ชีพจรลงเท้าพาเดินทางมายังประเทศแถบยุโรปอีกครั้ง.......
กับการทำข่าวศึกฟลอร์บอลชิงแชมป์โลก ที่จัดขึ้น 2 ปีต่อ 1 ครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 12 ที่กรุงปราก ประเทศสาธารณรัฐเช็ก กีฬาที่อาจจะใหม่สำหรับไทยหลายคน
แต่ทีมชาติไทยของเราที่เริ่มต้นเล่นจริงจังไม่นาน ถือว่า “ทีเด็ด”
เมื่อเข้ารอบสุดท้ายศึกเวิลด์คัพเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน
ครั้งแรกเมื่อ 2 ปีก่อน ที่กรุงริกา ประเทศลัตเวีย นักกีฬาไทยมาในฐานะ “ม้านอกสายตา” แทบจะไม่มีใครรู้จัก ดีกรีก็คือ เหรียญเงินซีเกมส์ 2015
แต่ทุกสายตาก็ต้องใจเมื่อเราได้อันดับที่ 14 ของการแข่งขัน และดีที่สุดของเอเชีย-โอเชียเนีย
สองปีผ่านไป ทีมชาติไทยถูกจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากรักษาผลงานอย่างต่อเนื่อง ด้วยการได้แชมป์เอเชีย ที่ไทยเราเป็นเจ้าภาพ ก่อนจะคัดเลือกตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายชิงแชมป์โลก ได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน
ทีมชุดนี้มี นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ นายกสมาคมกีฬาฮอกกี้ ผู้กำกับดูแลฟลอร์บอล นำทัพมาพร้อมกับคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ที่ได้รับการสนับสนุนการทำทีมโดย บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ที่มี นายสรัญ รังคสิริ ร่วมให้กำลังใจ
ในส่วนของผู้ทำทีมยังเป็น เคนเน็ธ โก๊ะ บุนโฮค หัวหน้าสต๊าฟโค้ชชาวสิงคโปร์ และมี พลเรือเอกไกรวุธ วัฒนธรรม เป็นผู้จัดการทีม
ทางด้านตัวผู้เล่นยังมีนักกีฬากำลังหลักจากเมื่อ 2 ปีก่อนอยู่กันครบครัน นำโดย ปวัฒน์ ไทยดิษฐ์ ดาวซัลโว, อเล็กซานเดอร์ ริเนฟาลค์ เป็นตัวทำเกม, พี่ ไชยกุล กัปตันทีมที่เป็นแนวรับ รวมถึงคู่แกร่งอย่าง ชูศักดิ์ นาคประเสริฐ และวีระศักดิ์ พิมพา
น่าเสียดายที่ จิมมี่ โฮลสเตริม กับ สัตยา ไม่ค่อยฟิต ทำให้ไม่สามารถที่จะช่วยทีมได้ถนัดเท่าไหร่นัก
ความน่าสนใจก็คือ การแข่งขันฟลอร์บอลชิงแชมป์โลก รอบสุดท้าย จริงอยู่ที่มี 16 ทีม แบ่งออกเป็น 4 สาย สายละ 4 ทีม แต่ไม่ใช่ว่าจะนำทีมอันดับ 1 กับ 2 ของแต่ละกลุ่มเข้ารอบ
เนื่องจาก “8 ทีมแรก” ถือว่าเป็นพวก “จอมเทพ” ทำให้กลุ่ม เอ กับ กลุ่ม บี คือพวก “เทียร์ เอ” ส่วนกลุ่ม ซี และ ดี คือกลุ่ม “เทียร์ บี”
รายละเอียดปลีกย่อยลงมาก็คือ กลุ่ม ดี คือกลุ่มที่ทีมอันดับท้ายที่สุด ขณะที่ ไทยเราถูกจับไปอยู่ในกลุ่ม ซี นั่นหมายถึงผลงานการแข่งขันจากครั้งที่แล้ว ทำให้เหมือนกับถูกยกให้ไปอยู่กลุ่มที่แกร่งขึ้นกว่าเดิม
เมื่อกลุ่มแกร่งขึ้น และไม่ได้เป็นประเภท “นอกสายตา”อีกต่อไป ทำให้งานยากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
การเล่นในรอบแรก “ไม่แปลก” ที่ไทยจะแพ้ทั้ง 3 นัด เมื่อต้องเจอกับ โปแลนด์ กับ เอสโตเนีย พวกนี้เป็นประเภทลุ้นขึ้นไปเป็นท็อป 10 และอีกทีมคือ ออสเตรเลีย ที่สูสีกันสุดๆ
สองปีก่อน ไทย ชนะ ออสเตรเลีย 4-3 ในรอบจัดอันดับ มาครั้งนี้เราแพ้ 3-4
เส้นทางขีดให้มาเจอกับ “คู่ปรับ” อย่าง สิงคโปร์ ในรอบจัดอันดับปีนี้ ซึ่งโค้ชเคนเน็ธ บอกว่า นี่คือ “โลคอล ดาร์บี้”
อย่างแท้จริง
สิงคโปร์ คือผู้ยัดเยียดความปราชัยในนัดชิงซีเกมส์ 2015 แต่หลังจากนั้นก็โดนทีมชาติไทย ทุบแหลก 8-2 ในเกมชิงแชมป์โลก รอบแรก เมื่อ 2 ปีก่อน และ ไทย ก็ย้ำแค้นในศึกชิงแชมป์เอเชีย
หนนี้ก็เช่นกัน
ทัพไทย สู้กับทัพลอดช่องได้อย่างสนุก ต้องบอกว่าเป็นเกมที่กดดัน เป็นเกมที่สู้กันด้วยศักดิ์ศรี และสำคัญก็คือ ผู้ชนะจะเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย
พีเรียดแรก ไทย เดินเครื่องบุกหนัก แต่โดนสวนครั้งเดียวเสียประตูไปก่อนจาก แกรี่ หว่อง ในนาทีที่ 9 จากนั้น ไทย น่าจะได้ลูกตีเสมอ เมื่อ วีระศักดิ์ พิมพา ยิงไกลเข้าไปเสียบตาข่าย พร้อมกับเสียงนกหวีดหมดเวลาพีเรียดแรกดังขึ้นพอดี ทำให้ผู้ตัดสินต้องไปดู Video Review เพื่อช่วยตัดสิน
ก่อนจะเป่าว่าหมดเวลาไปก่อน ทำให้ ไทย ชวดได้ประตู และหมดพีเรียดแรกตามหลัง 0-1
พีเรียดที่สอง ไทย เดินเครื่องถล่มหนักตามตีเสมอได้สำเร็จจาก ธนกฤต ชยาฤทธิ์ นาทีที่ 21 จากนั้น ไทย กำลังบุกเพลินๆ ก็มาเสียประตูที่สองให้คู่ปรับจากแดนลอดช่อง อัคมาล ชาฮารูดิน ทำประตูในนาทีที่ 32
แต่อีก 6 นาทีต่อมา ไทย ตามตีเสมอได้อีกครั้งเป็น 2-2 จาก ธนกฤต เป็นประตูที่ 2 ของเขาในนัดนี้ด้วย และก่อนหมดพีเรียด 2 แค่นาทีเดียว ไทยพลิกนำ 3-2 จาก อภิเชษฐ์ รัตนประทุม
พีเรียดสุดท้าย สิงคโปร์ เดินเครื่องหนักก่อนจะได้ประตูตีเสมอ 3-3 จาก ซายาซนี่ รามลี นาทีที่ 50 และพยายามเล่นเกมรุกหวังเผด็จศึก
ช่วงนั้น สิงคโปร์ เล่นได้เกรี้ยวกราดสุดๆ พวกเขาคิดจะยิงได้จะได้จบ แต่มาโดนสวนตูมเดียวหาย...
ไทย แย่งบอลมาได้และทำชิ่งขึ้นมา 3 จังหวะ มาเข้าทาง ปวัฒน์ ไทยดิษฐ์ หัวหอกตัวเอ้ของทีมซัดไม่เหลือในนาทีที่ 55 จบเกม ไทย ชนะสุดมันส์ 4-3
ชัยชนะครั้งนี้ไม่ใช่แค่ย้ำแค้นให้ สิงคโปร์ อีกครั้ง แต่เป็นการยกทุกสิ่งทุกอย่างออกจากอก เพราะถ้าแพ้นั่นหมายว่า จะต้องไป “เล่นหนีบ๊วย”
แต่เมื่อเป็นแบบนี้ ทัพไทยกำชัยได้สำเร็จ พร้อมกับทำอันดับได้ดีที่สุดของทวีปเอเชีย
แม้ว่านัดสุดท้าย จะพ่ายให้กับ โปแลนด์ 1-9 แต่นั่นมาจากการที่ เคนเน็ธ ต้องการให้ทุกคนได้มีโอกาส ได้มีส่วนร่วมกับเกมระดับโลก
ก่อนจะคว้าอันดับที่ 14 ทำผลงานได้เท่ากับเมื่อ 2 ปีก่อน
ว่ากันตามเชิง อาจจะไม่ได้หรูหราฟอร์มดีเหมือนเมื่อครั้งที่แล้ว แต่เป็นเพราะการต้องมาเจอกับคู่ต่อสู้ที่ “เบอร์ใหญ่”ขึ้น และเจอกับ “กำแพง” ที่ใหญ่ แถมยังแน่นหนา การจะเบียดขึ้นไปมากกว่านี้ ยอมรับกันตามตรงว่า ยากถึงยากมากจริงๆ
นั่นหมายว่า ทัพไทยหากจะต้องทำให้ดีกว่านี้นั่นคือ การก้าวให้ถึงอันดับที่ 13 ในครั้งถัดไป คือเป้าหมายใหญ่เอาไว้พุ่งชน
น่าสนใจก็คือ คู่ปรับในเอเชีย เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ หนนี้ ญี่ปุ่น ที่เข้ามาเล่นรอบสุดท้าย สามารถทุบ สิงคโปร์ ได้สำเร็จ น่าจะเป็นคู่แข่งที่ควรให้ความสนใจ รวมไปถึงพวกที่ “เคยเก่ง”อย่าง เกาหลีใต้
เป็นสิ่งที่ทีมไทยต้องเตรียมรับมือ
เรื่องหัวใจไม่ต้องห่วง ทุกคนถือว่าเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จำเป็นยิ่งที่จะต้องเพิ่มเรื่องแท็กติกการเล่นเกมรับ และเทคนิคเฉพาะตัวให้มากกว่านี้ รวมถึงนักกีฬาต้องรักษาความฟิตให้ดี เพราะเกมฟลอร์บอลถือว่า เร็ว, แรง และแข่งแบบถี่ยิบ
สำคัญที่สุดก็คือ ต้องจับตา “สิงคโปร์” แบบห้ามกะพริบตา เพราะยังไงก็จะเป็น “ไม้เบื่อไม้เมา” กับทีมชาติไทย ไปตลอดกาล โดยเฉพาะการแข่งขันซีเกมส์ ปลายปีหน้า ที่ประเทศฟิลิปปินส์
ยังไงก็ต้องวัดฝีมือกันอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ขอไทยเฮก่อนแล้วกันนะเพื่อน!!!!
บี แหลมสิงห์
Made in Czech republic
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี