จากการที่ “สิงห์บลูส์” เชลซี ทีมดังแห่งสโมสรฟุตบอลอังกฤษ ได้ทำการแต่งตั้งกุนซือคนใหม่คือ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จูเนียร์ อดีตดาวเตะระดับตำนานของทีม วัย 41 ปีเข้ามาทำงานเป็นผู้จัดการทีมนั้น
ปรากฏว่า บริษัทรับพนันถูกต้องตามกฎหมายของอังกฤษ ไม่มั่นใจว่า แลมพาร์ด ที่มีประสบการณ์ทำงานผู้จัดการทีมอาชีพเพียงปีเดียวกับ “ไอ้หัวแกะ” ดาร์บี้ เคาน์ตี้ จะมีน้ำยาเพียงพอที่จะต้องมาแบกภาระหนักกับ เชลซี ที่มีปัญหาในเรื่องการปลดผู้จัดการทีมมาโดยตลอด ในยุคของ “เสี่ยหมี” โรมัน อบราโมวิช เป็นเจ้าของทีม ทำให้ยก แลมพาร์ด เป็นเต็ง 1 ที่จะโดนปลดออกจากตำแหน่ง
เรื่องนี้ “แพดดี้ พาวเวอร์” ได้วางแลมพาร์ด เป็นเต็ง 1 แบบไม่มีใครต้องการให้ยืนเป็นม้าเต็งในการตกงานเป็นคนแรกในซีซั่น 2019-20 ในอัตรา 6-1 เท่ากับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามมาด้วย เกรแฮม พ็อตเตอร์ กุนซือคนใหม่ของ “นกนางนวล” ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน อัตรา 7-1, คริส ไวเดอร์ กุนซือของ “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด น้องใหม่ 10-1, มานูเอล เปเยกรินี่ กุนซือเวสต์แฮม 12-1 และมาร์โก้ ซิลวา กุนซือเอฟเวอร์ตัน กับ ฆาบี้ กราเซีย ของวัตฟอร์ด อัตราเท่ากันที่ 14-1
“ผมจำได้เสมอในตอนเป็นนักเตะ หลายคนบอกว่า ผมไม่ควรมาอยู่ที่นี่ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์ ผมทำงานหนักที่นี่ ผมไม่ต้องการเครดิตสำหรับตอนที่ผมยังค้าแข้ง ผมต้องการให้ตัดสินผมในเวลานี้ แน่นอนที่สุดว่าหนนี้ก็เช่นกัน ตอนนี้ผมขอตั้งใจทำแต่งาน และคงไม่มีใครพูดเรื่องท็อปโฟร์ พวกเขาไม่ต้องการพูดเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าเราเป็นสโมสรที่สามารถติดท็อปโฟร์ได้อยู่แล้ว ผมรู้จักสโมสรแห่งนี้ดี และมาตรฐานของที่นี่ เราต้องอยู่ที่อันดับที่เราควรจะอยู่เท่านั้น” แลมพาร์ด กล่าวในวันรับงาน
ขณะที่อัตราอื่นๆ ที่น่าสนใจก็คือ แลมพาร์ด จะนำทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อยู่ที่ 25-1, นำทีมติดท็อปโฟร์ อัตรา 5-4 รวมถึงอัตรา 8-1 อยู่จนถึงสิ้นฤดูกาลนี้ นอกจากนี้แล้วยังมีการเปิดอัตราที่ว่าแลมพาร์ด จะพาทีมคว้าแชมป์ใดแชมป์หนึ่งที่ 6-1
สำหรับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จูเนียร์ เป็นนักเตะระดับตำนานของเชลซี ประสบความสำเร็จมากมายในการเล่นให้ทีมยาวนานตั้งแต่ปี 2001-2014 รวม 648 นัด ซัดไปถึง 211 ประตู คว้าแชมป์ประกอบด้วย พรีเมียร์ลีก 3 สมัย 2004-05, 2005-06, 2009-10,เอฟเอ คัพ 4 สมัย 2006-07, 2008-09, 2009-10, 2011-12, ลีกคัพ 2 สมัย 2004-05, 2006-07, แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัยปี 2011-12 และยูโรป้าลีก 1 สมัย ปี 2012-13
อย่างไรก็ตาม ด้วยการทำงานแบบเอาแต่อารมณ์ของ โรมัน อับราโมวิช นั้น เชลซี ในยุคของเขามีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมบ่อยครั้ง ประกอบด้วย เคลดิโอ รานิเอรี่, โชเซ่ มูรินโญ่(2 รอบ), อัฟราม แกรนท์, หลุยส์ เฟลิปเป้ สโคลารี่, คาร์โล อันเชล็อตติ, อังเดร วิลลาช โบอาช, โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ, อันโตนิโอ คอนเต้ และเมาริซิโอ ซาร์รี่ นอกจากนี้ ยังใช้ผู้จัดการทีมขัดตาทัพ ประกอบด้วย กุส ฮิดดิ้งค์ (2 รอบ), เรย์ วิลกินส์, ราฟา เบนิเตซ และสตีฟ ฮอลแลนด์
ทั้งนี้สถิติการคุมทีมของ แลมพาร์ด กับ ดาร์บี้ ประกอบด้วยการแข่งขันแชมเปี้ยนชิพ 49 นัด, ลีกคัพ 4 นัด, เอฟเอ คัพ 3 นัด รวม 57 นัด ชนะ 24 เสมอ 17 แพ้ 16 ยิงได้ 90 เสีย 70 เฉลี่ยชนะ 42.1 เปอร์เซ็นต์
การเข้ามารับงานครั้งนี้ของ แลมพาร์ด จูเนียร์ เขาได้ดึง โจดี้ มอร์ริส อดีตกองกลางเชลซี ตามมาจากดาร์บี้ เพื่อเป็นผู้ช่วยของเขา รวมไปถึง คริส โจนส์ อดีตโค้ชเชลซี, เอ็ดดี้ นิวตัน อดีตแข้งเชลซี รวมไปถึงอดีตโค้ชชุดยู-23 โจ เอ็ดเวิร์ดส์ กลับมาทำงานทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี