เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เตรียมผ่าทางตันในแนวรับดวลแข้งกับ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ขาใหญ่จากเมืองเบียร์ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ที่สนามแอนฟิลด์ คืนวันอังคารนี้ เวลา 03.00 น.
เกมนี้ “หงส์แดง” มีปัญหาแนวรับต่อเนื่องที่ต้องแก้ปัญหามานานนับเดือน โดยครั้งนี้ เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค กองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลกชาวเนเธอร์แลนด์ ติดโทษแบน แถมตำแหน่งนี้เหลือแค่ โฌแอล มาติ๊ป เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ฟิตสมบูรณ์ เพราะ เดยัน ลอฟเรน เหมือนยังไม่พร้อมเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับ โจ โกเมซ ที่เดี้ยงไปแล้วเกือบ 3 เดือน อาการยังไม่ดีขึ้นต่อผ่าตัดเป็นรอบที่ 2 เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ในตำแหน่งแบ๊กขวาจะได้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลับมาประจำการอีกครั้ง หลังจากเจ็บไปเกือบ 3 สัปดาห์ คาดว่า ฟาบินโญ่ จะถูกถอยลงมายืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ คู่กับ มาติ๊ป ทำให้แดนกลาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จะได้เล่นกับ นาบี เกอิต้า กับ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม ส่วนแกนรุกยังเป็น 3 ประสาน ซาดิโอ มาเน่, ฟีร์มิโน่ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์
ทางฝั่งผู้มาเยือนถือว่าเต็มสูบเช่นกันเมื่อได้ มานูเอล นอยเออร์ นายประตูจอมเก๋า กลับมาลงเล่นพร้อมกับ คิงส์ลี่ย์ โกมัน ที่ฟิตทัน เดินเกมบุกล่าสกอร์ร่วมกับ แซร์ก กนาบรี้ และโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ แต่ โธมัส มุลเลอร์ ติดโทษแบนลงไม่ได้ โดยแผงกลางคาดว่า เลออน กอร์เร็ตซ์ก้า จะเบียดลงตัวจริงร่วมกับ ติอาโก้ อัลคันทาร่า และฮาเมส โรดริเกซ
สำหรับคู่นี้แม้ว่าจะครองเจ้ายุโรปกันมาแล้ว ทีมละ 5 สมัย กลับไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่นักในเกมอย่างเป็นทางการ โดยพบกันมาทั้งหมดเพียงแค่ 7 นัดเท่านั้น ลิเวอร์พูล สถิติดีกว่าด้วยการชนะ 2 บาเยิร์น ชนะ 1 และเสมอกัน 4 นัด แถมการเจอกันในถ้วยนี้ 2 นัดก็เสมอกันทั้ง 2 เกมในรอบตัดเชือก ปี 1981 โดยเสมอกัน 0-0 ที่แอนฟิลด์ ก่อนจะไปเสมอที่มิวนิค 1-1 ทำให้ ลิเวอร์พูล เข้ารอบด้วยอะเวย์โกล์ และเป็นแชมป์ยุโรปในปีนั้นอีกด้วย
อีกคู่ในวันเดียวกัน “โอแอล” โอลิมปิก ลียง ของฝรั่งเศส เปิดบ้านเจอกับ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า เกมนี้เจ้าบ้านถือว่ากระอักเลือดเมื่อ นาบิล เฟคีร์ เพลย์เมกเกอร์กัปตันทีม ติดโทษแบนลงเล่นไม่ได้ ยังดีที่ แตงกาย เอ็นดอมเบเล่ ผ่านความฟิตกลับมาพอดี หลังจากสลัดปัญหาเจ็บข้อเท้า รวมทั้ง เจสัน เดนาเยอร์ ปราการหลังก็พร้อมเช่นกัน โดยเกมรุกวาง เมมพิส เดปาย ที่ซัดไป 6 ลูก กับ 13 แอสซิสต์ เป็นตัวความหวัง
ฝั่งของ บาร์ซ่า ไม่มี ราฟินญ่า, อาร์ตูร์ และโธมัส แฟร์มาเล่น รวมไปถึง ซามูแอล อุมตีตี้ ที่เจ็บที่หัวเข่า ทำให้ เกลมองต์ ลองเลต์ ยืนเซ็นเตอร์คู่กับ เคราร์ด ปีเก้ ส่วนแนวรุก อุสมาน เดมเบเล่ จะลงเล่นกับ หลุยส์ ซัวเรซ และลีโอเนล เมสซี่
สถิติคู่นี้เจอกันมาทั้งสิ้น 7 นัด บาร์ซ่า ไม่เคยแพ้และชนะไป 4 นัด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี