วมาจากที่มาของที่นี่เป็นร้านขายขนม “ทองหยอด” ต่างหาก!
เพราะ “แม่ปุก” กมลา ทองกร ผู้อำนวยการโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด เป็นคนเดียวกับเจ้าของร้านทำขนมไทยบ้านทองหยอดที่เมื่อมีโอกาสได้ตั้งชมชมแบดมินตันของตนเองขึ้นมาเมื่อปี2534 จึงตัดสินใจที่จะใช้ชื่อเดียวกันนี้เพราะแสดงถึงความเป็นคนไทย
ซึ่งมันพ้องและคล้องจองกับขนมพอดี!
เริ่มต้นด้วยการเป็นชมรมบ้านทองหยอดที่ใช้สนามที่สร้างขึ้นเองภายในบ้านของแม่ปุกกับนักกีฬาเพียง 4 คน และเมื่อมีสมาชิกมากขึ้นจึงต้องขยับขยาย จนในปี 2546 ได้ขออนุญาตกระทรวงศึกษาธิการเปิดเป็นโรงเรียนโดยใช้ชื่อว่า โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด พร้อมทั้งย้ายมาปักหลักอยู่บริเวณพุทธมณฑลสาย 3 ตอนนี้มีนักกีฬาเวียนไปเวียนมาก็ประมาณ 200-300 คน
พื้นฐานที่โรงเรียนบ้านทองหยอดจะสอน อาทิ การจับไม้การวางท่าทาง จากนั้นก็ไปเน้นเรื่องทักษะพื้นฐานต่างๆ เช่น วิธีการเสิร์ฟ การตี รวมถึงกฎ กติกา มารยาท และระเบียบวินัยทั่วไปรวมถึงความแข็งแกร่งของร่างกาย
โดยที่นี่ ประกอบไปด้วยสนามแบดมินตันขนาดมาตรฐาน 18 สนามที่แบ่งเป็นสองโรงยิม โรงยิมละ 9 สนาม โรงยิมแรกเป็นโรงยิมสีเขียวซึ่งพื้นสนามเป็นยางคุณภาพมาตรฐานจากประเทศเยอรมนี มีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูง โรงยิมสีเขียวนี้จะอนุญาตให้ใช้ได้สำหรับนักกีฬาของโรงเรียนเท่านั้น ส่วนโรงยิมสีฟ้าที่เป็นพื้นยางคุณภาพภายในประเทศให้สำหรับประชาชนทั่วไป
“ในระดับพื้นฐาน เราค้นหานักกีฬาที่เริ่มต้นด้วยความที่อยากออกกำลังกาย อยากจะเลือกกีฬาสักประเภทหนึ่ง ลองดูว่าตัวเองชอบหรือเปล่า อะไรแบบนี้ เมื่อเล่นได้ระยะหนึ่งโค้ชและทีมงานก็จะมองว่าเด็กคนนี้สามารถไปต่อได้ไหม เราก็จะไปคุยกับผู้ปกครองว่า สนใจไหมที่เด็กคนนี้จะซ้อมแบบจริงจังเลย และพัฒนาขึ้นมาจากเล่นเพื่อสนุกก็มาเป็นจริงจัง เป็นนักกีฬาแข่งขันในทัวร์นาเมนท์ต่างๆ เพื่อดูความสามารถของเขาว่าจะพัฒนาไปได้ระดับไหน” คุณกมลากล่าว
“ส่วนใหญ่นักกีฬาที่เราสร้างจะเริ่มกันตั้งแต่ประมาณ 6 ขวบ พอสัก 8 ขวบ ไปได้แชมป์เราก็เริ่มมองแล้ว คือมาในแนวเดียวกับของน้องเมย์ประมาณเดียวกัน แล้วเราก็เดินต่อไปเรื่อยๆ เรามีแบบนี้เรียกว่าแทบจะทุกเจเนอเรชั่นเลย ตอนนี้เราก็ทำไว้ต่อเนื่องเรื่อยๆ
แนวทางการพัฒนานักกีฬาของบ้านทองหยอดนั้น เราต้องมีระบบทดแทนส่งต่อนักกีฬาจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง และหัวใจที่สำคัญที่สุด คือ การส่งนักกีฬาไปลงแข่งขันทัวร์นาเมนท์ใหญ่ๆอย่างสม่ำเสมอ การได้ไปเล่นในทัวร์นาเมนท์ระดับโลกตั้งแต่เด็กจะเป็นการสร้างความคุ้นชินให้กับนักกีฬา
ในเรื่องของการลงทุนนั้น “แม่ปุก” บอกว่า จริงๆ แล้วเราก็มีการลงทุนตลอดทั้งปี แต่เราก็ได้รับการส่งเสริมจากบรรดาผู้สนับสนุนต่างๆ ด้วย ทำให้เราทำงานอย่างง่ายขึ้น หากไม่มีผู้สนับสนุน แน่นอนว่า เราจะทำงานยากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า
“ในฐานะตัวแทนของบ้านทองหยอด ต้องขอขอบคุณ สิงห์คอร์เปอเรชั่น ที่เข้ามาช่วยเราเป็นสปอนเซอร์หลักเลยในการส่งนักกีฬาแข่งขันในระดับนานาชาติ ทำให้นักกีฬาเหล่านี้หมดความกังวลเรื่องทุนที่จะใช้ และสามารถโฟกัสเกมในสนามได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง แล้วเรายังมี บางจาก, ช่อง 3หรือ แอร์เอเชีย ก็ช่วยให้เราเบาไปได้เยอะ และช่วยให้นักกีฬาเยาวชนของเรามีโอกาสได้ออกไปหาประสบการณ์”
สำหรับคลื่นลูกใหม่ที่เราแอบกระซิบถามแม่ปุกว่ามีใครมีแววที่จะแจ้งเกิดแบบน้องเมย์อีกไหม เรื่องนี้ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านทองหยอดรีบบอกทันที
“ถ้าเด็กมีแววขนาดนั้นก็มีค่ะ อย่างน้องจิว-ภัทรสุดา ไชยวรรณ ก็ถือเป็นเป้าหมายคนต่อมาที่เรามองว่าใกล้เคียงและสามารถตีกับนานาชาติได้ในระดับอายุของเขา น่าจะไปถึงจุดที่ใกล้เคียงกับน้องเมย์ได้ แต่ช่วงของน้องจิวบังเอิญเป็นช่วงที่นักกีฬาดีขึ้นมาทุกชาติเลย ก็เลยอาจไม่เร็วเท่าน้องเมย์ เพราะว่า น้องเมย์นี่อายุ 14 ได้แชมป์เยาวชนโลกและได้ติดต่อกัน 3 สมัย ซึ่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ อย่างน้องจิวเราก็หวังจะให้เร็วเท่าน้องเมย์ แต่ก็ยังไม่เร็วเท่า เพราะตอนนี้คู่ต่อสู้ค่อนข้างที่จะบี้กันหลายคนเรียกว่าเบียดกันมาก ส่วนประเภทชายที่น่าจับตาก็จะเป็น น้องวิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์, น้องจริง-พัชรพล นิพรรัมย์ ซึ่งเราดูสไตล์การเล่นแล้วเราคิดว่าเขาตีได้ในระดับแนวหน้าในรุ่นๆ เดียวกับเขา”
ซึ่ง “แม่ปุก” ยืนยันว่า ตอนนี้การทำงานของเราเป็นไปอย่างเข้มข้น เราทำทุกอย่างเพื่อเดินมาในวิถีที่ “น้องเมย์” เคยเดินมา เป้าหมายของเราไม่ใช่แค่ระดับชาติ แต่ต้องไประดับโลก แน่นอนว่า ความหวังสูงสุดอีกหนึ่งขั้นของเราก็คือ อยากเห็นนักกีฬาไทยได้เหรียญโอลิมปิกเกมส์ให้จงได้
....เท่ากับว่า สองฝันแรกนั้นเป็นไปได้แล้ว ทั้งนักกีฬาติดทีมชาติ และก้าวไกลไประดับโลก ทำให้ตอนนี้ “บ้านทองหยด” เหลืออีกหนึ่งฝันที่จะเติมเต็มนั่นก็คือ เหรียญโอลิมปิก
สิงหาคมนี้ได้รู้กันแน่ว่า จะทำได้หรือไม่
ซึ่งเป็นที่สุดแห่งฝันของคนไทยที่ต้องตามเชียร์เช่นกัน!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี