ค้างคาวคุณกิตติ หรือที่เรียกว่า ค้างคาวกิตติ หรือ ค้างคาวหน้าหมู เป็นค้างคาวเพียงชนิดเดียวที่อยู่ในวงศ์ Craseonycteridae สกุล Craseonycteris พบได้ทางตะวันตกของประเทศไทย และทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเมียนมา อาศัยอยู่ตามถ้ำหินปูนริมแม่น้ำ แต่ในปัจจุบันค้าวคาวชนิดนี้จัดอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
ค้าวคาวกิตติค้นพบครั้งแรกปี พ.ศ.2516 โดย กิตติ ทองลงยา นักสัตววิทยาของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย บริเวณถ้ำไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างทำการเก็บตัวอย่างค้างคาวในโครงการการสำรวจสัตว์ย้ายแหล่งทางพยาธิวิทยา กิตติพบค้างคาวที่มีขนาดเล็กมากซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน จึงได้ส่งตัวอย่างค้างคาวให้กับ จอห์น เอ็ดวาร์ด ฮิลล์ (John Edward Hill) แห่งพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ ประเทศอังกฤษ เพื่อตรวจพิสูจน์และพบว่าค้างคาวชนิดนี้มีลักษณะหลายอย่างเป็นแบบฉบับของตนเอง สามารถที่จะตั้งเป็นสกุลและวงศ์ใหม่ได้หลังจากกิตติเสียชีวิตในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2517 ฮิลล์ได้จำแนกและตีพิมพ์ถึงค้างคาวชนิดนี้ และตั้งชื่อว่า Craseonycteris thonglongyai เพื่อเป็นเกียรติแก่ กิตติ ทองลงยา ผู้ค้นพบค้างคาวชนิดนี้เป็นคนแรก
ค้างคาวคุณกิตติ ถือเป็นค้างคาวและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก โดยมีลำตัวยาวประมาณ 29-33 มม.หนักประมาณ 2 กรัม จึงเป็นที่มาของชื่อ “bumblebee bat (ค้างคาวผึ้ง)” ซึ่งเล็กกว่าคู่แข่งคือ หนูผี โดยเฉพาะในหนูผีจิ๋ว(Suncus etruscus) ซึ่งมีน้ำหนัก 1.2-2.7 กรัม แต่มีความยาว 36-53 มม.จากหัวถึงหาง ลักษณะสำคัญของค้างคาวคุณกิตติคือ มีจมูกใหญ่เป็นพิเศษ คล้ายจมูกหมู มีรูจมูกตั้งตรง แคบ มีหูใหญ่เมื่อเทียบกับส่วนหัว ขณะที่ตามีขนาดเล็ก โดยมากถูกปกคลุมด้วยขนอ่อน มีฟันเหมือนกับค้างคาวกินแมลงทั่วไป มีสูตรขากรรไกรบนเป็น 1:1:1:3 และขากรรไกรล่างเป็น 2:1:2:3 มีฟันตัดขนาดใหญ่ด้านบน มีลำตัวสีน้ำตาลแดงหรือสีเทาในส่วนหลัง ด้านท้องสีจะอ่อนกว่า ปีกมีขนาดใหญ่ มีสีเข้มกว่า ปลายยาวเพื่อช่วยค้างคาวในการบินร่อน ปีกกว้างประมาณ 160 มม. ค้างคาวคุณกิตติไม่มีหางถึงแม้จะมีกระดูกสันหางถึง 2 ชิ้น มีแผ่นหนังขนาดใหญ่เชื่อมระหว่างขาหลัง (uropatagium) ซึ่งอาจมีไว้ช่วยในการบินจับแมลง ถึงแม้ว่าจะไม่มีกระดูกหางหรือเดือยที่ช่วยควบคุมการบิน มีอุปนิสัยชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เฉลี่ยแล้วกลุ่มละ 100 ตัวต่อถ้ำ ออกหากินเป็นช่วงสั้นๆ ในตอนเย็นและเช้ามืด หากินไม่ไกลจากถ้ำที่พักอาศัย กินแมลงเป็นอาหาร ตกลูกปีละหนึ่งตัวในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน โดยลูกจะอาศัยเกาะอกแม่แต่ถ้าแม่ค้างคาวต้องออกไปหากินมันจะทิ้งลูกเกาะไว้ในถ้ำ
ในปี พ.ศ. 2550 ค้างคาวคุณกิตติเป็นหนึ่งในสิบโครงการของสปีชีส์ที่ถูกคุกคามอย่างรุนแรง โดยโครงการสัตว์ที่มีวิวัฒนาการโดดเด่นและเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ทั่วโลก (EDGE) เนื่องจากปัจจุบันผลกระทบที่ส่งผลมากและระยะยาวที่สุดต่อประชากรค้างคาวในประเทศไทยคือการเผาป่าในทุกๆ ปี โดยเฉพาะในช่วงผสมพันธุ์ของค้างคาว และเมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานการพบเห็นค้างคาวคุณกิตติขณะเดินสำรวจถ้ำคลัง หมู่ 1 บ้านในยวนแขก ต.อ่าวลึกเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ โดยได้พบค้างคาวขนาดเล็กมากเท่าเหรียญ 10 บาท หลังเดินจากปากถ้ำเข้าไปประมาณ 400 เมตร เกาะอยู่ในรูผนังถ้ำ เพียง 1 ตัว ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นค้างคาวคุณกิตติ
กองประชาสัมพันธ์
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี