‘ครูตุ้ย’ยอดธง เสนานันท์ หรือนายยอดธง ศรีวราลักษณ์ ปรมาจารย์มวยวัย 75 ปีที่ ป่วยด้วยโรคชราถูกนำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล จังหวัดชลบุรีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้ถึงแก่กรรมด้วยความสงบเมื่อช่วงเวลา12.00 น.ของวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้เจ้าภาพและครอบครัวตกลงนำศพของยอดธงไว้ที่ค่ายมวยเพื่อบำเพ็ญกุศลตามประเพณีจีนและไทย
อาจารย์ยอดธงแท้ที่จริงเป็นชาวไทยเชื้อสายจีนมีชื่อจริงว่านายยอดธง ศรีวราลักษณ์แต่เปลี่ยนนามสกุลมาใช้เสนานันท์ในภายหลัง เกิดที่ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2480 เป็นครูสอนวิชามวยไทยผู้อุทิศตนเพื่อส่งเสริมศิลปะการต่อสู้ประจำชาติมาช้านาน จนได้รับการยกย่องเชิดชูจากสังคมในเวลาต่อมา โดยทั่วไปมักเรียกชื่อครูยอดธงกันว่า "ครูตุ๊ย" หรือ "ครูตุ้ย"
นอกจากนี้ท่านยังมีลูกศิษย์เป็นนักมวยที่มีชื่อเสียงหลายรายเช่น สามารถ พยัคฆ์อรุณ, ก้องธรณี พยัคฆ์อรุณ รวมทั้ง ยอดสนั่น 3เคแบตเตอรี่ อีกทั้งยังเป็นผู้ก่อให้เกิดนักมวยไทยแชมป์เวทีต่างๆมารวมถึง 57 คนนับเป็นผู้สร้างแชมป์เปี้ยนมวยไทยเป็นจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ ครูยอดธงเป็นเจ้าของค่ายมวยศิษย์ยอดธง ซึ่งอยู่ในอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี และเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิค่ายมวยยอดธงนานาชาติ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการเผยแพร่และอนุรักษ์ศิลปะมวยไทย
ว่ากันว่าครูตุ๊ยมีลูกศิษย์เรียนรู้วิชามวยไทย ทั้งชาวไทยและต่างประเทศทั่วโลกหลายพันคน ซ้ำยังเคยถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่หนึ่งแบบพิเศษเป็นจำนวนมากถึง 56 ล้านบาทเมื่อปี 2548 แต่แจกให้ลูกศิษย์และคนทั่วไปที่มาขอจนเกือบหมด คงเหลือเก็บไว้รักษาตัวแค่ 16 ล้านบาทให้คนอื่นๆไป 40 ล้านบาท
นายดาวธง ศิษยยอดธงอดีตแชมป์ชื่อดังศิษย์เอกของครูตุ๊ยเผยว่า หลายคนคิดว่าครูเป็นเศรษฐี แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยครูใช้ชีวิตอย่างสมถะมาตลอด จะอดยังไงครูก็ไม่เคยเอ่ยปากขอใคร
ครูยอดธง เป็นผู้ที่ชอบมวยมาตั้งแต่ 4 ขวบ อีกทั้งชื่นชอบกีฬาทุกประเภทที่เป็นการต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นปลากัด ไก่ชน จบประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนเทศบาล 1 อำเภอเมืองบ้านโป่ง เมื่อมีอายุได้ 13 ปี ก็ย้ายมาอยู่กับพี่สาวที่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี แล้วเริ่มหัดมวยอย่างจริงจังกับครูสิทธิเดช สมานฉันท์ โดยทำการชกมวยครั้งแรกที่งานวัดเขาพระบาทบางพระ อำเภอศรีราชา ตั้งแต่อายุ 15 ปี ด้วยค่าตัวเพียง 50 บาท
จากนั้นก็ตระเวนชกเรื่อยมา พออายุได้ 17 ปี ครูสุวรรณ เสนานันท์ได้ชวนมาอยู่ค่ายมวย และตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “ยอดธง เสนานันท์” ท่านได้เดินสายชกมวยทั่วประเทศ ก่อนเลิกชกเพราะแม่ของภรรยาขอร้อง จึงตั้งค่ายมวยศิษย์ยอดธง ที่มาบตาพุด ก่อนย้ายมาอยู่ที่อำเภอบางละมุง และใช้ชื่อนี้เรื่อยมาตลอดการชกกว่า 50 ไฟท์ จนกระทั่งแขวนนวม
ชาวต่างชาติรุ่นแรกที่ได้มีฝึกมวยไทยที่ค่ายมวยแห่งนี้คือชาวดัตช์ จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ในสมัยที่ ก้องธรณี และสามารถ พยัคฆ์อรุณ รวมทั้ง ศรศิลป์ ศิษย์เนินพยอม กำลังเป็นที่รู้จักในวงการ มาฝึกที่ค่ายมวยแห่งนี้ ซึ่งมี "ร็อบ กามัน" มาฝึกฝนเป็นคนแรก และมี "รูเซียน การ์บิ้น" เป็นรายต่อมา ก่อนที่รูเซียน การ์บิน จะขออนุญาตเปิดโรงฝึกโดยใช้ชื่อ "ศิษย์ยอดธงยิม" ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ส่งผลให้ค่ายมวยดังกล่าว เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในเวลาต่อมา
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2551 ครูยอดธงได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขามวยไทยศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง จากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ณ สวนอัมพร กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ถือได้ว่าครูยอดธง เป็นบุคคลแรกของโลกที่ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์นอกรั้วมหาวิทยาลัย และก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2534 ได้รับโล่พระราชทานครูมวยไทยดีเด่นแห่งชาติ จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ วังสวนจิตรลดา กรุงเทพมหานครและในปี 2539 ได้รับคุณวุฒิมวยไทยขั้นสูงสุด มงคลทอง ประเจียดทอง จากสมาพันธ์สมาคมมวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ
สำหรับศพของครูนั้น ทางนายดาวธงศิษย์เอกบอกว่า ครอบครัวครูที่มีภรรยา 3 คนได้ให้เก็บไว้ที่โรงพยาบาลก่อน2 วันเพราะเป็นเทศกาลตรุษจีน ในวันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์จะนำศพมาตั้งสวดตามธรรมเนียมจีนและไทยที่ค่ายมวยของครูที่เมืองพัทยาซึ่งน่าจะตั้งศพไว้ไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์แล้วจากนั้นจะนำไปฝังที่สุสานตามธรรมเนียมจีนในสุสานพื้นที่ของจังหวัดชลบุรีต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี