.
“แซมบ้า” บราซิล กลับมาคว้าแชมป์โลกได้อีกครั้งในการเตะครั้งแรกที่ดินแดนคอนคาเคฟ ถิ่นของเม็กซิโก
การเดินทางของแชมป์โลกสมัย 3 ของกองทัพลูกหนังเซเลเซา เริ่มเส้นทางในรอบแรกอยู่ในกลุ่ม 3 ด้วยการเอาชนะ เช็กโกสโลวาเกีย 4-1 ตามด้วยการเถือ อังกฤษ 1-0 จากประตูชัยของ แจร์ซินโญ่ และเปิดท้ายด้วยการบด “ผีดิบ” โรมาเนีย 3-2 เก็บชัยชนะ 3 นัดรวดเข้ารอบด้วยการเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่ม
ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายขุนพลเซเลเซา ต้องพบกับ เปรู ชาติจากทวีปเดียวกัน ซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขาเมื่อสามารถเอาชนะไปได้ 4-2 จากการทำคนเดียวสองประตูของ ทอสเทา ทะลุเข้ารอบตัดเชือกไปพบกับ อรุกวัย ที่เคยทำพวกเขาน้ำตาตกใน มาราคาน่า เมื่อปี 1950
บราซิล ที่ลงเล่นด้วยความมั่นใจ แม้จะถูก อุรุกวัย ทำประตูออกนำไปก่อน 1-0 แต่พวกเขาก็มายิงสามประตูรวดแซงเอาชนะไปได้ 3-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับ อิตาลี
ในรอบชิงชนะเลิศฟาดแข้งกันที่ เอสตาดิโอ อัซเตก้า ท่ามกลางแฟนบอลราวหนึ่งแสนคนที่เข้ามาเป็นสักขีพยาน ปรากฏว่า บราซิล ไล่ทุบ อิตาลี ไปแบบเละเทะไม่เป็นท่า 4-1 โดยเฉพาะประตูปิดกล่องของ คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ถือว่าเป็นการเล่นด้วยทีมเวิร์คที่ดีที่สุดลูกหนึ่งเท่านี้โลกนี้เคยมีมา
ชัยชนะครั้งนี้เกิดสถิติมากมาย มาริโอ ซากาโล่ เป็นคนแรกที่เป็นทั้งนักเตะและกุนซือที่ได้แชมป์โลก, เปเล่ ครองแชมป์โลก 3 สมัยคนแรกของโลก, พวกเขาชนะทุกนัด, แจร์ซินโญ่ ยิงทุกนัด และทีมคว้าแชมป์โลก 3 สมัยทีมแรก ครองถ้วยจูลส์ ริเมต์ เป็นกรรมสิทธิ์อีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี